ORA GOODCAT GT เป็นน้องแมวสายซิ่งที่เปิดตัวต่อจากรุ่นปกติ GOODCAT นั้นเอง จากค่ายรถยนต์จีน GWM ที่เป็นค่ายเดียวกับแบรนด์ย่อย HAVAL ที่เราคุ้นเคยกันดี แน่นอนว่าด้วยพื้นฐานตัวรถแบรนด์ GWM ยอดขายอันดับต้นๆของจีน และ คุณภาพ ชื่อเสียงไม่ธรรมดา การที่มาลุยตลาดไทยเองก็ถือว่าน่าสนใจมากๆ ซึ่งการลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเองเป็นช่วงที่กระแสกำลังมาอย่างต่อเนื่อง และ ได้รับความนิยมอย่างมาก เลยไม่แปลกใจว่าทำไมหลังๆ รถยนต์ไฟฟ้าล้วนจากจีนเริ่มเข้ามาตีตลาดกันมากขึ้นเรื่อยๆ และ ยอดขายก็ไม่ธรรมดาเช่นกันทำให้ GOODCAT รุ่นแรกๆก็ได้รับความนิยม จากงานออกแบบที่แปลกตา ราคาที่ไม่แรง และเป็น EV ไฟฟ้าล้วนๆด้วยเช่นกันทำให้ GT เอาเข้ามาเสริมในระดับที่แรงขึ้น ปรับปรุงออฟชันใหม่ ลงตัวขึ้น และ มีความโดดเด่นในหลายๆส่วนขึ้น

ORA GOODCAT GT มาพร้อมกับมอเตอร์ใหม่ แตกต่างกับรุ่นปกติรวมถึง Software การจัดการพลังงานและระบบใหม่ทั้งหมดทำให้ แก้ไขปัญหาที่อาจจะเคยเจอในรุ่นก่อนหน้าทั้ง เต่าขึ้นเวลาเหยียบขึ้นเขา หรือ ขับเร็วๆต่อเนื่องไปได้ทั้งหมดครับ รวมถึงเพิ่มฝาท้ายไฟฟ้าอะไรเข้ามาให้ เบาะไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบนวด และ ดีไซน์ชุดแต่งรอบคันใหม่หมด รวมถึงสีเทาพิเศษ และ สีขาวมุกในตัวล่าสุด จะมีแค่ 2 สีนี้เท่านั้นด้วยนั้นเอง ส่วนมอเตอร์มาพร้อมกับพละกำลัง 171 แรงม้า และ แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมกับมีการเสริมโหมดออกตัว Launch Control และ ใช้งาน อัลลอยสีทูโทนลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว สีแดง เบรกสีแดง ตกแต่งภายในห้องโดยสาร เป็นสีแดงสลับดำให้แตกต่างกับรุ่นปกติ พร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ยังคงจัดเต็มเหมือนกับรุ่น 500Ultra ทั้งหมดและใช้งาน แบตเตอรี่ Lithium Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh มากกว่าตัวที่ขายในจีน และ ทำให้ระยะทาง 500 กม. ต่อการชาร์จ NEDC เช่นเดิม แต่ขับจริงจะเท่าไรรออ่านได้เลยครับ รองรับกำลังไฟ AC สูงสุด 6.6 kW และ  DC สูงสุด 60 kW หัวชาร์จมาตรฐาน CCS2 COMBO เช่นกัน รองรับระยะเวลาการชาร์จ DC จาก 30 – 80% ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และ AC จาก 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง นั้นเองครับ

  • ORA GOODCAT GT : ค่าตัว 1,286,000 บาท

EXTERIOR

งานออกแบบตัวรถถือว่าโดดเด่น และ แปลกตากว่ายี่ห้ออื่นๆในตลาดตอนนี้จริงๆแน่นอนว่าด้วยความผสมระหว่างยุคเก่า และ ใหม่ตัวรถออกมาน่ารัก และ โดดเด่นแถมมีความคลาสสิกได้ในตัวทำให้หลายๆคนชอบดีไซน์เป็นหลักในรุ่นนี้ และ สาวๆยิ่งชอบครับ อีกทั้งเป็นรถที่หลายๆคนมองเรื่องขนาดผิดไปมากๆ เพราะด้วยดีไซน์การออกแบบทรงของตัวรถดูเล็กน่ารัก แต่จริงๆตัวรถใหญ่ กว้างเท่ากับพวก HONDA CIVIC เลยนะเป็นรถขนาดใหญ่เลยแหละ มาพร้อมกับมิติตัวถังรถที่กว้าง 1.8 เมตร และ ยาว 4.2 เมตร อีกทั้ง ฐานล้อยาว 2.6 เมตร และ ระยะใต้ท้องถึงแบตจะอยู่ที่ 14.5 เซนติเมตรครับ แน่นอนว่าเรื่องแบตที่หลายๆคนห่วงก็ต้องระวังเพราะว่าตัวรถแบตจะห้อยลงมานิดหน่อยนั้นเอง

ในรุ่น GT ตอนแรกจะมีแค่สี AQUA GREY สีเทานมในภาพมาให้เท่านั้น แต่ด้วยงาน Motor Expo มีการเสริมสีขาวมุก ส่งท้ายมาให้ทำให้รุ่นนี้มีตัวเลือก 2 สีนั้นเองส่วนตัวถือว่าเส้นสายสวยและลงตัวเรียบๆแต่ก็มีส่วนโค้งเว้าได้สวยกำลังดีกับขนาดตัวรถของมันแม้จะเป็นรถไฟฟ้าแต่ก็มีการเสริมช่องจัดระเบียบอากาศไหลเวียนตามกันชนหน้ามาให้ใช้งานได้จริง เสริมด้วย ลายคาร์บอนที่อาจจะดูแปลกตาไปนิดหน่อยไม่ค่อยสมจริงเท่าไรนัก และ การเสริมสีแดงรอบคันตามแนวทาง GT ก็ทำให้รถดูเป็นแมวซิ่งได้ทันทีครับในด้านข้างตัวรถแน่นอนว่าดูกระทัดรัดมากๆทั้งเส้นสายและรูปทรง ส่วนในด้านหลังมีการเสริมกันชนหลังใหม่ สีแดงรอบคัน และ สปอยเลอร์หลังแบบ GT และ ซุ้มล้อ Carbon รอบคันก็ใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันครับถือว่าเน้นความเท่เป็นหลัก ส่วนไฟหน้าไฟท้ายต่างๆนั้นเหมือนรุ่นปกติ

ท้ายตรงเราจะเห็นว่าสัดส่วนตัวรถเหมือนเดิมแต่ได้ชุดแต่งใหม่และสัญลักษณ์ GT สีแดงเสริมเข้ามารวมถึงตำแหน่งไฟต่างๆเหมือนกับรุ่นปกติทั้งหมด ไฟเลี้ยวอยู่ในส่วนล่างพร้อมกับไฟถอยต่างๆ รวมถึงไฟชุดสำรองเวลาเปิดฝาท้ายก็จะติดแทนส่วนไฟด้านบนครับ ส่วนไฟส่วนบนนั้นจะเป็น ไฟหรี่ และ ไฟเบรกเป็นหลัก แม้ว่าตำแหน่งอาจจะดูต่ำไปในส่วนไฟเลี้ยวถ้ามองจากคนขับตามหลังแต่ถ้าขับได้ระยะปลอดภัยจริงยังไงก็มองเห็นครับ ส่วนด้านหน้าไฟหน้าทรงเดิมทั้งหมด ได้กันชนใหม่ดุดันมากขึ้นช่องรีดอากาศของจริง เสริมด้วนเส้นสีแดง รวมถึงกล้องรอบคันอะไรให้มาครบ

ตัวล้อมาในขนาด 18 นิ้วลวดลายใหม่ทั้งหมดพร้อมกับเล่นสีแดงถือว่าโดดเด่นกว่าเดิมรวมถึงเบรกสีแดงเสริมเข้ามาจะเห็นว่ารายดีเทล คาร์บอนเมื่อเจอแสงก็สวยพอสมควรครับตามคิ้วล้อต่างๆ ไฟหน้าเองเหมือนเดิมดีเทลทุกอย่างรวมถึงฟังก์ชันของมัน จุดนี้แอบอยากให้ทำสีดำแทนโครเมียมน่าจะเข้ากับตัวรถมากกว่าเดิม ส่วนไฟ DRL วงกลมสวยเด่นตามสไตล์ GOODCAT และในรุ่น GT เราจะได้ไฟ Welcome Light ที่แตกต่างกับรุ่นปกติเวลาปลดล็อกทั้งด้านหน้าและด้านท้ายจะเป็นไฟวิ่ง กระพริบลูกเล่นสวยกว่ารุ่นปกติ ส่วนที่ชาร์จอยู่ด้านซ้ายหน้าตัวรถพอร์ต CCS2 COMBO นั้นเองครับ รองรับทั้ง AC,DC และแน่นอนว่าสายชาร์จฉุกเฉินแถมมาให้กับตัวรถรวมถึงการชาร์จ สามารถกันน้ำ ฝนตกได้สบายแม้ชาร์จอยู่แล้วเจอพายุเข้าหรือฝนตก ตัวพอร์ตสามารถป้องกันน้ำได้สบายๆครับ

INTERIOR

งานออกแบบภายใน GOODCAT GT นั้นจะแตกต่างกับรุ่นปกติในแง่ของการใช้โทนสีดำแดงเสริมเข้ามาทั้งตัวคอนโซล และ ตัวเบาะ เข็มขัด และ สัญลักษณ์ในรถซึ่งวัสดุหรือฟีเจอร์การใช้งานไม่ได้แตกต่างกับรุ่น 500 Ultra แต่ก็มีส่วนที่เสริมเข้ามาให้ดีขึ้น เช่น ระบบนวดเบาะคู่หน้า เบาะไฟฟ้าคู่หน้า และ ไฟรอบกระจกแต่งหน้าใส่เข้ามาให้แล้วนั้นเองครับ ส่วนหน้าจอต่างๆนั้นเหมือนกับรุ่นปกติทั้งหมดแอบมีความหน่วงน้อยลงแต่ก็ไม่ได้ติดนิ้วมากนัก รวมถึงทางด้านพวงมาลัยต่างๆเสริมสีแดงเข้ามา ซึ่งเอาจริงๆนั้นตำแหน่งการขับขี่โปร่งโล่ง สบายพอสมควร มุมมองชัดเจนในการขับขี่ และ ขับง่ายในเมืองแต่เรื่องเบาะรองนั่งแอบสั้นไปถ้าคนตัวสูงเวลาขับอาจจะไม่ได้สบายมากนัก

ภายในนั้นเราจะได้หน้าจอความบันเทิงแบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว ตรงกลางเช่นเดิมรองรับ Apple Carplay แบบเสียบสายการสัมผัสไวกว่ารุ่นปกติในหลายๆจังหวะ รองรับภาษาไทย แต่ยังคงเสียดายในเรื่องของไอคอนลัด เวลาจะใช้งานปรับอากาศหรือปรับแต่งต่างๆต้องออกหลายขั้นตอน และต้องละสายตาพอสมควรเมื่อใช้งาน Carplay เพราะไม่มีปุ่มอะไรให้กดออกหน้าจอหรือเข้าหน้า Home เลยแม้แต่น้อย ส่วนปุ่มข้างล่างนั้นจะเป็นการควบคุมเปิด ปิดแอร์ ไฟฉุกเฉิน ไล่ฟ้าหน้าหลังเท่านั้นถือว่าเป็นรถที่ปุ่มน้อยมากๆ รวมถึงตัวเกียร์แบบหมุน  เบรกมือไฟฟ้าและชาร์จไร้สายจะอยู่คอนโซลกลางเท่านั้น  ส่วนที่วางของค่อนข้างเยอะรวมถึงไม่มีคอนโซลคอยเบียดขา ส่วนนี้ถือว่าออกแบบได้โปร่งโล่งครับ และตัวพวงมาลัยแบบเต็มวงไม่มีปาดขอบ พร้อมปุ่มควบคุมทั้งหมดใช้งานได้ง่ายเช่นเดิมเลย แต่ในรุ่น GT เราจะได้สีแดงเสริมเข้ามา และ ตามขอบประตู แต่เสียดายไม่มีไฟ Ambient Light

ภายในยังคงมีหลังคาโทนสว่าง และ หลังคากระจก Panoramic มาให้ที่สามารถเปิดในส่วนตอนหน้าได้และสั่งงานด้วยเสียงไทยได้เช่นกัน พื้นที่หลังคาที่สูงทำให้ตัวรถค่อนข้างโปร่ง และ ทางผมนั่ง 180 เซนติเมตร ยังมีพื้นที่เหนือศรีษะอยู่ซึ่งถือว่าเป็นรถที่สูงและโปร่งมากๆด้วยขนาดตัวรถแบบ C-Segment รวมถึงตัวเบาะเองมีสัญลักษณ์ GT ใส่เข้ามาให้ทั้ง เบาะคู่หน้า และ เข็มขัดแดงทั้ง 5 ตำแหน่งเสริมด้วยการตกแต่งขอบแดงตามเบาะเข้ามาให้แต่รูปทรงนั้นเหมือนเดิม ส่วนพื้นที่สัมภาระเองสามารถใช้งานเก็บของได้ระดับกลางๆไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็พับเบาะใส่จักรยานแบบถอดล้อหน้าได้แบบพอดีครับที่ทดสอบมา ด้วยความจุสัมภาระแค่ 228 ลิตร และ 858 ลิตรเมื่อพับเบาะ

TECHNOLOGY 

แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีคันนี้ให้มาแบบจัดเต็มทั้งหมดแบบเดียวกับ 500 Ultra และมีเสริมการใช้งานผ่านมือถือแบบเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบทุกๆอย่างของตัวรถ ค้นหาตำแหน่งรถยนต์ สั่งงานต่างๆทั้ง ล็อกและปลดล็อกประตู ระบบปิดกระจก หลังคาซันรูฟ ระบบเปิดและปิดระบบปรับอากาศ และ เพิ่ม เปิด/ปิดเบาะระบายอากาศ เข้ามาในรุ่นนี้ รวมถึง ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร และ ระบบค้นหารถยนต์ ทำให้ค่อนข้างอิสระในการใช้งานจริงๆ  ตัวรถเองระบบ ActiveS Safety ก็ให้มาครบ และ เยอะมากที่สุดในบรรดาคู่แข่งราคานี้ครับซึ่งจากการทดสอบถือว่าการจับระยะรอบๆคัน รวมถึงรถยนต์คันข้างหน้าถือว่าเก่ง และ แม่นในหลายๆสภาพแสง แต่ถ้าขับมาเร็วๆ แล้วเจอไฟแดง หรือ รถจอดนิ่งไกลๆ ระบบจะพุ่งไวค่อนข้างน่ากลัว และแนะนำให้เบรกเองจะดีกว่าครับเพราะหลายๆยี่ห้อถ้าเจอ รถติดไฟแดงไกลๆแล้วทางเราขับมาเร็วๆ Adadtive Cruise จะตรวจจับไม่ค่อยได้นั้นเอง

มีทั้งระบบ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ที่สามารถใช้งานได้จริง แม้อาจจะช้าไปนิดหน่อยก็ตาม รวมถึงควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) ชะลอทางโค้งให้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก (AEBI) รวมถึงระบบพื้นฐานทั้งหมดเช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (LSEB) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) และอีกมากมายซึ่งจากที่ทดสอบมาหลายๆฟีเจอร์ใช้งานได้จริง และ ปลอดภัยขึ้นพอสมควรครับ รวมถึงบรรดาถุงลมรอบคันก็ใส่มาให้ครบๆมาตรฐานความปลอดภัยถือว่าไม่ธรรมดาเลย

DRIVING

การขับขี่ถือว่าเหมือนกับรุ่น 500 Pro ในแง่ของช่วงล่าง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ความแรงมันกลายเป็นรถที่ขับสนุกมากๆคันนึง และแรงดึงต่างๆพุ่งกว่า ATTO 3 ชัดเจน ทำให้ถ้าใครชอบซิ่งคันนี้ดีกว่าเยอะ ด้วยพละกำลังมากขึ้นทำให้เราสามารถขับไป ต่างจังหวัดได้แบบสนุกขึ้น อัตราเร่งมาทันใจ และ ไม่เจอโหมดเต่ามารบกวนแม้จะขับโหดแบบไหนก็ตาม อัตราเร่งไม่ธรรมดา 0-100 ภายใน 8 วินาที และ 80-120 วินาที 5 รวมถึง ช่วงล่างแม้จะเป็นคานแข็งก็ตาม แต่เซ็ตมาขับสนุก และ อาจจะแข็งมากกว่ารถทั่วไปทำให้ในเมืองอาจจะมีความกระเด้งนิดๆแต่ทางไกลมั่นใจมากๆ ส่วนตัวผมชอบช่วงล่างแบบนี้นะโอเคมากๆในความเร็วสูงมั่นใจ และถ้าเข้าโค้งหนักๆก็ทำได้ดีด้วยแบตที่ต่ำทำให้ศูนย์ถ่วงต่ำด้วยถือว่าโอเค ซึ่งถ้าในเมืองอาจจะเจอถนนไม่เรียบคนนั่งหลังอาจจะไม่ถูกใจมากนัก ส่วน การใช้งานจริงระยะทางจริงวิ่งได้ชัวร์ๆ คือ 350 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ เนื่องจากรถที่กินไฟมากขึ้นนั้นเองในการเดินทางไกลจะกินไฟเฉลี่ย 18-19 kWh/100km และ ในเมือง 16-17 kWh/100Km ในการขับขี่จริงที่ผมทดสอบครับ

CHARGING 

แน่นอนว่าเรื่องการชาร์จนอกเหนือจากสเปกแล้วจริงๆอยากจะพูดเรื่องการเจอคิวแน่นๆตามสถานีชาร์จเพราะว่าด้วยรถไฟฟ้าที่เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ สถานีชาร์จยังไม่ได้เยอะมากขนาดนั้นทำให้ในบางครั้งเราจะเจอคิวเต็มหรือมีคนมารอกันก่อนหน้าทำให้เวลานั้นผิดพลาดกับที่วางแผนเช่นในภาพข้างบนทางผมเข้าไปชาร์จมีคิวก่อนหน้าที่ชาร์จอยู่ และมีอีก 2 คันกำลังตามมารวมถึงคันที่ 4-5 ก็มีวนเข้ามาและวนออกไปซึ่งเป็นข้อจำกัดในตอนนี้ที่รถเริ่มเยอะมากขึ้น และ สถานีในบางเส้นทางอาจจะน้อยและไม่มีสถานีสำรองในบริเวณนั้นทำให้เวลาอาจจะเลทไปกว่าที่คิดประมาณ 30-60 นาทีได้เลยนั้นเองเพราะว่าต้องรอคิวก่อนหน้าชาร์จให้เรียบร้อย เป็นข้อจำกัดหลักๆในช่วงที่สถานียังเปิดไม่หมด แต่ส่วนตัวผมมองว่าในปีหน้าจะรองรับได้สบายกว่านี้ และ มีสถานีค่ายอื่นๆมาให้ใช้งานกันเยอะขึ้นด้วยนั้นเอง

ORA GOODCAT GT 

” ปรับแก้ให้ลงตัวขึ้นทั้งความแรง ความสเถียร และ ดีไซน์ สายซิ่งถูกใจขึ้น “

ภาพรวมถือว่าถูกใจคนที่ขับรถเร็วหรือว่าสายซิ่งนั้นเอง มอเตอร์พัฒนามาดีขึ้น แรง และทันใจแก้ปัญหาเดิมๆได้ทั้งหมด อีกทั้งหน้าตาดุดันมากขึ้น และ ซิ่งมากกว่าเดิมทำให้ผู้ชายหลายๆคนถูกใจแน่นอนไม่หวานมากแบบรุ่นปกติ รวมถึงออฟชันหลายๆส่วนพัฒนาขึ้นดีขึ้นทำให้มันน่าใช้งานกับราคาส่วนต่างที่เพิ่มเข้ามา แม้เรื่องของช่วงล่าง ระบบเทคโนโลยีอาจจะไม่ได้แตกต่างกับรุ่นปกติมากนัก แต่ได้ความแรง เร็ว อัตราเร่งที่ดี ขึ้นลงเขาแบบสบายใจขึ้นถือว่าเป็นอีกกลุ่มลูกค้านึงแตกต่างกันชัดเจน แม้ในเมืองอาจจะไม่ได้มีผลต่างกันมากนัก แถมกินไฟมากกว่าเดิม แต่ถ้าเน้นขับทางไกล หรือต่างจังหวัดตัว GT สามารถตอบโจทย์ได้มากกว่ารุ่นปกติแบบชัดเจนมากๆถือว่าเป็นรถที่ขับสนุกและซิ่งได้ดีกว่าคู่แข่งหลายๆคันชัดเจน และด้วยขนาดตัวรถแบบ C-Segment และ ออฟชันแน่นๆแบบนี้ถือว่าน่าสนใจ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares