realme ในตระกูล C นั้นยังคงเปิดตัวอัปเดตสเปกประจำปีและในปีนี้ก็ลุยกันรุ่นแรกในตัว realme c21 ซึ่งเป็นสเปกที่ออกมาปรับในหลายๆจุดจากเดิมครับ และยังคงจับกลุ่มตลาดเริ่มต้น และมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบใหม่ในด้านหลัง แต่ภาพรวมอาจจะไม่ได้หนีจากเดิมมากนัก  ส่วนงานออกแบบมาในลวดลายฝาหลังแบบใหม่ Geometric Design  ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นาฬิกาทรายนั้นเอง และยังคงมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว AI รองรับการถ่ายเลนส์มุมกว้าง รวมถึงโหมดต่างๆมาครบเช่นเดิมเลยครับ ส่วนหน้าจอยังเป็น 6.5 นิ้วเช่นเดิมในตัวนี้

realme C21 เปิดตัวมาพร้อมกับสเปกเรื่องของ CPU นั้นมาพร้อมกับ MTK HELIO G35 ตัวเดียวกับ C12 และใช้งาน GPU Mali-GE8320 RAM LPDDR4X ในส่วนของ RAM 3 GB STORAGE 32 GB เพิ่มหน่วยความจำได้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้นยังคงเป็นดีไซน์แบบเดิมหน้าจอแบบติ่งหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ส่วนในเรื่องของกล้องนั้น ใช้ 3 เลนส์พร้อมรองรับโหมดกลางคืน กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ  5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ส่วน แบตเตอรี่ที่ให้มามากถึง 5,000 mAh รองรับชาร์จ 10W เช่นเดิม ส่วนทางสเปกอื่นๆนั้นไม่ได้หนีจากเดิมเท่าไร และยังคงรองรับ Wifi 2.4 Ghz เท่านั้นด้วยและยังคงใช้งาน พอร์ต Micro-USB อยู่สำหรับในตระกูล C รุ่นล่างสุด

realme C21 มาพร้อมกับ สี Cross Blue และ Cross Black  RAM 3GB STORAGE 32GB
เปิดราคาในไทย อยู่ที่ 4,299 บาทครับ พร้อมกับ ราคาโปรตามเครือข่าย ทำราคาได้ดีเช่นเดิมเลย 

UNBOX

ตัวกล่องนั้นยังคงมีการออกแบบสีเหลืองเช่นเดิม พร้อมกับตัวเลขทางด้านบนแน่นอนว่ามีเลขพร้อมบอกรุ่น แต่จะไม่ได้มีรูปตัวเครื่องอะไรมา ส่วนทางด้านอุปกรณ์ในกล่องนั้นยังไม่ได้มีอะไรเพิ่ม และรอบนี้ไม่มีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว

  • ตัวเครื่อง realme C21
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 10W
  • สายชาร์จ USB-A ไป Micro-USB
  • ไม่มีฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว

DESIGN 

งานออกแบบการจัดวางตัวกล้องนั้นมีการใช้งาน กรอบสี่เหลี่ยม สานต่อกล้องหลังจากรุ่นก่อนหน้ามาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับฝาหลังเล่นลวดลายสวยงาม รวมถึงทำได้ดีในแง่ของการออกแบบที่ลดรอยนิ้วมือ และทนทานมากขึ้นครับ แน่นอนว่าไม่ต่างกันมากกับรุ่นก่อนแต่ดีไซน์ดูมีอะไรมากขึ้น เท่มากขึ้นเส้นสาย พริ้วไหว ผสมกับเส้นสายแข็งๆทำให้มันดูเด่นขึ้นกับลวดลาย Hatch ตัดขวางครับ พร้อมกับสแกนนิ้วในด้านหลัง และ ลำโพงเป็นจุดหลักๆที่ย้ายมาในด้านฝาหลัง ใหญ่ขึ้น ระบบเสียงทำให้ยิงออกมาได้ดีกว่าเดิมเล็กน้อยครับ มาในความหนา 8.9 มม. หนัก 190 กรัม

หน้าจอใช้งาน IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1560 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 พร้อมติ่งหยดน้ำและใช้งานกระจก Gorilla Glass  ด้วยนะครับถือว่าโอเคเลย

หน้าจอขอบบนนั้นเป็นแบบเดิมมาพร้อมกล้องหน้า พร้อมติ่งหยดน้ำ และมีการแทรกเซนเซอร์ไว้ข้างๆกล้อง รวมถึงขอบลำโพงอยู่เหนือกล้องหน้า กล้องหน้าให้มาที่ 5MP รูรับแสง f/2.0 ครับเป็นปกติของรุ่นตระกูล C

ในส่วนขอบล่างหน้าจอนั้นปุ่มควบคุมนั้นจะอยู่ในหน้าจอ สามารถใช้งานเต็มหน้าจอได้แบบไม่มีปุ่ม ส่วนขอบข้างๆนั้นก็ทำได้บางพอๆกับรุ่นก่อนหน้านี้เลยครับ หนาเป็นปกติของมือถือในเรทราคานี้ และหน้าจอก็คล้ายกับตัว C12

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็น ช่อง Micro-USB 2.0 และ รูไมค์ 2 ตัว รวมถึงรูหูฟัง 3.5 มม. นั้นยังอยู่นะครับ ดีไซน์ Layout ต่างๆยังคงเหมือนกับรุ่นอื่นๆ  แต่ลำโพงหลักย้ายไปอยู่บนฝาหลังของเครื่องแทนแล้วนะครับ

ในขอบเครื่องด้านข้างขวานั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power  กับ เพิ่ม/ลด เสียง  จะเห็นว่าตัวกล้องนั้นไม่ได้นูนออกเลยแม้แต่น้อยและตัวเครื่องก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนสีขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเดียวกัน และ งานออกแบบตามขอบใกล้เดิม

ในส่วนของด้านบนนั้นไม่มีรูไมค์ตัดเสียงมาให้ เป็นสีแดงสดแบบเดียวกับข้างหลังแต่ไม่มีลวดลาย ส่วนวัสดุขอบเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกด้าน แต่ฝาหลังนั้นจะยังโค้งมารับมือเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้าจับได้ถนัดมือมากขึ้นครับ

ในส่วนของด้านซ้ายนั้นจะเห็นว่ามีช่องใส่ถาดซิม เป็นแบบ Triple Slot ฝาหลังนั้นจะโค้งลงมาตรงขอบข้างๆเล็กน้อยเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ทำให้จับถือได้ง่ายและเข้ากับมือได้มากกว่า

ฝาหลังแน่นอนว่ายังคงเป็นวัสดุพลาสติกขึ้นลาย พื้นผิวของฝาหลังเกิดจากการใช้เครื่องแกะสลักเรเดียมที่มีความแม่นยำสูงจากประเทศเยอรมนี พร้อมการขัดอีก 300 นาที แกะสลักมาเป็นเส้นโค้งกว่า 450 เส้นที่ด้านหลังเพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงสะท้อนพิเศษ แต่มีความเท่มากขึ้นครับ ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของนาฬิกาทราย ออกแบบโดยใช้เทคนิค bold cross-hatch ช่วยสร้างมิติภาพเงาที่มีความทันสมัยและ เกิดความรู้สึกที่แข็งแกร่ง และสามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้อีกด้วย มีให้เลือกถึง 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Cross Bule และสีดำ Cross Black

กล้องหลังนั้นจะยังคงใช้งานการออกแบบกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกับรุ่นก่อนๆครับ และมาพร้อมกับการเพิ่มเลนส์กล้องเข้ามาอีก 1 ตัวที่มากกว่าเดิมที่เป็น 2 ตัวนั้นเอง  เพราะได้เพิ่มเลนส์มาโครเข้ามาด้วยเช่นกันครับ ส่วนตัวกล้องหลักนั้นยังคงให้มาที่ ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร พร้อมกับสแกนนิ้วมือในด้านหลังรองรับการสั่งงานถ่ายรูปได้

SPEC

  • Android 10 ครอบทับด้วย realme UI
  • จอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 กระจก 2.5D Corning Gorilla Glass
  • Mediatek Helio G35 + GPU Mali-GE8320
  • RAM LPDDR4X RAM 3GB
  • STORAGE 32GB เพิ่มหน่วยความจำได้
  • กล้องหลัง ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost 
  • กล้องหน้า 5 MP f/2.0
  • Wi-Fi 2.4GHz GPS A-GPS, GLONASS, BDS
  • microUSB 2.0, USB On-The-Go , Reverse Charing
  • มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh + 10W
  • ขนาดตัวเครื่อง 165 x 76 x 8.9 มม. หนัก 190 กรัม
  • สี Cross Black และ สี Cross Blue

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของรุ่นนี้ต้องบอกว่าไม่ได้หนีจากรุ่นก่อนหน้าเท่าไร เพราะในประเด็นหลักๆนั้นยังคงใช้งาน MTK G35 เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับ RAM 3GB STORAGE 32GB ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 129895 คะแนน มากกว่ารุ่น C12 พอสมควรครับและ และ Geekbench ทำไปได้  170/964 คะแนน และ ทางด้านการอ่านเขียนนั้นเป็น eMMC5.1 ทำได้ 288 MB/s และ เขียน 121 MB/s รองรับ Netflix SD L3 นะครับ มาตรฐานรุ่นเล็ก

SYSTEM UI 

realme UI ในรุ่นนี้ยังใช้งานบนพื้นฐาน Android 10 และใช้ realme UI  การแจ้งเตือนใช้ได้ มีเลขมุมแอปอะไรปกติ ไอคอนเป็นทรงกลมซะส่วนใหญ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ลงตัวกับขนาดหน้าจอของตัวเครื่องครับสวยงาม แต่ถ้าใครอยากได้ realme UI 2 น่าจะมาพร้อมกับ Android 11 ซึ่งในรุ่นนี้ไม่พลาดได้อัปเดตตามมาแน่นอนครับ

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting นั้นเป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไอคอนการตั้งค่าอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดเป็นวงกลม และ คลีนขึ้น การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปฟันเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ

ทางด้านแป้นพิมพ์นั้นเป็นของ Google ที่คุ้นเคยกันดีครับใช้ง่าย ดีงามเลยแหละ ส่วนหน่วยความจำพื้นที่ตัวเครื่อง มาให้ 64GB นั้นเหลือใช้งานได้ 50 หลังจากหักระบบออกไป และ RAM นั้นใช้งานเหลือ 1.8GB  จาก 4 GB ครับ แต่ในสเปก ขายจริงจะเป็น RAM 3 GB STORAGE 32 GB นะครับผมการใช้งานอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย

การสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย แต่รุ่นนี้จะไม่มี Smartsidebar ใสเข้ามานะครับ แต่ในเรื่องของการใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ และ Gesture ท่าทางในการใช้งานไม่เจอในการตั้งค่านะ

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้นั้นใช้งานหน้าจอแบบ 6.5 นิ้ว IPS LCD เช่นเดิม ตัวหน้าจอนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักจากรุ่นเดิม หน้าจอให้มาในส่วนของสเปก ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ ( 720 x 1600 พิกเซล), อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ติ่งหยดน้ำเล็กกว่าเดิม และใช้งาน วัสดุกระจก Gorilla Glass  รองรับโหมดถนอมสายตา ปรับระดับแสงหน้าจอ และ Dark Mode เช่นกันครับในภาพรวมหน้าจอโอเคเลยถ้ามองตรงๆ สู้แสงได้ระดับนึงแต่ไม่ได้โหดมากนัก ส่วนมุมมองนั้นกำลังดีแต่ถ้าเริ่มเอียงๆอาจจะมีมืดไปหน่อย และเร่งแสงสุดยังไม่สว่างมากเท่าไร ส่วนในตัวการสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่าเหมือนกับรุ่น C12 ก่อนหน้านี้ครับมีความหน่วงอยู่บ้างไม่ได้ติดนิ้วมากเท่าไร

แต่ในเรื่องของมุมมองหลายๆด้านกันบ้างด้วยการที่เป็นจอ LCD มุมมองบางครั้งอาจจะไม่ได้โหดมาก ถ้าเจอฉากสีดำเยอะๆ และเอียงมองจะออกไปทางสีเทาๆซะมากกว่ากว่าไม่ได้ดำสนิท ส่วนเรื่องความดรอปลงในมุมมองอื่นๆนั้นก็เจอบ้าง ถ้าเป็นโทนสีเข้มจะดรอปลงพอสมควร และความสว่างในมุมมองเอียงๆนั้นไม่เท่ากับมองตรงๆเท่าไร ซึ่งเมื่อเทียบกับเรทราคานี้อาจจะเป็นเรื่องปกติครับ แน่นอนว่าดีกว่าจอหลายๆรุ่นของคู่แข่งในระดับเดียวกันอยู่นะ และในรุ่นนี้ได้หน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมด้วยเป็น 6.5 นิ้ว เต็มตาสะใจกว่าเดิมเช่นกันครับ

FINGERPRINT

การสแกนนิ้วให้มาในด้านหลัง รองรับการใช้งานทำงานได้ไวระดับนึงเป็นปกติครับ ตำแหน่งใช้งานได้ง่ายและเป็นตำแหน่งพื้นฐานเวลาจับเครื่อง ในตระกูล C ยังคงใช้งานสแกนนิ้วแบบนี้เป็นหลักครับ และรองรับการใช้งานแตะสแกนนิ้วเพื่อถ่ายภาพได้ด้วยรวมถึงทำงานได้ดีเหมือนกัน ตัวเครื่องนั้นรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกันครับถือว่าทำได้ดี ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างง่ายด่ายเพียงปลายนิ้ว หรือชำเลืองมอง สะดวกสบายในการปลดล็อก และยังปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกัน

SOUND

เสียงนั้นก็เป็นปกติที่ไม่ได้เน้นมากนักเสียงที่ได้ออกมาแอบคล้ายตัวเดิม ไม่ได้เจอจุดแตกต่างอะไรกันมาก เสียงยังคงออกไปทางโทนแหลมสูง ส่วนใน เรื่องของมิติ เวที เสียงมากลางๆ คล้ายๆกับของแบรนด์ realme ในรุ่นก่อนหน้ามากเหมือนเดิมครับ ตัวนี้หน้าตาการ ปรับได้เยอะมากเลยแหละ EQ ได้ 7 ย่านหลักๆครับ และมีการเปิด Effect เสียงของค่ายเข้ามาแน่นอนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่เราบ่นไปหลายๆรอบ และมีการเปิดปิด real HD เข้ามาและสามารถปรับโหมดแนวเสียงได้ว่าจะเน้นอะไร แต่ถ้ามองเทียบเรื่องเสียงกันตรงๆในเรทราคานี้ก็ไม่ได้หนีกันมากนักในแต่ละค่าย พอใช้งานได้เสียงขับกลางๆครับไม่ได้มีตัวไหนเด่นกว่ามากนักและตัวนี้ก็ทำได้พอๆกับรุ่นก่อนเลยครับ

GPS

ตัวนี้จากที่ทดสอบจริงๆพบว่านำทางได้แต่ตัวการนำทางอัปเดตดีขึ้น ใช้งานได้ดีเลยแหละในเมืองครับ ในการใช้แอปทดสอบนั้นก็จับได้ทั้งหมด 19 ดวง จากทั้งหมด 46 ดวงครับทั้งบนรถ และ ทางเดินเท้าปกติ ส่วนของกลางแจ้ง จับได้ทั้งหมด 24 ดวง จากทั้งหมด 41 ดวง นะครับ ถือว่าเป็นจุดที่ทำได้ดีกว่าเดิมแบบชัดเจนและแม่นยำ อัปเดตได้ไวมากใช้นำทางได้ดีในระดับนึ้ เมื่อเทียบกับราคาและการนำทางนั้นสบายๆ สามารถเอาไปใช้งานนำทางทั้งวันได้แบบที่แบตไม่หมดจริงๆเพราะทดสอบนำทางทั้งวันอันนี้เอาไปวิ่ง GRAB สบายๆเลยแหละครับ

BATTERY

ตรงนี้แอบน่าเสียดายว่าในเรื่องของความจุลดลง จาก 6,000 mAhเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เป็นแบตเตอรี่ 5,000 mAh แต่ก็ยังอึดอยู่นะเพราะว่าก ารใช้หน้าจอแค่ HD+ รวมถึง CPU MTK แน่นอนว่าขึ้นชื่อในเรื่องของการจัดการพลังงานอยู่เเล้ว  ทางเราก็ได้ลองกันจริงๆถือว่าอึดมาก แบตนั้นใช้งานทั้งหมด 23 ชั่วโมง 29 นาที หน้าจอเปิดไป 6 ชั่วโมงครับบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆใครที่เน้นเรื่องแบตนั้นต้องใช้งานรุ่นนี้เท่านั้นน่าจะเยอะและอึดที่สุดในบรรดามือถือในเรทนี้ ส่วนการเล่นเกมส์ต่อเนื่อง 1 ชั่วโมงแบตลดไปเพียงแค่ 10% เท่านั้นถือว่าอึดมากๆ ทำได้ดีเช่นเดิมในตัวนี้

GAMING 

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้เป็น3 ตัวในตระกูล C12  แต่ปรับปรุง Software มาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตัวเลนส์นั้นมาพร้อมกับสเปก ความละเอียด 13MP f/2.2 PDAF กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 MP f/2.4 Portrait กล้องตัวที่ 3 Super Macro 2MP f/2.4 ระยะ 4 เซนติเมตร //  Super Nightscape + Portraitmode +Chroma Boost  ส่วนตัวคุณภาพนั้นถือว่าทำได้ดีในหลายๆสภาพแสงครับ และมาพร้อมกับโหมดกลางคืนช่วยให้การถ่ายกลางคืนมีคุณภาพความสว่างที่ดีขึ้นครับ ถือว่าทำได้ดีตามเรทราคาของรุ่นนี้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เทพแบบรุ่นพี่ แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนที่ยังไม่ได้ใส่โหมดนี้เข้ามาส่วนกล้องหน้านั้นทำได้ดีในสภาพแสงเพียงพอครับ และมาพร้อมกับการถ่ายละลายหลังด้วยถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว จากที่ทดสอบหลายๆสภาพแสงนั้นทำได้ดีเลยและสีค่อนข้างตรงอยู่สำหรับกล้องหลังตัวนี้

PORTRAIT 

SELFIE

ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นมาพร้อมกับ 5 MP f/2.4 ความละเอียดเลนส์เท่าเดิมครับ ให้ที่ 5 MP, f/2.4, 27mm (wide), 1/5″, 1.12µm  ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง F2.4 มาพร้อมโหมด HDR และ Panoramic View  AI Beautification  Time lapse แน่นอนว่าเรื่องของกล้องหน้าอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนักและไม่มีพวกสติกเกอร์ลูกเล่นอะไร แต่ก็มีละลายหลังมาให้ใช้งานอยู่ครับ รวมถึง ตัดขอบอะไรสวยดีเหมือนกัน ส่วนมุมกว้างอยู่ในระดับกลางๆพอๆกับรุ่นก่อนหน้าครับไม่ได้กว้างเท่าไรนัก ถือว่ากลางวันอะไรทำได้ดีและกลางคืนอาจจะสั่นได้ง่ายเหมือนกัน

REALME C21

” น้องเล็กตระกูล C21 มาพร้อม  ดีไซน์ใหม่ ฝาหลังโดดเด่นมากขึ้น แต่สเปกเดิม  “

ตัวเล็กสุด ราคาจับต้องได้ง่ายที่สุด และแน่นอนว่ามาพร้อมกับกล้องหลัง 13MP AI 3 ตัวรองรับการถ่ายกลางคืน รองรับการถ่าย มาโคร และ จับระยะถือว่าทำได้ดีครับ ส่วนกล้องหน้าก็ใช้งานได้ดีในสภาพแสงจัดๆ รวมถึงเรื่องของแบตและการใช้งานนั้นยังคงจัดเต็ม อึดพร้อมกับรองรับการใช้งานทั้งวันได้สบายๆ แต่พอร์ต Micro-USB คือตกยุคไปแล้วแอบขอบ่นหนักๆเลยจุดนี้ครับ ต้องบอกว่าเป็นการเปลี่ยนฝาหลังเน้นๆซะมากกว่าส่วนในเรื่องของสเปก หรือว่าการใช้งานนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดเลยจริงๆครับ ถือว่าแอบเสียดายแบตที่หายไปในรุ่นนี้เล็กน้อย แต่ถ้ามองในแง่ของการออกแบบได้หน้าตาฝาหลังใหม่ การย้ายตำแหน่งลำโพงที่ดีขึ้นก็พอตอบโจทย์ได้ครับ ส่วนสเปกจริงๆของเดิมก็เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วนะ เน้นทั่วไป แบตอึดๆ น้ำหนักไม่หนักถือว่าดี

ข้อดี

  • มาพร้อมดีไซน์ฝาหลัง ดีไซน์ใหม่สวยงาม ลดรอยนิ้วมือ และเส้นสายดุดันขึ้น
  • หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว ดีไซน์แบบติ่งหยดน้ำ HD+
  • กล้องหลัง รองรับการถ่ายโหมดกลางคืนได้ง่ายและดีเช่นเดิม
  • CPU MTK G35 ยังคงคุมความร้อน และ จัดการแบตได้ดี
  • กล้องหน้าหลัง ถ่ายในสภาพแสงกลางวันทำได้ดี โหมดถ่ายเพียงพอต่อการใช้งาน
  • ลำโพงย้ายตำแหน่งมาด้านหลัง เสียงยิงออกมาได้ง่ายขึ้นช่องขนาดใหญ่ขึ้น

ข้อสังเกต

  • Wifi รองรับแค่ 2.4Ghz
  • CPU ยังคงใช้งาน G35
  • ใช้งาน Micro-USB

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares