Poco นั้นเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันในยุคแรกๆที่เอาเข้ามาในไทย มันเป็นแบรนด์ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคาแต่ได้สเปกแบบเรือธงตัวอื่นๆ แต่ในพวกวัสดุอะไรพวกนี้เหมือนจะดรอปลงไปจากรุ่นเรือธงทั่วไปนั้นเองทำให้มันทำราคาออกมาได้ค่อนข้างดีและแน่นอนว่ากระแสของ POCO F1 นั้นถือว่าทำได้ดีครับในรุ่นนั้นเราจะได้ Snapdragon 845 ในราคา 10,990 บาทเท่านั้น จนมาถึงรุ่นนี้ต้องบอกว่ามีการพัฒนาอะไรหลายๆอย่างทั้งงานออกแบบ วัสดุ ดีไซน์ และสเปกที่รองรับ 5G ด้วยเช่นกันครับถือว่าเป็นการยกระดับขึ้นมาในราคาเริ่มต้น ที่สูงกว่าเดิม 6-7 พันแน่นอนว่าในการเพิ่มราคานี้ทำให้มันอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่ถ้ามองในความคุ้มค่านั้นมันยังน่าสนใจและใช้งานได้ดีแบบเดิมไหม เรามาดูรีวิวกันเลยครับสำหรับเจ้า POCO F2 PRO ในครั้งนี้จากทาง XIAOMI ครับ

POCO F2 PRO นั้นเปิดตัวมาด้วยสเปก Qualcomm® Snapdragon™ 865  และใช้งาน LiquidCool Technology 2.0 ใช้งาน  LPDDR4X RAM 6GB และพื้นที่จัดเก็บ UFS 3.1 128GB ทางด้านหน้าจอนั้นจะใช้งานหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ครับ อีกทั้งยังเป็นการออกแบบแบบหน้าจอเต็มๆไม่มีการเจาะรู หรือ ติ่งหน้าจอแต่อย่างใด ส่วนทางด้านระบบเสียงนั้นจะรองรับ HI-RES AUDIO ด้วยครับถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยแหละ และยังคงมีรู 3.5 มม.ครับ ทางด้านกล้องหลังนั้น จะใช้งานเซนเซอร์ SONY IMX686 ความละเอียด 64MP พร้อมกับกล้อง Ultra Wide 13MP ที่มีมุมกว้าง123 องศา และกล้อง Tele และ Macro 5MP รองรับ 3-7 เซนติเมตร รองรับ AF และ  กล้องจับความลึก 2MP สำหรับการทำหน้าชัดหลังเบลอนั้นเองครับ ส่วนกล้องหน้านั้นเป็นแบบ Pop-Up 20-MP ถือว่าเป็นไม่กี่รุ่นที่ใช้งานกล้องหน้าแบบนี้ครับในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเจาะรูทั้งหมดเลย และ ทางด้านแบตนั้นให้มาที่ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W ที่แถมที่ชาร์จไวมาให้ในกล่องเลยครับ รวมถึงการกันน้ำละอองน้ำได้ IP53 ครับสำหรับตัวนี้ ถือว่าหลายๆอย่างนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเยอะมากทั้ง สเปก ดีไซน์ และวัสดุที่พัฒนาขึ้นเยอะ

POCO F2 Pro รุ่นความจุ 6GB + 128GB วางจำหน่ายในราคา 17,999 บาท       

POCO F2 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 20,999 บาท

UNBOX

  • ตัวเครื่อง POCO F2 PRO
  • เคสใส TPU
  • ที่ชาร์จ Adaptor 33W
  • สายชาร์จ USB-C
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสนั้นเป็นแบบเคสแบบใสครับวัสดุนั้นจะเป็น TPUซึ่งด้วยความที่มันเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up นั้นเลยทำให้เคสด้านหลังต้องมีความแข็งที่จะทรงตัวได้และปกปองเครื่องได้แม้จะไม่ได้หุ้มข้างบนเลยทำให้วัสดุข้างหลังนั้นจะมีความแข็งกว่าขอบข้างๆแบบรู้สึกได้เลยครับ และขอบเครื่องนั้นมีความนิ่มพอสมควรเลยครับและการเว้นช่องด้านบนนั้นจะเป็นทั้งหมดเลย ทำให้เราต้องระวังในการใช้งานเวลาขอบด้านบนครับ ส่วนการปกป้องหน้าจอน้ันถือว่ามีความสูงคลุมมาได้ระดับนึง แต่น่าเสียดายว่าตรงกล้องหลังนั้นทำได้ไม่ดีเท่าไรเพราะเคสจะพอดีกับหน้าเลนส์กล้องเลยครับ

DESIGN

งานออกแบบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจนครับจากรุ่นแรกทั้งงานออกแบบ วัสดุความสวยงามคุณภาพของเครื่องนั้นยกระดับขึ้นไปเยอะเลยครับ แต่ที่รู้สึกได้เลยว่าเครื่องนั้นค่อนข้างสวยแต่มันหนักพอสมควรเลยครับเนื่องจากระบบกล้องหน้าแบบ Pop-Up ต่างๆเลยทำให้มันมีความหนาและหนักขึ้นแบบรู้สึกได้เลยครับส่วนทางด้านงานออกแบบนั้นจะเป็นการยกเครื่องมาจาก Redmi K30 Pro แต่เปลี่ยนแบรนด์เท่านั้นเอง ทำให้ภาพรวมนั้นเป็น Poco ที่ดูดีมีตระกูลขึ้นเยอะแต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงขึ้นตามคุณภาพของวัสดุที่เอามาใช้งานด้วยเช่นกันครับสำหรับตัวนี้

ทางด้านหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเต็มตาไม่มีทั้งเรื่องของติ่งหน้าจอ หรือ การเจาะรูหน้าจอครับ เพราะในรุ่นนี้มีการใช้งานกล้องหน้าแบบ Pop-Up ที่เราคุ้นเคยกันในปีที่แล้วเพราะเป็นการออกแบบที่จะทำให้หน้าจอนั้นมีความเต็มจอที่สุดในตอนนี้ครับ แต่ก็ต้องยอมแลกกับ น้ำหนักและความหนานิดหน่อย ส่วนหน้าจอนั้น ใช้งาน AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ และทับด้วย Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าหลังครับ

ทางด้านขอบบนของหน้าจอนั้นจะเป็นกล้องหน้าแบบ Pop-Up และมีไฟตรงข้างๆกล้องด้วยครับ รวมถึงขอบหน้าจอส่วนบนนั้นบางมากๆและซ่อนพวกลำโพง และเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ในส่วนนี้ทั้งหมดเลยครับ กล้องหน้านั้นให้มาที่ 20MP  รูรับแสง F2.2 ครับ รองรับการถ่ายวีดีโอสูงสุด FHD 20FPS

ส่วนขอบด้านล่างยังคงมีความหนานิดหน่อยเมื่อเทียบกับด้านข้างครับ และการควบคุมนั้นจะเป็นแบบปุ่มปกติหรือจะใช้งานหน้าจอแบบ Gesture ก็ทำได้เช่นกันครับ และตัวนี้หน้าจอนั้นมีฟิล์มมาให้เรียบร้อยเป็นแบบพลาสติกทั่วไป

ทางด้านขอบส่วนล่างของเครื่องนั้นจะเห็นว่าเป็นลำโพงหลักของเครื่องครับ และ รูไมค์ก็ใส่เข้ามาในด้านล่างด้วยเช่นกัน และทางด้านของพอร์ตนั้นใช้งาน  USB-C  2.0 นะครับ และ ถาดซิมแบบ DualSIM Slot พร้อมซีลกันน้ำ

ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเรียบๆไม่ได้มีอะไรมากเพราะว่าทั้งปุ่ม และถาดซิมจะไปอยู่โซนอื่นทั้งหมดเลยครับจะเห็นว่าตัวขอบเครื่องนั้นจะเป็นสีเงินโครเมียมทั้งหมดใช้งานวัสดุโลหะ และคุณภาพอะไรสวยงานขึ้นจากรุ่นแรกเยอะมาก

ในขอบด้านบนนั้นจะเป็น IR และจะเห็นว่าตำแหน่งตรงกล้อง Pop-up นั้นจะมีวงแหวนสำหรับให้ไปส่องด้วยเวลาแจ้งเตือนพวกนี้ครับ ถือว่าเป็นการออกแบบที่ฉลาด ส่วนรู 3.5 นั้นยังคงอยู่ และรุ่นนี้มี ไมค์ข้างบนมาให้ด้วย

ขอบเครื่องด้านขวานั้นเราจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่มสีแดงนั้นจะเป็น Power ที่เด่นขึ้นมาพอสมควรครับ และยังคงใช้งานวัสดุสีเงินโครเมียมสวยงาม แต่จะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีความหนาพอสมควรครับแต่จะเล่นการออกแบบช่วยในด้านข้างทำให้ดูโค้งและบางขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

ฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าใช้งานวัสดุกระจกสีขาว เป็น Gorilla Glass 5 นะครับถือว่าเลือกใช้งานกระจกได้ดีเลยแหละ ส่วนสีขาวนั้นจะออกเหลือบๆนิดหน่อยเวลาเจอแสงมีความโค้งมนลงทั้ง 2 ข้างครับ และการวางกล้องตรงกลางวงกลมพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวและไฟแฟลชด้านล่างครับ ส่วนการสแกนนิ้วนั้นจะเป็นสแกนนิ้วบนหน้าจอเช่นกันครับในตัวนี้

กล้องหลังในรุ่นนี้ให้มาทั้งหมด 4 ตัวครับ เป็นกล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9  PDAF ส่วนอีกตัวนั้นจะเป็นเลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง  f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร และ กล้องมุมกว้างนั้น
13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง  123˚ และเลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4 ครับตัวนี้

SPEC

  • Android 10 + MIUI 11
  • หน้าจอไร้ติ่ง AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการแสดงผล HDR10+ ครอบทับด้วย Gorilla Glass 5  ในด้านหน้า ความสว่างสูงสุด 500 nits
  • วัสดุฝาหลัง Gorilla Glass 5 ในด้านหลัง
  • CPU Snapdragon 865 5G +Adreno 650
  • RAM 6GB ใช้งาน LPDDR4X
  • STORAGE 128GB ใช้งาน UFS 3.0
  • กล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9  PDAF + เลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง  f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร + กล้องมุมกว้าง 13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง  123˚ + เลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4
  • กล้องหน้า : 20MP รูรับแสง f/2.2
  • มีรูหูฟัง 3.5 มม. รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio  24-bit/192kHz audio
  • รองรับ 5G และ WIFI 6
  • มี IR Blaster สำหรับใช้งานสั่งแทนรีโมท
  • ใช้งาน USB-C 2.0
  • สแกนนิ้วบนหน้าจอ
  • รองรับการกันน้ำ กันฝุ่น  IP53
  • แบตเตอรี่ความจุ  4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30W

PERFORMANCE 

ทางด้านประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่าตัวนี้ใช้งานแรงเอาเรื่องเลยครับ Snapdragon 865 5G  พร้อมกับ RAM 6GB  LPDDR4X  ทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละแน่นอนว่ามันทำได้เร็วแรงที่สุดในตอนนี้ของฝั่ง Android  และหน่วยความจำนั้นเป็นแบบ UFS 3.0 อ่านได้ 1640  ถือว่าอยู่ในเรทที่ดีแต่ถ้าตัว RAM 8 GB นั้นจะได้ UFS 3.1 ครับ และได้คะแนน Antutu ไปที่ 576699 คะแนนครับถือว่าแรงเอาเรื่อง และทางด้าน Geekbench ทำไปได้ 913 /3319  และแน่นอนว่าการดูหนัง NETFLIX นั้นรองรับการใช้งาน FHD ความละเอียดสูงสุด DRM L1 เลย

SYSTEM UI 

หน้าตาระบบใช้ MIUI 11 ทับด้วย Pocoluancher ที่คุ้นเคยกันดีพร้อมกับ Android 10 ตัวล่าสุด หน้าตานั้นคุ้นเคยกันอย่างดี หน้าตาแอปยังคงมาในแนวแบนๆ เรียบๆครับ แอปติดเครื่องเยอะตามแบบของ Xiaomi และ มีโฆษณาแฝงตามแอปมาให้เหมือนเดิม ต้องไปไล่ปิด ข้อเสนอแนะเอาแต่ละแอปครับ ส่วนเรื่องของการแจ้งเตือนทำได้ดี มีเลขมุมแอปมาให้และรองรับภาษาไทยปกติครับสำหรับเครื่องศูนย์ของ Xiaomi ถือว่าแจ้งเตือนดีอยู่เหมือนกันครับ

หน้าตาตัวการตั้งค่าอะไรก็ สามารถปรับแสงหน้าจออะไรได้ ตั้งค่าแบบด่วนต่างๆ รวมถึงถ้าลากลงมาสามารถปัดหน้าไปซ้ายขวา ได้ และ แบ่งหน้าจอ เคลียร์แอปอะไรได้ปกติครับผม ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้เลยเลือกแอปเอาเลย

หน่วยความจำ 128GB  พื้นที่ระบบกินไป 13GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 126 GB ครับ ส่วน RAM 6 GB ตัวนี้ใช่งานไป 2.9 ครับ เหลือใช้งานได้ 3.1 GB เหลือๆสบายๆ ส่วนแป้นพิมพ์ของเดิม Google มาใช้งานกันละกัน พิมพ์ไทยได้สบายครับ เป็นคีย์บอร์ดที่บอกในทุกรีวิวว่าค่ายไหนติดมาให้แบบนี้จะชอบมากๆเลยแหละ

Gesture ต่างๆเยอะแยะมากๆสามารถเลือกใช้งานได้ตามภาพเลยครับ และ  ความปลอดภัยรองรับ สแกนใบหน้า สแกนนิ้วต่างๆ และ สามารถ กดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อเปิดหน้าจอได้ รวมถึง กดลดเสียง 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้องแบบด่วนๆได้ครับ ใช้งานเต็มหน้าจอ สลับปุ่มควบคุมได้ ใช้งานแบบปัดไปมาเต็มหน้าจอได้  และสามารถปรับเสียง Effect กล้อง หรือ ไฟ LED ตรงกล้องหน้าได้ด้วยครับและแน่นอนว่าปรับพวก ตอบด่วนหรือ โหมดเกมได้ค่อนข้างหลากหลายครับ

ทางด้านหน้าจอ Always On สามารถปรับหน้าตาได้ค่อนข้างหลากหลายครับและสามารถกำหนดเวลาได้ด้วย และ หน้าจอสามารถใช้งาน ปรับแสง เปลี่ยนโหมดเป็นธีมสีดำได้ และ แตะหน้าจอเพื่อเปิดหน้าจอได้ ยกขึ้นเพื่อจอติดได้ และ ในส่วนของ Effect เสียงนั้นทำออกมาสวยงามเวลาเราเปิดเพลงและปิดหน้าจอจะมีกราฟิกสวยๆขึ้นมาครับสำหรับแอปติดเครื่องเท่านั้น และส่วนด้านล่างนั้นจะเป็นการปรับเสียงแบบคุณภาพสูงตอนใส่หูฟังนั้นเองครับ

SCREEN

ทางด้านหน้าจอตัวนี้เป็นหน้าจอแบบ AMOLED ครับเป็นการออกแบบหน้าจอแบบเต็มจอโดยที่ไม่มีติ่งหน้าจอหรือหน้าจอเจาะรูอะไร ทำให้ในการดูหนังหรือว่าจะเป็นการใช้งานนั้นค่อนข้างให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมแน่นอนครับ หน้าจอตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้งานความละเอียด FHD+1080 x 2400 pixels   และ ใช้งานอัตราส่วน   20:9  ด้วยเช่นกันแน่นอนว่า หน้าจอนั้นยังรองรับ HDR10+ และ ความสว่างสูงสุด 500Nits ด้วยครับถือว่าน่าสนใจในการรองรับ HDR10+ ในงบประมาณนี้และกระจกครอบทับด้วย Gorilla Glass 5 ทำให้ค่อนข้างดีในการใช้งาน ส่วนตัวสีนั้นค่อนข้างสวยและมีมิติดีเลยแหละด้วยมาตรฐานที่รองรับนั้นทำให้ไว้ใจได้ระดับนึง แต่เรื่องของการสัมผัสอะไรอาจจะไม่ได้ไหลลื่นมากนักแต่ถ้าเทียบกับตัวก่อนนั้นถือว่าดีกว่าแบบชัดเจนและสวยกว่าเยอะ

ในเรื่องของมุมมองหน้าจอนั้นถือว่าดีขึ้นด้วยการที่ใช้งานหน้าจอแบบนี้และพัฒนามาแบบนี้แน่นอนว่าเรื่องของมุมมองนั้นทำได้ดีกว่าเดิมแบบชัดเจนและใช้งานได้ดี ส่วนเรื่องของการสู้แสงนั้นทำได้ดีระดับนึงดีกว่าเดิม สู้แสงได้ดีครับ ก็ถือว่าหน้าจอนั้นพัฒนามาเยอะแบบชัดเจนถ้าเทียบกับรุ่นเดิมครับแต่แน่นอนว่าด้วยราคาที่สูงขึ้นทำให้เราได้ใช้งานหน้าจอแบบนี้ได้ดีขึ้นด้วย ส่วนการสู้แสงจ้ามากๆอาจจะไม่ได้โหดมากนักครับแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปเลย แต่ถ้าเทียบกับมือถือในยุคนี้หลายๆค่ายจะไปหน้าจอ 90Hz หรือ 120Hz กันแล้วแต่ตัวนี้ยังคงทำได้แค่ 60Hz ครับ

SOUND

ระบบเสียงในรุ่นนี้ให้การรองรับ Hi-Res มาด้วยถือว่าน่าสนใจแต่อย่าไปหวังอะไรมากครับแน่นอนว่ารองรับระบบเสียง ไฟล์เสียงเทพๆได้แน่นอนแต่ในเรื่องของคุณภาพเสียงที่ได้นั้นต้องบอกว่ามีดีที่กำลังขับมากขึ้นแต่คุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับทั่วไปธรรมดาเลยครับเพราะว่าเสียงยังคงไม่ครอบคลุมเท่าไรในหลายๆย่านเสียงยังคงมีความโดดของเสียงบางย่านแบบชัดเจนครับแน่นอนว่าตามด้วยเรทราคาของมันอาจจะไม่ได้ใส่ตัวเสียงเทพเข้ามาแต่ก็ถือว่าดีกว่าตัวอื่นๆที่ไม่ได้ใส่เข้ามา แต่ถ้าจะเน้นเรื่องเสียงมากๆ หรือชอบฟังเพลงตัวนี้ก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไรครับ จะเด่นแค่กำลังขับ ส่วนเสียงย่านแหลมยังเด่นจัดเกินไปหน่อย และ มิติเสียงยังธรรมดาครับสำหรับเจ้า POCO F2 PRO ตัวนี้

ทางด้านเสียงก็มีปรับแต่งได้ครับว่าจะเอาเสียงแบบ Hi-res หรือ เสียงธรรมดาแต่ปรับ Effect ได้แน่นอนว่าเราก็เลือกเสียงแบบ Hi-Res นั้นจะทำได้ดีกว่าครับ ส่วนอีกจุดที่น่าสนใจนั้นเมื่อเปิดเพลงในแอปติดเครื่อง และปิดหน้าจอมันจะสามารถเลือกได้ว่า Effect บนหน้าจอเวลาดับหน้าจอแล้วฟังเพลงจะขึ้นออกมาแบบไหนยังไงบ้างครับตัวนี้ก็ถือว่าเป็นลูกเล่นเล็กๆน้อยๆของตัวเครื่องและระบบรุ่นนี้ที่จะทำให้มีความสวยงามของการเปิดเพลงมากขึ้นด้วยครับ

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเดียวแต่มีความดังพอสมควรครับเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆที่เป็นลำโพงเดี่ยวเช่นในตัว HUAWEI MATE 30 PRO แน่นอนว่าในรุ่นของ MATE 30 PRO นั้นลำโพงก็ไม่ได้ดังเท่าไรนักแต่มาเทียบกับรุ่นนี้ก็จะชัดเจนเลยว่าทาง POCO F2 PRO นั้นเสียงดังและมีมิติมากกว่า รวมถึงเสียงในหลายๆย่านรองรับได้ดีกว่าชัดเจน แต่เสียงเบสนั้นจะใกล้เคียงกันครับก็ถือว่าเป็นลำโพงเดี่ยวที่ไว้ใจได้ระดับนึงเลยของ POCO ครั้งนี้ แต่ก็น่าเสียดายถ้าเราเอาไปเทียบเรือธงตัวอื่นๆนั้นจะเป็นลำโพงคู่กันทั้งหมดแล้วในยุคนี้ครับ แต่ทาง POCO เองนั้นก็เทียบราคาต่อสเปกนั้นถือว่าทำได้แค่นี้ก็เกินคุ้มสำหรับเรทราคานี้แล้วครับ

GPS

ในการนำทางนั้นค่ายนี้ก็ถือว่าพัฒนาได้ดีขึ้นเรื่อยๆเพราะ POCO ตัวก่อนก็ทำได้ดีระดับนึงแต่ไม่ได้โหดอะไรมากครับ แน่นอนว่า หลังจากที่ใช้แอปทดสอบนะครับอย่างแรกในการนำทางจริงๆนั้นก็ไม่เจอปัญหาอะไรเท่าไรนัก แต่จะมีบางจังหวะที่ลงอุโมงค์ หรือ ที่ทึบๆทำให้ต้องหาสัญญาณกันใหม่และอาจจะมึนๆไปบ้างในช่วงเปิดแรกๆครับ แต่ถ้าจับติดแล้วก็ติดอยู่สบายไม่หายไม่นิ่งครับ ส่วนในการจับสัญญาณ ภาพกลางเป็นการทดสอบในที่ใต้ทางด่วนจับได้ 11 จาก 50 และ ที่กลางแจ้งจับได้ 21 จาก 54 ในที่กลางแจ้งบนถนนปกติครับ ซึ่งก็ถือว่าจำนวนในการจับได้และเจอนั้นไม่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆในเรทนี้ถือว่าทำได้ดีสมกับการใช้ CPU Snapdragon 865 และรองรับ 5G WIFI6 ครับ

BATTERY

ทางด้านแบตในรุ่นนี้มาพร้อมกับความจุ แบตเตอรี่ 4,700 mAh รองรับชาร์จไว 30 W ถือว่าความจุแน่นๆจัดเต็มอย่างมากครับและให้ชาร์จไวมาด้วย ที่แถมในกล่องให้มาที่ 30W เต็มที่เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม และ ในแง่ของการใช้งานด้วยสเปกอะไรในส่วนของ CPU จริงๆตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้อึดอะไรมากคงพอดีๆทั้งวันแต่เท่าที่ลองนั้นบอกเลยว่าโหดมากจริงๆครับใช้งานหนักหน่วงมากๆในการทำงาน เล่นเกม ฟังเพลงทั้งหมดใช้งาน 15 ชั่วโมง หน้าจอเปิด 5 ชั่วโมง แบตเหลือ 7% เท่านั้นคือมันอึดมากๆครับในการใช้งานจริงแอบแปลกใจเลยแหละถ้าใครเน้นในการใช้งานตัวนี้ทั้งวันแบบสบายไม่ต้องพกที่ชาร์จไปอะไรเลยจัดการเรื่องพลังงานได้ดีกว่าที่คิดและชาร์จได้ไวเอาเรื่องเลย

GAMING

เรื่องของการเล่นเกมหรอ รุ่นนี้ไม่ต้องกังวลเลยครับหลังจากที่ได้ลอง ก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดี เรื่องของระบบทัชสกรีนก็ตอบสนองได้ไร้กังวล การเปิดภาพกราฟิกระดับสูงในเกมต่างๆก็สามารถทำออกมาได้ลื่นไหล ระบบระบายความร้อนที่ใส่มาก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ข้อสังเกตรุ่นนี้อาจจะมีเเค่เรื่องของหน้าจอที่ยังคง 60Hz เท่านั้น เพราะคู่เเข่งเขาไป 90 Hz หมดเเลัว เเละบางเกมตอนนี้ก็รองรับ FPS ได้สูง ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ลดไป 20% เล่นเกม 1 ชั่วโมง ความร้อนสูงสุด 40 องศา ถือว่าอาจจะดูร้อนกว่าที่คิดไว้พอสมควรครับแต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเล่นเท่าไรนัก

CAMERA

กล้องหลังในรุ่นนี้เป็นกล้องหลัง 4 ตัวจัดวางตรงกลางวงกลมแน่นอนว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดในหลายๆอย่างครับโดยเฉพาะเลนส์มาโครถ่ายได้สวยมากจริงๆ ส่วนน่าเสียดายว่ามันไม่มีเทเลมาให้ด้วยครับเรื่องการซูมอะไรรุ่นนี้ถือว่าธรรมดาเลย ส่วนกล้องหลังนั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัก 64 MP พร้อมกับรูรับแสง f/1.9  PDAF ส่วนอีกตัวนั้นจะเป็นเลนส์ เทเล และ มาโคร 5 MP รูรับแสง  f/2.2 รองรับ AF ระยะโฟกัส 3-7 เซนติเมตร และ กล้องมุมกว้างนั้น
13 MP รูรับแสง f/2.4,ระยะมุมกว้าง  123˚ และเลนส์ สำหรับการจับระยะ 2 MP,รูรับแสง f/2.4 ครับตัวนี้ ส่วนฟีเจอร์การใช้งานทั้งเรื่องของ ละลายหลังถ่ายคน หรือจะเป็นฟีเจอร์ Effect ช่วยต่างๆ และโหมดโปรก็ใส่เข้ามาให้ด้วยครับลากชัตเตอร์ได้ 30 วิ – 1/4000 เลยทีเดียว ส่วนโหมดกลางคืนอะไรมีมาให้ปกติครับ  เท่าที่ลองนั้นถือว่าในส่วนของเลนส์หลักนั้นทำได้ดีในหลายๆสภาพแสง ในกลางวันแสงจัด มุมกว้างถือว่าทำได้ดี แต่พอแสงน้อยถ้าเราไม่ได้ใช้งานโหมดกลางคืนภาพที่ได้จะค่อนข้างแปลกๆครับยังไม่ดีเท่าไร รวมถึงเจอปัญหาแสงเพี้ยนได้ง่ายมากเลยแต่ที่ต้องชมนั้นจะเป็นเลนส์มาโครที่สวยมากๆตัวนึงเลย รองรับการโฟกัสและเป็นระยะเทเลให้เอง DOF สวยมากๆ และโหมดละลายหลังการจัดการทำได้ดีเช่นกันครับ ในภาพรวมติดแค่สีเพี้ยนในช่วงมืด แสงน้อย ในเลนส์ปกติครับ

MACRO

PORTRAIT

SELFIES

ทางด้านกล้องหน้านั้นมุมกล้องอะไรอยู่ในระดับกลางๆครับสามารถใช้งานได้ดี Skintone อะไรสวยงามใช้ได้มีความเนียนแต่ก็ไม่ได้เวอร์หลอกตาครับ จริงๆในยุคหลังๆกล้องหน้าของค่ายนี้ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาดีขึ้นเรื่อยๆอันนี้ต้องขอชมเลย ส่วนทางด้านการละลายหลังอะไรนั้นมีมาให้ด้วยเช่นกัน กล้องหน้าให้มาเป็นแบบ Pop-Up มาพร้อมกับ ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f/2.2 ถือว่าแสงน้อยอาจจะติดมืดไปหน่อยสำหรับตัวนี้

VIDEO 

ทางด้านงานวีดีโอรุ่นนี้รองรับการถ่ายได้สูงถึง 8K 30FPS และรองรับ 24FPS ด้วยครับ ส่วนการถ่ายวีดีโอทั่วไปรองรับหมดเลยทั้ง 4K 30/60 และ FHD 30/60 ครับและยังมีโหมดการถ่ายอัตราส่วนแบบหนังมาให้ในตัว รวมถึงกันสั่นพิเศษและรวมถึงโหมดติดตามวัตถุ และยังมีโหมดการถ่าย VLOG มาให้ตัดต่อให้เสร็จจัดวางหมุนมุมกล้องให้ Transition ให้เรียบร้อบเราแค่ถ่ายเป็นช่วงๆตามเค้าครับถือว่าง่ายมากๆ และตัดต่อมาให้เลยช่วงแรก ลองไปดูตัวอย่างกันครับ ส่วนเรื่องของคุณภาพนั้นในภาพรวมถือว่าพอใช้ได้แต่ไม่ได้เด่น ในเรื่องของกันสั่นทำได้กลางๆครับแม้จะเปิดกันสั่นพิเศษแล้วก็ตาม รวมถึง การสลับเลนส์ต้องกดหยุดถ่ายใหม่อันนี้แอบขัดใจ รวมถึง เสียงทำได้ดีขึ้นแต่การตัดเสียงเยอะๆยังไม่เด่นเท่าไรครับ ในภาพรวมกลางวันถือว่าใช้ได้แต่แสงน้อยยังไม่ดีเท่าไร มีแสงเพี้ยนนิดๆครับ ส่วนกล้องหน้านั้น แสงน้อยจะติดมืดพอสมควรเลย จริงๆฟีเจอร์มันดี แต่คุณภาพในหลายๆส่วนน่าจะทำได้ดีกว่านี้ครับ

POCO F2 PRO

” ทุกอย่างที่ยกระดับขึ้นล้วนมีราคาที่ต้องเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากอยู่ดีกับสิ่งที่ให้มา “

ก็ต้องบอกว่าราคาที่สูงขึ้นนั้นอาจจะดูแพงแต่หลายๆสิ่งหลายๆอย่างให้มานั้นก็ถือว่าคุ้มเหมือนเดิมเพราะหลายๆอย่างมันก็ยกระดับขึ้นไปด้วยทั้งเรื่องของวัสดุ งานออกแบบ ฟีเจอร์คุณภาพในหลายๆส่วนกล้องหน้าหลัง หน้าจอ ลำโพงเอาเป็นว่าก็สมเหตุผลที่ราคามันสูงขึ้นและรองรับ 5G ด้วย แต่ถ้ามองอีกมุม POCO มันควรจะหมื่นต้นและทำสเปกแรงๆจะดีกว่ามายกระดับขึ้นไปไหมก็เป็นอีกมุมนึงไม่มีใครผิดครับ อยู่ที่ว่าเราจะพอใจแบบไหนได้ทั้งหมดเลยจริงๆ ส่วนตัวก็เข้าใจทั้ง 2 แบบ แต่ถ้ามองในตัวนี้ก็ถือว่า 17K ก็ยังไม่ได้น่าเกลียดเกินไปครับ เท่าที่ลองถือว่ายังคงความคุ้มค่าได้ดี สเปกแรง และที่สำคัญกล้องพัฒนาขึ้นเยอะมาก รวมถึงหน้าจอด้วยเช่นกันครับและใช้งานจริงก็แบตอึดมากขึ้น อีกทั้งการชาร์จอะไรทำได้ดีมาก แต่ก็มีจุดบ่นๆนิดหน่อยเรื่องกล้องแสงน้อยน่าจะสุดกว่านี้ และ เครื่องหนักมากครับ

ข้อดี

  • สเปกถือว่าแรงที่สุดในตอนนี้ Snapdragon 856 5G
  • ตัวเครื่องใช้งานวัสดุ Gorilla Glass 5 ทั้งหน้าและหลัง
  • กล้องหลังทำได้ดีกว่าที่คิดในการถ่ายทั่วไป รวมถึง มาโครที่ดีมากตัวนึง
  • หน้าจอเต็มตา และ รองรับ NETFLIX HD ได้เต็มที่
  • เทียบราคากับสิ่งที่ได้ยังคงคุ้มค่า
  • แบตใช้งานได้อึดมาก
  • รองรับ 3.5 มม. และ รองรับ Hi-Res Audio
  • รองรับการชาร์จไว 30W
  • ระบบ MIUI 11 เป็นพื้นฐานทำได้ลื่นไหลเหมือนเดิม

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องมีความ หนา และหนักพอสมควร
  • กล้องกลางคืนยังไม่เด่นเท่าไร
  • กล้องหน้าแสงน้อยยังทำได้ไม่ดีนัก
  • ลำโพงยังเป็นลำโพงเดี่ยว
  • ไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD
  • กล้องยังมีสีเพี้ยนได้ชัดใน แสงน้อยหรือกลางคืน ทั้งวีดีโอ ภาพนิ่ง
  • ชิพรองรับ 5G แต่ในไทยใช้งานไม่ได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

*รูปถ่ายจากกล้องมือถือทุกรูป ไม่มีการปรับแต่ง และ สามารถกดดูไฟล์เต็มแบบต้นฉบับได้นะครับ

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares