ออปโป้ เอาใจสายพอร์ตเทรต เปิดตัวสมาร์ตโฟนใหม่ล่าสุด OPPO Reno7 Z 5G พร้อมแนวคิด “The Portrait Expert” เป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต สานต่อความเป็นผู้นำสมาร์ตโฟนด้านพอร์ตเทรตอย่างต่อเนื่อง สมาร์ตโฟนที่ให้คุณเป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต กับโหมด Bokeh Flare Portrait เบลอพื้นหลัง เพิ่มดวงไฟโบเก้สวยได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี Dual Orbit Lights ไฟล้อมรอบกล้องหลักทั้งสองตัว ที่จะส่องแสงสว่าง ตามการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดด้วยระบบถ่ายภาพ Portriat แบบอัปเกรด เพื่อให้ผู้ใช้บันทึกทุกช่วงเวลาที่น่าจดจำในชีวิตด้วยฟีเจอร์มากมาย นอกจากฟีเจอร์เพื่อการถ่ายภาพพอร์ตเทรตเอาใจชาวโซเชียล แล้ว OPPO Reno7 Z 5G จะไม่ทำให้สายแฟชั่นผิดหวังด้วยดีไซน์ Ultra-Slim Retro Design แบบใหม่ ขอบเหลี่ยม บางเบา และเทคนิคการเคลือบสีผสานกับ OPPO Glow ให้ดีไซน์ที่ระยิบระยับ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สีสันสดใสโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามแห่งสายรุ้ง แน่นอนว่าออปโป้ยังคงอัดแน่นด้วยประสิทธิภาพที่พร้อมตอบโจทย์ทุกสายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมหน้าจอคมชัดแบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว FHD+ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 695 5G บนกระบวนการผลิตระดับ 6nm มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่รวดเร็ว ทั้งยังประหยัดพลังงานได้ดี มาพร้อมกับ RAM 8GB และ ROM 128GB อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี RAM Expansion ขยายพื้นที่ RAM ให้มากขึ้น เพื่อเพียงพอต่อการใช้งาน แบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ให้ใช้งานได้อย่างจุใจตลอดวัน อีกทั้งยังมากับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 63 นาที หรือชาร์จแค่ 5 นาที ก็สามารถคุยได้ยาวนานถึง 3 ชั่วโมงเลย และ วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 12,990 บาท ที่ OPPO Brand Shop และ ร้านค้าที่ร่วมรายการ 

UNBOX

ตัวกล่องนั้นเป็นสีเขียวอมฟ้า และมีเขียนชื่อรุ่นตามปกติอุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาครบทั้ง ที่จิ้มซิม ที่ชาร์จ 33Wและ มีเคสใสแถมมาให้รวมถึงตัวฟิล์มของหน้าจอก็ติดมาให้แล้วเรียบร้อย

  • ตัวเครื่อง OPPO Reno7 Z 5G พร้อมฟิล์มกันรอย
  • เคส TPU ใส
  • คู่มือการใช้งาน ที่จิ้มซิม
  • ที่ชาร์จ 33W
  • สาย USB-C

DESIGN 

ดีไซน์ของ OPPO Reno7 Z 5G ยังคงสานต่อดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเช่นเดียวกัน ด้วย กับ Ultra-Slim Retro Design และ Dual Orbit Lights ครั้งแรกในอุตสาหกรรม Ultra-Slim Retro Design แบบใหม่ ขอบเหลี่ยม บางเบา และเทคนิคการเคลือบสีผสานกับ OPPO Glow ให้ดีไซน์ที่ระยิบระยับ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ที่มีน้ำหนักประมาณ 173 กรัมและบางประมาณ 7.55 มม. นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์ขอบจอมุมขวาแบบ 2.5D อันล้ำสมัยทางด้านหน้าและหลัง

การออกแบบดีไซน์ฝาหลังที่สวยแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ดูดีพรีเมียม ออกแบบด้วยเทคนิค OPPO Glow ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ OPPO รวมถึงกระบวนการการเคลือบ2 ชั้นและพื้นผิว 3 เลเยอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำขึ้นเพื่อช่วยให้ฝาหลังทั้งสี Rainbow Spectrum และ Cosmic Black มีพื้นผิวแบบด้านแต่ยังคงมีความเปล่งประกายระยิบระยับ

การจัดวางโมดูลกล้องที่ดูดีมีระดับมากยิ่งขึ้น

เนื้อสัมผัสฝาหลังที่เรียบด้าน ป้องกันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี สลักชื่อ OPPO ด้วยอักษรสีขาวที่ตัดกับสีพื้นหลังอย่างเด่นชัด

จอแสดงผลเป็น AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชเรท 60Hz หน้าจอกว้างคมชัด การแสดงสีสันสดใสสมจริง

ส่วนบนของหน้าจอเป็นดีไซน์รอยเจาะทางมุมซ้าย ซึ่งติดตั้งกล้องหน้าเอาไว้ เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงเสียง

ส่วนล่างของจอ เป็นการนำทางระบบ สามารถปรับเปลี่ยนได้ และพร้อมทั้งรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอด้วย

ตัวเครื่องด้านล่าง มีพอร์ตแบบ USB C ตรงกลาง ทางฝั่งขวาเป็นลำโพงเสียง ส่วนทางซ้ายมีไมโครโฟน และยังคงให้ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาให้อยู่

ขอบเครื่องด้านบนเป็นแบบเหลี่ยม มาพร้อมไมโครโฟนตัดเสียง

ตัวเครื่องฝั่งขวาเป็นปุ่ม Power ไว้ใช้สำหรับเปิด/ปิด และล็อกหน้าจอเครื่อง

ตัวเครื่องด้านซ้ายมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง พร้อมกับช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบไฮบริด ซึ่งรองรับ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง

SPEC

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว 60Hz
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G
  • Storage 8GB + 128GB , RAM Expansion
  • ColorOS 12
  • กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก High-Res 64MP + กล้อง Depth 2MP และกล้องมาโคร 2MP
  • กล้องหน้า 16MP
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ + ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
  • ช่องเสียบหูฟัง USB Type-C
  • น้ำหนัก 173 กรัม
  • รองรับเครือข่าย 5G
  • แบตเตอรี่ 4,500 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว 33W

CAMERA

มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก High-Res 64MP + กล้อง Depth 2MP และกล้องมาโคร 2MP กล้องถือว่าเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยทีเดียว แน่นอนว่านอกเหนือจากสเปกแล้วสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือเรื่องของระบบการถ่าย ซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่จะเป็น AI เข้ามามีส่วนช่วยได้เยอะมากๆเช่นกัน และรุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นกล้องในระดับเรทราคานี้ที่ถ่าย Portrait ได้ดีมากๆตัวนึงก็ไม่เกินไป เพราะว่ามีการพัฒนาระบบอะไรใหม่และค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องการถ่ายคนอยู่แล้วทั้งโทนสี ความเนียนสวยต่างๆ ครั้งนี้เลยใส่ Bokeh Flare Portrait ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง โดยฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนแสงไฟบนพื้นหลังให้กลายเป็นดวงไฟโบเก้ พร้อมเพิ่มความสดใสของบุคคลในภาพอีกด้วย

SYSTEM UI 

ทางด้านระบบแน่นอนว่าหน้าตา ล่าสุดใช้งาน Colour OS 12 ตัวล่าสุดบอกเลยว่าหน้าตามีความเรียบ ลื่นไหล และทันสมัยมากขึ้นแถมไม่รกแล้วด้วยเช่นกัน มอบประสบการณ์การเล่นเกม ความเป็นส่วนตัว และประสิทธิภาพในการทํางาน ดียิ่งขึ้น หน้าล็อกจอ, หน้าตาหลัก และหน้ารวมแอปต่างๆนั้นใช้งานได้ดีเช่นเดิม การแจ้งเตือนต่างๆ เด้งไวชัดเจน และไอคอนอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ และ ความนิ่งทำได้ดีกว่ายุคก่อนๆเยอะ

SCREEN

มาพร้อมหน้าจอแสดงผลเป็น AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรชเรท 60Hz และมาพร้อมกับการลดแสงสีฟ้าเพื่อปกป้องดวงตา แน่นอนว่าเรื่องของสีสัน มุมมองเป็นจุดเด่นของ AMOLED อยู่แล้วทำให้เมื่อมองจากด้านข้างหรือเอียงๆ ความสว่างการใช้งานอะไรนั้นก็สามารถรองรับได้สบายๆทำให้มุมมองในการใช้งานจริงไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย และยังคงใส่ฟีเจอร์การใช้งานทั้ง การรวมกันของ Sunlight Screen และ Moonlight screen ทำให้ All-day AI Eye Comfort สามารถมอบการใช้งานที่สบายตาได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งยิ่งใช้โทรศัพท์นานเท่าไหร่ การปรับแต่งหน้าจอก็จะสามารถปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้งานได้มากขึ้นเท่านั้น ทำให้หน้าจอตัวนี้ถือว่าคุณภาพ และสวยงาม

BATTARY

แบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh และ การชาร์จไวแน่นอนว่าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องในชื่อ VOOC รุ่นมี้มาพร้อม 33W SUPERVOOC ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ภายในเวลาเพียง 63 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยได้ถึง 3 ชั่วโมง

PERFORMANCE

ขับเคลื่อนโดย Snapdragon 695 5G Mobile Platform ที่มีขนาดเพียง 6nm มอบประสิทธิภาพการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงและการรองรับการใช้งานในด้านต่างๆ ด้วยการใช้พลังงานที่น้อยลง แต่ซิปเซ็ต อันทรงพลังนี้เป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพสมาร์ตโฟนอย่าง OPPO Reno7 Z 5G พร้อมความเร็วแรงในการเปิดใช้งานแอป อีกทั้งรองรับสัญญาณ 5G ที่เร็วแรงดั่งสายฟ้าฟาด สามารถทำคะแนน ANTUTU มาได้มากถึง 369183 คะแนน และ มีคะแนนการอ่านสูง 496MB/s และ เขียนไป 456MB/s เลยทีเดียว และ การดูหนัง Netflix อะไรนั้นสบายๆรองรับแบบสูงสุด FHD คอนเทนต์ไม่มีปัญหาค่ะ

CAMERA  SAMPLE 

BOKEH FLARE PORTRAIT 

โหมดนี้ต้องบอกว่าเป็นโหมดที่ค่อนข้างน่าสนใจและเอามาใช้งานได้ดีทั้งกลางวัน และ กลางคืน ทำให้ข้างหลังเบลอแบบโหดๆคล้ายกับการใช้งานกล้องใหญ่ที่มีรูรับแสงกว้างๆ ไปเลยทีเดียว ต้องยกความดีให้กับกล้องและระบบ AI ของ OPPO ในโหมด Bokeh Flare Portrait ที่จะได้ทั้งกล้องหน้าและหลังโดยฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนแสงไฟบนพื้นหลังให้กลายเป็นดวงไฟโบเก้ พร้อมเพิ่ม ความสดใสของบุคคลในภาพอีกด้วย เรียกได้ว่าถ่ายง่ายและสวยจบทันที

SELFIE

กล้องหน้าเซลฟี่ 16MP พร้อม Selfie HDR มอบภาพเซลฟี่ที่สว่างคมชัดแม้ในที่แสงน้อยหรือย้อนแสง โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มช่วงไดนามิกของการถ่ายเซลฟี่ในการตั้งค่าการถ่ายย้อนแสง พร้อมคงรายละเอียดของใบหน้าและพื้นหลังได้อย่างแม่นยำ และทางด้าน Software ค่ายนี้ต้องบอกว่าสบายๆในการรองรับการถ่าย และทำได้ดีมานานมากๆแล้วในเรื่องของความสวย สว่างและโทนสีของกล้องหน้าจากค่าย OPPO ครับแถมยังมาพร้อมกับ Portrait Retouching จะช่วยปรับแต่งและเพิ่ม ความงามตามธรรมชาติของบุคคลในภาพถ่าย ด้วยฟีเจอร์ Portrait Retouching  ที่ได้รับการอัปเกรดในรุ่นนี้นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสีสันของปากได้ด้วยการระบุเฉดสีแดงบนริมฝีปาก พร้อมปรับแต่งการแต่งหน้า รายบุคคลได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เทพ Bokeh Flare Portrait ที่จะทำให้ละลายหลังแบบกล้องใหญ่ เบลอเด่นๆและ Bokeh เองนั้นเป็นวงกลมขนาดใหญ่ถือว่าน่าสนใจมากๆที่ใช้กับกล้องหน้าได้

PORTRIAT RETOUCHING

Portrait Retouching แบบอัปเกรดบน OPPO Reno7 Z 5G สามารถมอบเอฟเฟกต์การปรับแต่งใบหน้า ในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอพอร์ตเทรตทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ระบุจุดสำคัญบนใบหน้าได้สูงสุดถึง 373 จุด สามารถระบุและลบจุดที่ไม่ต้องการบนใบหน้า เช่น สิว รอยด่างดำ พร้อมทั้งปรับแต่งให้ใบหน้ามีความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

OPPO Reno7 Z 5G

” กล้องถ่าย PORTRAIT เด่น ดีไซน์สวยบางเบา และ สเปกยังคงทำได้น่าประทับใจ “

OPPO เองนั้นยังคงเป็นค่ายที่ทำเรื่องของการถ่าย Portrait ได้ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดการพื้นหลัง การจัดการ Skintone ต่างๆและ Effect ใหม่ในตัว Bokeh Flare Portrait ที่ใส่เข้ามาให้บอกเลยว่าน่าสนใจและสวยเลยทีเดียวครับ ทำให้คนทั่วไปถ่ายได้สวยง่ายขึ้นเยอะ และรองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังด้วยนะอันนี้บอกเลยว่าน่าสนใจ ส่วนสเปกอื่นๆนั้นก็ตามแบบของ OPPO ให้มาดีทั้งชาร์จไว หรือจะเป็นหน้าจอที่สวย ประสิทธิภาพการใช้งาน ตัวนี้ที่รองรับการใช้งานได้แบบสบายๆไม่ว่าจะเล่นเกม หรือ ใช้งานทั่วไปทำให้ตอบโจทย์มากๆ เช่นกัน ส่วนงานออกแบบ Reno Glow เองนั้นสะท้อนแสงได้สวยฝาหลังไม่ติดรอยนิ้วมือ ถือว่าลงตัวเลยเหมาะสำหรับคนที่เน้นใช้งานกล้องหลังกล้องหน้าถ่าย Portrait เน้นๆ รวมถึงดีไซน์สวย บาง เบา ตัวนี้ตอบโจทย์มากๆค่ะ

ข้อดี

  • ดีไซน์ฝาหลังสวย เล่นกับแสงสีได้ดี บาง เบา พรีเมียม
  • หน้าจอ สวย AMOLED สู้แสงได้ดี คมชัด
  • กล้องหลังทำได้ดี พร้อมกับโหมดการถ่ายมากมาย
  • Bokeh Flare Portrait โหมดการถ่ายใหม่ในการถ่ายละลายหลังทำได้ดีมาก
  • กล้องหน้ายังคงโดดเด่นและรองรับโหมดใหม่เช่นกัน
  • ประสิทธิภาพโดยรวมในการทำงาน MTK Dimensity 800U 5G เอาอยู่สบายๆ
  • ColorOS 12 ลื่นไหล และสวยงามเช่นเดิม

ข้อสังเกต

  • หน้าจอยังเป็น 60Hz AMOLED
  • ลำโพงตัวเดียว ออกข้างล่าง

สมาร์ตโฟน 5G ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ดีที่สุด OPPO Reno7 Z 5G รุ่นล่าสุด กับนวัตกรรมถ่ายภาพที่ให้เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต  มี 2 สี ได้แก่ สีรุ้ง Rainbow Spectrum และสีดำ Cosmic Black วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 12,990 บาท ที่ OPPO Brand Shop และ ร้านค้าที่ร่วมรายการ

สำหรับรีวิวนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกเรารีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะคะ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Aum

 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares