OnePlus เปิดตัวสมาร์ตโฟน OnePlus Nord CE 2 5G  ซีรีส์นี้ถือว่าโดดเด่นและเป็นรุ่นที่น่าสนใจเลย ชูจุดเด่นที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC กับความจุแบตเตอรี่ 4,500mAh ชาร์จเพียง 15 นาที ให้พลังงานเพียงพอตลอดทั้งวัน ชิปเซ็ตที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และกล้องอันชาญฉลาดยิ่งขึ้น OnePlus Nord CE 2 5G ยังคงคุณสมบัติเด่นของ OnePlus ครบถ้วน ด้วยหน้าจอ AMOLED ลื่นไหล 90 Hz, รองรับ OxygenOS 11 และ 5G พร้อมเอกลักษณ์การออกแบบที่บางเฉียบมีดีไซน์บางเพียง 7.8 มิลลิเมตร และช่องเสียบหูฟังจาก OnePlus Nord CE ดั้งเดิม มาพร้อมที่ชาร์จ SUPERVOOC 65W และสาย USB-C สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์รวมอยู่ในกล่องของ OnePlus Nord CE 2 ด้วยเช่นกัน และ แน่นอนว่าเครื่องรุ่นนี้จะทำการรองรับกับเครือข่าย AIS 5G เน้นๆพร้อมใช้งานได้ทันที OnePlus Nord CE 2 5G รองรับสัญญาณ 5G SA บนเครือข่าย AIS 5G เร็วสุด ครอบคลุมสุดที่ 1 ทั่วไทย และ บอกเลยว่าเค้ามีโปรพิเศษทำให้ราคาเองนั้น จับต้องได้ง่ายและพร้อมใช้งานได้สบายๆเลยครับ

ONEPLUS NORD CE2 5G เป็นจอแสดงผล FHD+ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว พร้อมอัตราการรีเฟรช 90 Hz จอแสดงผลของ OnePlus Nord CE 2 ยังได้รับการรับรอง HDR10+ ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 octa-core พร้อมรองรับความเร็วเครือข่าย 5G และ Wi-Fi 6 มาพร้อมกล้องหลังสามตัว ซึ่งประกอบด้วยเซนเซอร์หลัก 64 MP, กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 MP และเลนส์มาโคร 2 MP OnePlus Nord CE 2 ยังผสานรวมกับซอฟต์แวร์ AI อันทรงพลัง ด้วยโหมด Nightscape และโหมด Portrait ที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยให้ถ่ายภาพที่คมชัดและสวยงามยิ่งขึ้น และแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. กลับมาบน OnePlus Nord CE 2 5G นอกจากนี้ OnePlus Nord CE 2 5G ยังมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่องและช่องเสียบการ์ด microSD ช่วยให้สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ได้ถึง 1 TB ส่วนทางด้านราคานั้นจะมีโปร HOT Deal ของ AIS จัดเต็มให้เลยครับเหลือ 7,990 บาท จากราคา ปกติ 14,990 บาทนั้นเองถือว่าลดเยอะมาก และในไทยเองนั้นจะมีมาแค่ 1 สี คือ GRAY MIRROR นะ

UNBOX

ต้องแจ้งอีกครั้งว่าสำหรับคนทั่วไปเองนั้นตัวกล่องจะเป็นกล่องสีดำเล็กที่มีเขียน NORD เท่านั้นนะครับแบบในภาพข้างบนและ อุปกรณ์ที่ให้มาก็ครบเช่นเดิม หัวชาร์จยังคงอยู่ และ มี เคสใสแถมมาให้รวมถึงสายชาร์ตพร้อมใช้งาน

  • ตัวเครื่อง Nord CE 2 5G
  • สายชาร์จ OnePlus สีแดง
  •  SUPERVOOC 65W
  • เคสกันกระแทก
  • คู่มือการใช้งาน

DESIGN

OnePlus Nord CE 2 5G มาในสีเทา Gray Mirror ผิวคล้ายกระจกเหมือนโลหะขัดเงาที่หรูหรา ความหนาเพียง 7.8 มม. ซึ่งบางกว่า OnePlus Nord CE ดั้งเดิมและเป็นสมาร์ตโฟนที่บางที่สุดของ OnePlus นับตั้งแต่ OnePlus 6T เป็นการออกแบบที่ผสมกันทั้ง วัสดุ สี และ การเคลือบทำให้มีความสวยงาม เล่นกับแสงได้ดีและมีมิติมากๆ และไม่ได้ตัดรู 3.5มม. ออกไปด้วยนะ ครอบกับด้วยกระจก Gorilla Glass ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้ OnePlus Nord CE 2 5G ยังมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่องและช่องเสียบการ์ด microSD ช่วยให้สามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์ได้ถึง 1 TB

หน้าจอแบบเจาะรูมุมซ้ายของตัวเครื่อง มาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) รองรับ Refresh Rate 90Hz

ขอบจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่าแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อย ส่วนการควบคุมนั้นใช้งานเต็มหน้าจอ หรือ ปุ่มได้ทั้งหมดเหมือนรุ่นอื่นๆ

ในส่วนมุมซ้ายบนเครื่องนั้นจะเป็นกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง f2.4 ถือว่าแอบแคบพอสมควร และมาเป็นตัวเดียวเท่านั้น ส่วนขอบด้านบนเองนั้นมีความบาง และแทรกลำโพง เซนเซอร์ต่างๆ แต่น่าเสียดายเป็นลำโพงเดี่ยวเท่านั้นในรุ่นนี้ จะออกแค่ด้านล่างเท่านั้น

ขอบเครื่องในด้านขวานั้นจะเห็นเป็น Power สำหรับเปิด/ปิด เครื่อง พร้อมกับขอบเครื่องแบบเงา ไม่มีอะไรใส่มาให้เพิ่ม แต่เก็บงานได้เนียนสวยและพรีเมียมมากๆ

ขอบเครื่องในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง พร้อมกับถาดซิม ส่วนขอบเครื่องเล่นเงาๆ สวยงามพอสมควรเลย มีความบางระดับนึงเลยแหละ

ในส่วนของขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามี ไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้ใช้งานพร้อมกับ ความโค้งมนของฝาหลังอีกทั้งในเรื่องของกล้องนั้นจะนูนขึ้นมาแบบชัดเจน ตัดขอบโค้งมนสวยงาม และเล่นปัดเงาเช่นกันถือว่าดูดีระดับนึงเลย

ขอบเครื่องในด้านล่างเองนั้น ใช้งาน USB-C  มาพร้อมกับ ไมค์ และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รวมถึงลำโพงหลักของตัวเครื่อง แต่การจัดวางอะไรนั้นจะคล้ายๆกับรุ่นอื่นๆของตระกูล NORD เช่นกัน

ในส่วนของกล้องหลัง OnePlus Nord CE 2 5G มาพร้อมกล้องหลังสามตัว ซึ่งประกอบด้วยเซนเซอร์หลัก 64 MP, กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 MP และเลนส์มาโคร 2 MP กล้องหลัก 64 MP จับภาพด้วยรายละเอียดระดับสูงและสีที่คมชัด แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.7 ฮาร์ดแวร์กล้องของ OnePlus Nord CE 2 ยังผสานรวมกับซอฟต์แวร์ AI ด้วยโหมด Nightscape และโหมด Portrait ที่ได้รับการปรับปรุง ช่วยให้ถ่ายภาพที่คมชัดและสวยงามยิ่งขึ้น

SPEC

  • หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว Full HD+, รีเฟรชเรท 90Hz, Corning Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล Dimensity 900 6nm
  • ที่ใช้การ์ดจอ Mali-G68 MC4
  • RAM LPDDR4X 6GB / 8GB +
  • storage (UFS 2.2) 128GB ที่ใส่ microSD เพิ่มได้ถึง 1TB
  • Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP (f/2.2) กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.4) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm,
  • ลำโพง Super linear
  • รองรับเครือข่าย 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11 ax (2.4GHz + 5GHz),
  • Bluetooth 5.2, GPS/GLONASS/Beidou/NavIC, NFC
  • USB Type-C แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว SUPERVOOC 65W

PERFORMANCE

ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับ ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 จับคู่ RAM แบบ LPDDR4X ขนาดสูงสุด 8GB + ROM มาตรฐาน UFS 2.2 ขนาด 128GB และ GPU Mali-G68 MC4 ที่พร้อมใช้งาน 5G และให้ความสามารถ AI มากขึ้นในการทำทุกอย่างตั้งแต่การเล่นเกมไปจนถึงการถ่ายภาพเร็วขึ้น ราบรื่นขึ้น และดีขึ้น ในการทดสอบสามารถทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 428415 คะแนน ถือว่าครบในการใช้งาน เล่นเกม จัดว่าดีเลย หลังจากที่ได้เล่นเกมต่างๆเท่าที่ได้ทดสอบ ลื่นไหลดี

OXYGEN OS

Android 11 ที่ครอบด้วย OxygenOS 11.3 และหลายๆคนคงทราบกันดีกว่าแบรนด์ OnePlus มักจะได้รับการอัปเกรดซอฟต์แวร์เร็วเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Google เท่านั้น  เป็นรุ่นที่ทำระบบมาค่อนข้างดีมากๆและใช้งานได้ดีอันดับต้นๆของ Android การแจ้งเตือนอะไรทำได้ไวกว่าหลายๆตัวในบรรดา Android สำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม สามารถกดเข้าหน้าเคลียร์แอปและกดค้างหน้าแอปได้เลย ในส่วนของการปรับแต่งหน้าตาก็เช่นเดิมว่าสามารถปรับแต่งได้เยอะมากทั้งเรื่องของ ฟอนต์ การออกแบบ โทนสี ไอคอน รูปทรงถือว่ารองรับได้อิสระมากๆ

SCREEN

มาพร้อมจอแสดงผล Fluid AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.43 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 20:9 RGB, Display P3 ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz ที่ทำให้การเลื่อนฟีดโซเชียลมีเดียสเถียรดีขึ้น ไปจนถึงการเล่นเกม เร็วขึ้น และตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น และยังได้รับการรับรอง HDR10+ ช่วยให้สีสันที่คมและมีมิติยิ่งขึ้นเวลาดูหนัง Netflix, YouTube ต่างๆ ฝังเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ และป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 เท่าที่ทดสอบใช้งานดูนั้น สู้แสงได้ดีระดับนึงพร้อมกับ มิติสีของภาพนั้นสวยใช้ได้เลย นอกเหนือจากมุมมองตรงๆแล้วตัวภาพในมุมมองอื่นๆก็ถือว่ายังตอบสนองได้ค่อนข้างดีมากแสงสีอะไรสวยงามและมีความสว่างพอสมควรเลย การสัมผัสเล่นเกมใช้งานไม่มีปัญหา รวมถึงความลื่นไหลในการใช้งานทั่วไปก็เป็นจุดที่แตกต่างแบบชัดเจน ถือว่าทางด้านหน้าจอค่ายนี้ไว้ใจได้เลยค่อนข้างประทับใจหน้าจอการสู้แสงและการใช้งานรวมๆ

CHARGING 

และแน่นอนว่ารุ่นนี้จะมาพร้อมกับ เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 65W SUPERVOOC เหมือนกับรุ่นเรือธง โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Dual-Cell ขนาดใหญ่ 4,500 mAh ชาร์จเพียง 15นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน เร็วกว่า OnePlus Nord CE ถึงสองเท่า และสามารถชาร์จเต็มจาก 1-100% ได้ใน 32 นาที มีการตรวจสอบอุณหภูมิภายในสมาร์ตโฟนแบบเรียลไทม์เมื่อชาร์จ เพื่อความปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพ การชาร์จ 65W SUPERVOOC ชื่อใหม่ ของ OnePlus Nord CE 2 ได้มาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพระดับสากลรับรองจาก TÜV Rheinland ที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าสมาร์ตโฟนเครื่องนี้จะมอบประสบการณ์การชาร์จที่ตรงตามมาตรฐานระดับสูงของ OnePlus นั้นเองครับ

การชาร์จไวนั้นยังคงทำได้ดี ถือว่าทำได้ดีเลยนะ ในการใช้งานทั่วไปทั้งเรื่องของความอึดและการใช้งานหน้าจอ ตอบโจทย์คนเร่งรีบเวลาลืมชาร์จมือถือและสามารถใช้งานได้ทั้งวันสบายๆเหลือๆเลย เล่นเกมไหนๆก็เอาอยู่แน่นอน ในส่วนของเเบตรุ่นนี้เท่าที่ลอง 1 ชั่วโมงเเบตจะลดราวๆ 16 – 17% ส่วนความร้อนสูงสุดจะอยู่ที่ 45 องศา และยังแถมหัวชาร์จมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

SOUND 3.5MM 

หลายคนชื่นชอบแจ็คหูฟัง 3.5 มม. และ ONEPLUS NORD CE2 5G รุ่นนี้ยังคงไม่ได้ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกทำให้รองรับเสียงใช้งานได้ง่าย และ เล่นเกม หรือ ฟังเพลงก็ถือว่ากำลังดีเลย แม้รายละเอียดจะไม่มากนัก แต่ตัวเสียงมี Software ปรับชนิดการฟังเพลงได้นิดหน่อย เหมาะสำหรับ ฟังสนุกได้ ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพมากนัก ฟังเพลงทั่วไปสบาย ดูหนังได้สบาย

CAMERA 

กล้องหลังก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน มาพร้อมกับ 3 เลนส์หลัก และ รองรับกล้องถ่ายภาพชัดสูงสุด 64 MP มาพร้อมคุณสมบัติ AI เพื่อช่วยให้รูรับแสงขนาดใหญ่ที่ f/1.79 จับภาพด้วยแสง สี และความคมชัดที่มากขึ้น ประกอบด้วยกล้องหลักคมชัด 64MP (f/1.79) , กล้องมุมกว้าง 8MP  (f/2.2) และเลนส์มาโคร 2MP (f/2.4) รูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.79 ของกล้องหลักช่วยให้เก็บแสงและรายละเอียดได้มากขึ้น แม้ในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย และการตรวจจับด้วย AI รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เห็นและปรับการตั้งค่ากล้องโดยอัตโนมัติ เช่น สี คอนทราสต์ และการเปิดรับแสงเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่สดใสและสมจริง มาพร้อมกับโหมด Nightscape เพื่อประสบการณ์การถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น สามารถถ่ายภาพได้มากถึงแปดภาพโดยใช้ค่าแสงที่แตกต่างกัน และประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดแม้ในที่แสงน้อย ที่สำคัญ Portrait Mode พร้อมฟิลเตอร์ Bokeh Flare สร้างเอฟเฟ็กต์โบเก้ด้วยการตรวจจับขอบที่ดีขึ้น และการเบลอพื้นหลังที่ปรับได้สมูทตามต้องการ ภาพรวมเท่าที่ลองมานั้น มุมกว้างเวลากลางวันทำได้ดี แต่กลางคืนอาจจะมีวุ้นค่อนข้างเยอะ ส่วนระบบจัดการในเลนส์หลักทำได้ประทับใจนะ ทั้งเรื่องของโทนภาพ มิติของภาพการจัดการแสงเวลาย้อนแสงหรือแสงน้อย รวมถึงโหมดกลางคืนทำได้น่าสนใจเลยแหละ  Portrait เองนั้นก็เนียนใช้งานได้ดี ส่วนภาพที่ได้ต้องบอกว่าเทพขึ้นเยอะมากในเลนส์ระยะปกติ เก็บแสงสีได้ดี

SELFIE

กล้องหน้าตัวนี้มาพร้อมตัวเดียวในความละเอียด 16MP เซนเซอร์ IMX471 รูรับแสง F2.4 พร้อม กันสั่น EIS แน่นอนว่าตัวนี้กล้องความละเอียดพอๆกับตัว N10 ไม่ได้หนีกันเท่าไร ในการใช้งานจริงแน่นอนว่ารองรับใช้งานได้สบายๆ แต่ก็ตามสไตล์ของ 1+ ที่กล้องหน้าอาจจะไม่ได้เน้นอะไรมากนัก แต่ยังใส่ BEAUTY MODE มาให้รวมถึง การถ่ายแบบ PORTRAIT แน่นอนว่ารูรับแสงอาจจะดูแคบไปเล็กน้อย เท่าที่ลองนั้นคุณภาพกำลังดีเมื่อเจอแสงต่างๆ แต่กลางคืนอาจจะไม่ได้เด่นเท่าไรนัก ถ้าเทียบในเรทเดียวกันมีตัวอื่นที่กล้องหน้าโหดกว่านี้อยู่มากด้วยนะ แต่ก็จะเน้นแตกต่างกันแล้วแต่ค่ายกันไป ส่วนตัวนี้ใช้งานทั่วไปกล้องหน้าก็พอไหว ธรรมชาติเนียนๆไปเลย มุมมองภาพกลางๆไม่ได้กว้างอะไรมากนัก แต่ระยะชัดนั้นเซ็ทออกมาได้ดี รวมถึงกันสั่น EIS ในการถ่ายวิดีโอต่างๆ ความคมชัด ภาพดูเคลียร์ดี

ONEPLUS NORD CE2 5G

ONEPLUS NORD ลงตัวขึ้น สเปกจัดเต็ม กล้องหลังที่โดดเด่นตามสไตล์ ONEPLUS เสริมด้วย A.I. พร้อมชาร์จไว 65W “

ONEPLUS NORD เป็นซีรีส์ที่เปิดตัวออกมาได้หลากหลายรุ่นและแน่นอนว่ามีความโดดเด่นทั้งสีสัน การใช้งาน และรุ่นนี้ที่เน้นในเรื่องของการประมวลผล  AI เข้ามามีส่วนในหลายๆอย่าง ประสิทธิภาพ MediaTek Dimensity 900 ทำได้เยี่ยมเลยทีเดียวและ GPU Mali-G68 MC4 ที่พร้อมใช้งาน 5G และให้ความสามารถ AI มากขึ้นในการทำทุกอย่าง ทางด้านหน้าจอนั้นแอบเสียดายว่า 90Hz ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไร แต่ก็ยังตอบสนองได้ดี ลื่นไหล พร้อม HDR10+ ให้สีสันที่สดใส แต่ยังแอบลุ้นให้ได้ใช้ 120Hz ในส่วนอื่นๆนั้นไม่ธรรมดา รวมถึงชาร์จไว Warp Charge 65 และช่องเสียบการ์ด SD สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 1TB ข้อมูลเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทำให้ภาพรวมมันลงตัวขึ้นเกือบทุกด้าน เรื่องกล้องหน้าอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไร แต่ด้วย ONEPLUS เองนั้นยังคงใช้ OXYGEN OS ที่ลื่นไหล และหน้าตาคลีนๆทำให้หลายๆคนชอบกันรวมถึงการอัปเดตต่างๆก็ทำให้มันน่าสนใจ

ข้อดี

  • ดีไซน์ฝาหลังดูดี สวย และ ส่วนกล้องมีการไล่ระดับได้เนียนตา
  • Software UI ยังคงใช้งาน OXYGEN OS ทำได้ดี ไว ลื่นไหล
  • กล้องหลังถ่ายได้ดี ถ่ายง่ายและสวย พร้อมคุณภาพเลนส์หลักที่ทำได้ดี
  • ยังคงมีรูหูฟังให้ในตัวเครื่อง
  • มาพร้อม เคส และ ที่ชาร์จ ให้มาครบยังไม่ตัดออกไปไหน
  • รองรับ WarpCharge 65W ชาร์จไวใช้งานได้จริง
  • หน้าจอ 90Hz ทำได้ดีลื่นไหล และ ตอบสนองได้ไว

ข้อสังเกตุ

  • ความแรงอาจจะไม่โหดมากเน้นการใช้งานทั่วไป
  • ไม่มีปุ่ม Alert Slider เอกลักษณ์ของ Oneplus

สำหรับรีวิวนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกเรารีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะคะ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Aum

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares