realme ประเทศไทยยังคงเปิดหน้าเปิดตัวสมาร์ตโฟนกันอย่างต่อเนื่องและตระกูล C ก็ถึงเวลาออกตัวใหม่แล้วในครั้งนี้มาด้วยกันทั้ง C21 และ C25 นั้นเองซึ่งในครั้งนี้เรามาอยู่ในตระกูล C25 ซึ่งเป็นตัวพี่ในครั้งนี้และมีอะไรใหม่หลากหลายอย่างในรุ่นนี้ที่ใส่เข้ามาครับ แน่นอนว่ามันจะเน้นไปเรื่องของกล้องมากกว่าและเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวในตระกูล C ตัวนี้ครับ รวมถึงสเปกอื่นๆยังคงมาพร้อมกับ HELIO G70 และ ใช้งานแบต 6,000 mAh แน่นอนว่างานออกแบบจะคงยึดแนวทางออกแบบไม่ได้หนีจากรุ่น C21 เท่าไรนักทั้งวัสดุและการวางกล้อง แต่รุ่น C25 นั้นจะมาพร้อมกับ Android 11 และใช้งาน realme UI 2.0. รุ่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน

realme C25 เป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับเลนส์หลัก 48MP ในการถ่ายกล้องหลัก แต่ในสเปกอื่นๆนั้นให้มาถือว่าดีใช้งาน CPU MTK HELIO G70 Octa-Core ขนาด 12nm ความเร็ว 2.0GHz  พร้อมกับ CortexA75  รองรับการใช้งานได้ดี และใช้งาน RAM 4GB STORAGE 64GB ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว IPS LCD HD+ อัตราส่วน 20:9 รองรับความสว่างสูงสุด 480Nits ในเรื่องของกล้องหลังนั้นให้มาทั้งหมด 3 ตัวเป็นเลนส์หลัก 48MP F1.8 รองรับ PDAF และ เลนส์มาโคร 2MP F2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร และ เลนส์ที่ 3 จับระยะ B&W ขาวดำ 2MP F2.4 ครับ น่าเสียดายไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามา แต่จะเป็นการเน้นเลนส์หลักที่มากที่สุดแทน เป็นตัวแรกที่ใส่เข้ามาใน C และ รองรับ PDAF ด้วยเช่นกัน  ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นใส่เข้ามาเป็น 8MP F2.0 รองรับฟังก์ชัน AI Beautification , โหมด HDR , โหมด portrait เช่นเดิมครับ ทางด้านแบตให้มาแน่นๆที่ 6,000 mAh รองรับการชาร์จไว 18W ใช้งาน USB-C รองรับการใช้งาน Bluetooth 5.0 และ Wifi 2.4Ghz,5Ghz เรียบร้อย และ ผ่านการรับรองคุณภาพจาก TUV Rheinland Smartphone High Reliability Certification ทางด้านวัสดุฝาหลังนั้นออกแบบในแนวคิด Geometric Art Design มาด้วยกัน 2 สี คือ Water Grey และ Water Blue พื้นผิวฝาหลังผ่านกระบวนการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมแม่นยำห้าแกนชั้นนำของเยอรมันและหลังจากขัด 300 นาที ได้มีการสลักเส้นโค้ง 450+ เส้น ทำให้ไม่เลอะรอยนิ้วมือแถมยังทนทานขึ้นด้วย

realme C25 เปิดตัวมาด้วย สเปก MTK HELIO G70 พร้อมกับ RAM 4GB STORAGE 64GB พร้อมกับสี Water Gray และ Water Blue ที่ราคา 5,499 บาท

UNBOX

ตัวกล่องในตระกูล C ยังคงสีเหลืองเด่นของแบรนด์ไว้พร้อมกับชื่อรุ่นชัดเจนครับ แน่นอนว่าเราจะเห็นดีไซน์แบบนี้ได้ในหลากหลายรุ่น และอุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นให้มาครบๆทั้ง เคส ฟิล์ม ไม่ได้ตัดออกไปไหนครับรวมถึง Adaptor 18W

  • ตัวเครื่อง realme C25
  • เคส realme C25 แบบใส
  • Adaptor ชาร์จไฟ 18W
  • สาย USB-C ไป USB-A
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
  • ฟิล์มใส ติดมาให้บนหน้าจอ

เคสแถมยังคงใส่เข้ามาให้ในกล่องในรุ่นนี้ครับแน่นอนว่าเป็นเคสที่เราจะเห็นได้ในรุ่นอื่นๆของค่าย มีความบางกำลังดี แต่จะไม่ได้มีขอบพิเศษออกมาปกป้องเลนส์หรือหน้าจอเท่าไรนักตัวเคสเป็นสีเทาๆเข้มๆเล็กน้อยใส่แล้วฝาหลังสะท้อนน้อยลงไปแบบชัดเจน การปกป้องนั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบายคล้ายๆกับเคสรุ่นก่อน และ ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับรุ่น 7 ตัวเคสรุ่นนั้นจะหนากว่า

จะเห็นได้ชัดว่าตัวเลนส์นั้นพอรอดจากการวางคว่ำ หรือในการใช้งานแต่ถ้าเทียบกับรุ่นตระกูลแพงกว่านี้ถ้ารุ่นพวกนั้นจะมีขอบเคสนูนขึ้นมารอบกล้องที่มากกว่านี้ นั้นเองรวมถึงในด้านหน้าจอ แต่เท่าที่เทียบในตัวนี้เคสก็ถือว่าป้องกันได้ระดับนึง ยังไม่โดนตัวเลนส์หรือหน้าจอ และมีความหนากำลังดี เพราะว่าบางยี่ห้อนั้นเคสจะบางมากจนไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลยหรือจะนูนไม่ถึงเลนส์กล้อง แต่ของ realme แม้จะเป็นรุ่น C ก็ถือว่ายังพอไหวระดับนึงเลยครับ

DESIGN

งานออกแบบในรุ่นนี้ยังคงใช้งานการวางกล้อง 4 เหลี่ยมมุมเครื่องพร้อมกับฝาหลังที่เล่นลวดลายสวยงามรวมถึงมีการขึ้นลายพิเศษเช่นเดิมครับรวมถึงการป้องกันรอยนิ้วมือ ใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมแม่นยำห้าแกนชั้นนำของเยอรมันและหลังจากขัด 300 นาที ได้มีการสลักเส้นโค้ง 450+ ทำให้ลดรอยนิ้วมือได้ดี ในตัวเครื่องขนาด 6.5 นิ้วหน้าจอรองรับการใช้งานได้เต็มตาเช่นเดิม รวมถึงขนาดตัวเครื่องกำลังดีครับในการจับถือ และน้ำหนักก็ไม่ได้มากเกินไปในการถือใช้งาน แม้จะเป็นแบต 6,000 mAh ก็ตาม ในขนาดหนา 9.6มม. และหนัก 209 กรัมเท่านั้นในรุ่นนี้ครับ ตัวเครื่องจะมาพร้อมกัน 2 สีคือสีเทา และ ฟ้า หรือทางค่ายเรียกในชื่อ Water Gray และ Water Blue นั้นเองครับ

ทางด้านหน้าจอยังคงใช้งานหน้าจอตัวเดียวกับ C รุ่นอื่นมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ  IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจก Gorilla Glass  ด้วยนะครับถือว่าโอเคเลย และมีฟิล์มติดมาให้แล้วเช่นกัน รองรับความสว่าง 480Nits โค้งมุมนิดๆครับ

หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิมมาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 8MP รูรับแสง f/2.0  ถือว่าความละเอียดจะสูงกว่าตัว 21 ชัดเจน

ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C อื่นๆ แต่รุ่นนี้กระจกจะขอบโค้งเข้ามาเล็กน้อยถ้าเทียบกับ C12 C21 ทำให้ดูมีความหรูหรามากกว่าพวกนั้นที่จะแบนเรียบๆ

ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า วัสดุโทนสีเดียวกันฝาหลังทั้งหมดครับ

ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีแดงสดแบบเดียวกับข้างหลังแต่ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่น C21 ก่อนหน้าจับได้ถนัดมือมากขึ้น

ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power  กับ เพิ่ม/ลด เสียง  จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกเลยแม้แต่น้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และ งานออกแบบตามขอบใกล้เดิม

ในด้านล่างของตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นว่ามาพร้อมกับขอบข้างๆโค้งลงนิดหน่อยพร้อมกับ ลำโพงหลัก และ USB-C รวมถึง ไมค์ และ รูหูฟัง 3.5 มม. เสริมเข้ามาให้ในด้านล่างครับ เป็นการวางที่คล้ายคลึงกับรุ่นอื่นๆของแบรนด์นี้

ฝาหลังในรุ่นนี้ยังคงใช้งานวัสดุพลาสติกขึ้นลวดลายพิเศษที่ทางค่ายอิงมาจากงานออกแบบ Geometric Art Design  ผ่านกระบวนการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมแม่นยำห้าแกนชั้นนำของเยอรมัน และหลังจากขัด 300 นาที ได้มีการสลักเส้นโค้ง 450+ เส้นเพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงสะท้อนพิเศษ  และทำให้มันมีลวดลายคล้ายกับน้ำสะท้อนแสงสวยงามครับ และแน่นอนว่าโลโก้ realme ก็จะเป็นการสลักเนียนๆลงไปอาจจะมองยากนิดหน่อยในบางมุมครับ แต่เมื่อดูลวดลายสะท้อนก็ถือว่ามีความแตกต่างกัน ความโค้งมน และ เส้นเอียงๆตรงๆนั้นเองครับ ส่วนสแกนนิ้วนั้นให้มาที่ด้านหลังตัวเครื่อง วางใกล้เคียงกับตัวกล้องยังคงเป็นตำแหน่งที่ใช้งานได้ดีในพื้นที่ด้านหลังเวลาจับถือใช้งาน

กล้องหลังวางในดีไซน์เหลี่ยม เป็นดีไซน์ที่นิยมกันมากในสมัยนี้มาพร้อมกับกรอบสีดำล้อมรอบทั้งหมดแน่นอนว่าเป็นกล้องหลัง 3 ตัวเท่านั้นนะครับพร้อมกับไฟแฟลช 1 ดวง มีความนูนขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น มาพร้อมกับกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล พร้อมกับ รูรับแสง f1.8 และระบบโฟกัสแบบ PDAF ถือว่าเป็นเลนส์หลักที่พัฒนาขึ้นเยอะมากครับ และมาพร้อมกับ เลนส์มาโคร 2MP f2.4 ในระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร และ เลนส์ขาวดำ จับระยะในการถ่ายภาพบุคคลนั้นเอง ในความละเอียด 2MP f2.4 เช่นกัน แต่น่าเสียดายว่าไม่มีเลนส์มุมกว้างมาให้ซึ่งใช้งานกันบ่อยในหลายๆคน

SPEC

  •  หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว (720×1,280พิกเซล) HD+, อัตราส่วน 20:9, ความสว่าง 480nits,
  • ได้รับการรับรองจาก TUV Rheinland
  • ชิบประมวลผล MediaTek Helio G70
  • การ์ดจอ Mali-G52
  • RAM 4GB + storage 64GB ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ ซิมคู่ (nano + nano)
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก (มุมกว้าง) 48 MP (f/1.8), PDAF, HDR กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) กล้องจับความลึก 2MP (f/2.4) แฟลช LED ถ่ายวีดีโอ 1080p ได้ที่ 30fps
  • กล้องหน้า 8MP (f/2.0)
  • ปุ่มสแกนนิ้วด้านหลัง
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 164.5 x 75.9 x 9.6มม.; น้ำหนัก: 209 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac,
  • Bluetooth 5.0, GPS, GLONASS, BDS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 6,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 18W และรองรับ reverse charging
  • สี Water Blue, Water Gray

PERFORAMNCE

ประสิทธิภาพของรุ่นนี้มีการพัฒนาขึ้นใช้งาน CPU ที่แรงขึ้นในตัว MTK G70 ครับในความเร็ว 2.0Ghz และ มาพร้อมกับ RAM 4GB STORAGE 64GB ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 205872 คะแนน มากกว่ารุ่น C21 เท่าตัวครับ และทางด้านคะแนน Geekbench ทำไปได้  385/1289 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น UFS ทำได้ 317 MB/s และ เขียน 250 MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ มาตรฐานรุ่นเล็กพวกนี้ตามสเปกหน้าจอ

SYSTEM UI

realme UI2 หน้าตาสวยงามขึ้นมีความสะอาดมากขึ้น และแน่นอนว่าใช้งานบนพื้นฐาน Android 11 นั้นเองครับทำให้หน้าตาก็ทันสมัยมากขึ้น เรียบและโล่งมากขึ้นรวมถึงการตอบสนองต่อการใช้งานรู้สึกว่าดีและไม่หน่วงเท่าไรด้วยเช่นกัน หน้าตาหลักมีความโค้งมน ลดเหลี่ยมไปอีกขั้น ทำให้หน้าตาล็อกอะไรเรียบร้อยมากขึ้นรวมถึงหน้าหลักยังคงมีเลขแจ้งเตือนมุมแอปอะไรใส่เข้ามาให้ใช้งานครับ และระบบการแจ้งเตือนเวลามีข้อความอะไรนั้นเด้งทำงานได้ไว

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting เปลี่ยนจาก android 10 ชัดเจนครับ เพิ่มการแยกสัดส่วนมากขึ้น ในการแจ้งเตือน และไอคอนต่างๆนั้นสวยและขอบโค้งมนมากขึ้นเยอะ การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ และรองรับการแบ่งหน้าจอได้หลักๆทั้ง 3 แบบครับไม่ว่าจะเป็น Floating – Mini – Split Screen ทั้ง 3 แบบ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 1.2GB จาก 4GB ครับ

Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ และการสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย ส่วนทางด้าน Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย

การใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

การที่อัปเดต realme UI 2.0 นั้นทำให้หน้าตาการตกแต่งการเปลี่ยนแปลงอะไรนั้นง่ายมากขึ้น อิสระมากขึ้นชัดเจนครับ ทำให้เราสามารถปรับแจ้งหน้าจอได้ทั้ง ไอคอน การวางแอป ตัวอักษร หรือแม้แต่สี และ ทรงไอคอนต่างๆได้ทั้งหมด ถือว่าสวยงามมากขึ้น และแน่นอนว่ารองรับการซ่อนติ่งหน้าจอ รวมถึงย่อหน้าจอให้เป็นอัตราส่วนปกติได้ด้วยเช่นกัน และ หน้าจอรองรับการใช้งานโหมดมืด Dark Mode ในตัวเครื่องทำให้หลายๆส่วนเป็นสีดำทั้งหมดเลยครับ

SCREEN

หน้าจอในรุ่น C25 นี้ใช้งานหน้าจอแบบ 6.5 นิ้ว IPS LCD เช่นเดิมตัวหน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจากรุ่น 21 หน้าจอให้มาในส่วนของสเปก ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ติ่งหยดน้ำเล็กกว่าเดิม และใช้งาน วัสดุกระจก Gorilla Glass  รองรับโหมดถนอมสายตา ปรับระดับแสงหน้าจอ และ Dark Mode เช่นกันครับในภาพรวมหน้าจอโอเคเลยถ้ามองตรงๆ สู้แสงได้ระดับนึงแต่ไม่ได้โหดมากนัก ส่วนมุมมองนั้นกำลังดีแต่ถ้าเริ่มเอียงๆอาจจะมีมืดไปหน่อย และเร่งแสงสุดยังไม่สว่างมากเท่าไร ส่วนในตัวการสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่าเหมือนกับรุ่น C21 ก่อนหน้านี้ครับมีความหน่วงอยู่บ้างไม่ได้ติดนิ้วมากเท่าไร แต่การที่ปรับมาใช้งาน realme UI 2 เหมือนระบบหน้าตาจะช่วยทำให้การสัมผัสตอบสนองดีขึ้นกว่ารุ่นแรกๆอยู่บ้าง

การใช้งานจริงๆสู้แสงได้ระดับนึงในความสว่างสูงสุด 480Nits ครับแน่นอนว่าในเรื่องของมุมมองหลายๆด้านกันบ้างด้วยการที่เป็นจอ LCD มุมมองบางครั้งอาจจะไม่ได้โหดมาก ถ้าเจอฉากสีดำเยอะๆ และเอียงมองจะออกไปทางสีเทาๆซะมากกว่าไม่ได้ดำสนิท ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้าง ถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควร และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร ซึ่งเมื่อเทียบกับเรทราคานี้อาจจะเป็นเรื่องปกติครับ แน่นอนว่าดีกว่าจอหลายๆรุ่นของคู่แข่งในระดับเดียวกันอยู่นะ และในรุ่นนี้ได้หน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยเป็น 6.5 นิ้ว เต็มตาสะใจกว่าเดิมเช่นกันครับและยังคงเป็น 60Hz อยู่แอบเสียดายในเรื่องนี้ถ้าหากมองเทียบกับรุ่นอื่นๆครับ

FINGERPRINT

ในรุ่น C25 ยังคงใส่การสแกนนิ้วให้มาในด้านหลัง รองรับการใช้งานทำงานได้ไวระดับนึงเป็นปกติครับ ตำแหน่งใช้งานได้ง่ายและเป็นตำแหน่งพื้นฐานเวลาจับเครื่อง ในตระกูล C ยังคงใช้งานสแกนนิ้วแบบนี้เป็นหลักครับ และรองรับการใช้งานแตะสแกนนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้ด้วยรวมถึงทำงานได้ดีเหมือนกัน ตัวเครื่องนั้นรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกันครับถือว่าทำได้ดี ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างง่ายด่ายเพียงปลายนิ้ว หรือชำเลืองมอง สะดวกสบายในการปลดล็อก และยังปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน ซึ่งถ้าแสงน้อยมากๆอาจจะสแกนนิ้วใช้งานได้ไวกว่า

SOUND

เสียงนั้นก็เป็นปกติที่ไม่ได้เน้นมากนักเสียงที่ได้ออกมาแอบคล้ายตัวเดิม ไม่ได้เจอจุดแตกต่างอะไรกันมาก เสียงยังคงออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆ คล้ายๆกับของแบรนด์ realme ในรุ่นก่อนหน้ามากเหมือนเดิมครับ ตัวนี้หน้าตาการ ปรับได้เยอะมากเลยแหละ EQ ได้ 7 ย่านหลักๆครับ และมีการเปิด Effect เสียงของค่ายเข้ามาแน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่เราบ่นไปหลายๆรอบ และมีการเปิดปิด real HD เข้ามาและสามารถปรับโหมดแนวเสียงได้ว่าจะเน้นอะไร แต่ถ้ามองเทียบเรื่องเสียงกันตรงๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากนักในแต่ละค่าย พอใช้งานได้เสียงขับกลางๆครับ ไม่ได้มีตัวไหนเด่นกว่ามากนักและตัวนี้ก็ทำได้พอๆกับรุ่นก่อนเลยครับ

GPS

การนำทางนั้นทำได้ดีจากที่ใช้งานจริงและใช้แอปทดสอบเช่นเคยครับ ก็จับได้ทั้งหมด 7 ดวง จากทั้งหมด 51 ดวงครับ เช่นใต้ทางด่วนพวกนี้ครับ ส่วนของกลางแจ้งจับได้ทั้งหมด  34 ดวง จากทั้งหมด 52 ดวง นะครับ การใช้งานแน่นอนว่าทำได้ดีตามเรทราคาของมัน ถ้านำทางแล้วก็ใช้งานได้ดี ถือว่าทำได้แม่นยำดีครับในการนำทางใครที่เน้นในเรื่องนี้รุ่นนี้ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่มีปัญหา มีแค่ใช้ระยะเวลาช่วงแรกจับอยู่บ้าง จะไม่ไวทันใจแบบรุ่นพวกพี่พวกนั้นแต่รู้สึกว่าดีกว่าตอนที่ไปใช้ MTK แบบชัดเจนซึ่งเทียบกับตัว C12 พวกนั้นจะดรอปกว่านี้ครับ ตัวนี้ถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะ

BATTERY 

แบตเตอรี่ตัวนี้ให้มาที่ 6,000 เยอะเช่นเดิมพร้อมการจัดการพลังงานมันทำได้ดีครับ และรองรับการชาร์จไว 18W ส่วนในการทดสอบนั้นต้องบอกว่าทั้งวันได้สบายๆเลยนะ แบตเยอะมากๆทำให้ไว้ใจได้ครับ และ จากที่ลองใช้งานหนักๆ 11 ชั่วโมง ใช้งานนำทางต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงเต็มๆครับ ถือว่าทำได้ดีนะ และ แบตเหลือ 36 % ครับ ซึ่งหน้าจอเปิดทั้งหมด 7-8 ชั่วโมง และ ใช้งานทั้งหมด 11 ชั่วโมงถือว่าอึดมากๆ แต่ถ้าจอเปิดโหดๆยังไงก็ทั้งวันสบายๆ ทำให้เรื่องนี้แบตทำได้ดีชัดเจนครับแต่ก็ชาร์จไวได้ 18W เท่านั้น แต่เล่นเกมหนักๆ 3 ชั่วโมง ได้แบบไม่ร้อนและอึดมาก ในภาพทดสอบไป 4 ชั่วโมง และหนัง ตัวนี้ ดูไป 1 เรื่อง บน netflix 2 ชั่วโมง และนำทาง 2 ชั่วโมงสบายๆ

CAMERA 

กล้องหลังในตระกูล C นั้นรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มมากในเลนส์หลักเป็นกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลตัวแรกในตระกูล C ครับมาพร้อมด้วยกัน 3 เลนส์หลักๆ แต่น่าเสียดายไม่มีเลนส์มุมกว้าง มาพร้อมกับ เลนส์หลัก 48MP f1.8 6P เลนส์ และระบบโฟกัสแบบ PDAF ถือว่าเลนส์หลักนั้นดีที่สุดในบรรดา C ทั้งหมดทั้งเซนเซอร์และชิ้นเลนส์ครับ มาพร้อมเลนส์ 2MP f2.4 จะเป็นเลนส์ขาวดำ จับระยะ และเลนส์ 2MP f2.4 เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างครบ ในการใช้งานจริงนั้นในรุ่นนี้ถือว่ารองรับการถ่ายทั่วไปง่ายๆได้ในเลนส์ปกติ และ ละลายหลังต่างๆรวมถึงในเวลาแสงเยอะหรือเวลากลางวันรองรับได้ดี มีโหมดการเพิ่มสีสันเข้ามา และกลางคืนแสงน้อยนั้นด้วยรูรับแสงที่กว้างกว่าทุกรุ่นของ C ทำให้ f1.8 เริ่มมีปลต่อการถ่ายกลางคืน Noise จัดการได้ดีและใช้งานได้จริิงรวมถึงยังคงพัฒนา โหมดกลางคืนเข้ามาช่วยคุณภาพได้เยอะพอสมควรส่วนในการถ่ายละลายหลัง Portrait นั้นกลับทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ทั้งเรื่องของการจัดการแสง สีผิว และละลายหลัง ถือว่าครบๆในเรื่องของฟีเจอร์การถ่าย คน หรือแม้แต่วิวต่างๆและเลนส์หลักคุณภาพที่ดีขึ้นชัดเจนครับ อีกทั้งยังมีการออกแบบลายน้ำแบบใหม่ทำให้ดูสวยและเด่นขึ้นแปลกตากว่าตัวอื่นชัดเจน

PORTRAIT 

SELFIES

ทางด้านกล้องหน้านั้นจะเป็น 8MP F2.0 เป็นหน้าจอแบบติ่งหน้าจอตรงกลางครับส่วนเรื่องของคุณภาพเนื่องด้วยความละเอียดที่มากขึ้นทำให้เรื่องของคุณภาพก็ทำได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ถ้าเทียบกับ C21 ก่อนหน้า ในแง่ของการรองรับนั้นยังคงมีในเรื่องของการถ่ายแบบละลายหลังใส่เข้ามาพร้อมกับรองรับการแต่งใบหน้าสวยได้อิสระเช่นเดิม รวมถึงตัวมุมมองของกล้องหน้ามีความกว้างกำลังดี ไม่ได้แคบมากเกินไปครับจัดมุมภาพถ่ายหลายคนได้สบาย ส่วนคุณภาพในแสงน้อยอาจจะไม่ได้เด่นมากนักแต่ถ้าแสงกลางวันนั้นสบายครับเพราะว่าสามารถจัดการแสงใบหน้าได้ดีเลยทีเดียว ถือว่าเป็นกล้องหน้าที่รองรับการถ่ายได้หลากหลายสภาพแสงพอสมควรเลย และ โทนสีก็กำลังดีครับ

REALME C25

” ตระกูล C กล้องหลังเด่น 48MP F1.8 พร้อมแบต 6,000 mAh จัดเต็มเช่นเดิม “

ตระกูล C ในครั้งนี้แน่นอนว่าเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับเลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซลและยังคงทำได้ดีเลยแหละพร้อมกับหน้าตา UI แบบใหม่ ลายน้ำแบบใหม่สวยงามขึ้นรวมถึงแบตยังคงเด่นๆในครั้งนี้ที่ 6,000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จไว 18W แน่นอนว่าตระกูล C จะเน้นเรื่องของแบตอึด จอใหญ่ มาเป็นหลักแต่ครั้งนี้เรื่องกล้องไม่ธรรมดาด้วยเช่นกันครับ อีกทั้งบอดี้ยังคงเป็นงานออกแบบลดรอยนิ้วมือต่างๆได้ดี รวมถึงหน้าตา realme UI2 ทำให้ตัวเครืองนั้นดูดีขึ้นเยอะมากๆและใช้งานได้หลากหลาย ปรับแต่งได้เยอะกว่าเดิมชัดเจน อีกทั้ง MTK G70 ตัวนี้ทำงานได้ดีมากๆเลยแหละ เท่าที่ทดสอบเล่นเกมใช้งานกันมานะครับ ส่วนเรื่องกล้องมีแค่แอบเสียดายเลนส์มุมกว้างแค่นั้นที่ขาดไป และ หน้าจอไม่ใช่  FHD นั้นเอง ถ้ารับ 2 เรื่องนี้ได้ ตัวนี้ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่คุ้มในเรื่องแบตอึด กล้องหลังดี อีกตัวนึงเลยครับ

ข้อดี

  • Android 11 + realme UI 2.0 ลื่นไหล สวยงามขึ้นเยอะมาก
  • CPU MTK HELIO G70 ใช้งานได้ดี ลื่นไหล แบตอึด
  • หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว สว่างสูงสุด 480Nits
  • เลนส์หลักมาพร้อม 48 ล้านพิกเซลครั้งแรกในตระกูล C
  • กล้องหลักดีขึ้น f1.8 ใช้งาน 6 ชิ้นเลนส์พร้อม PDAF
  • แบต 6,000 mAh รองรับใช้งานได้ทั้งวันสบาย
  • งานออกแบบเน้นความคงทนมากขึ้น ปกป้องรอยนิ้วมือได้ดี

ข้อสังเกต

  • ไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามา
  • หน้าจอยังเป็น 60Hz HD+ เช่นเดิม

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares