รีวิววันนี้พี่เเม็กจะมาพูดถึงเกมมิ่งโน้ตบุ๊กจากทางค่าย MSI ที่ล่าสุดพึ่งเปิดวางขายเเบบสดๆร้อนๆในบ้านเราอย่างเป็นทางการ เรียกได้ว่ารุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ กับรุ่น MSI PULSE 15 B13V ครั้งนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพในการใช้งานที่จัดเต็ม กับงานดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยหรูพรีเมียม เเละเท่สุดๆเอาใจสายเกม ด้านหลังตัวเครื่องยังมาพร้อมกับการสกรีน LOGO ที่สวยงามเเละเป็นเอกลักษณ์มาได้เท่เเบบสุดๆ ในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับชุดระบายความร้อน Cooler Boost 5 Technology ที่สามารถถ่ายเทอากาศได้อย่างดีเยี่ยม กับพัดลมระบายอากาศขนาดใหญ่มาให้ถึง 2 ตัว ฮีทไปป์มาให้ 5 เส้น เเถมรุ่นนี้ยังมีการขยายพื้นที่ฮีทไปป์ให้กว้างกว่าเดิม เเละยังมีการเพิ่มด้วยเทคโนโลยี Shared heat Pipa ที่มีการใช้งาน Pipe ร่วมกันทั้ง CPU และ GPU เพื่อการใช้งานที่ยาวนานเเละเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เเถมรุ่นนี้ยังใส่คีย์บอร์ดที่มีไฟ RGB 4-Zone สุดเท่ที่หลายๆคนอยากได้ ใส่มาเอาใจสายเกมเมอร์เพิ่มความสวยหรู เเละดุดันในเเบบเกมมิ่งทั้งยังสามารถปรับเเต่งสีได้ตามใจชอบ รุ่นนี้ยังมี Number-Pad มาให้เพิ่มการใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เป็นอีกรุ่นของทาง MSI ที่พี่เเม็กประทับใจสุดๆ

MSI PULSE 15 B13V นั้นมาพร้อมกับ Intel 13 Gen Core i7 Processor ส่วนการ์ดจอแยกจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น โดยมาพร้อมกับ GPU NVIDIA RTX 40 Series ตามความละเอียดของหน้าจอในรุ่นหน้าจอ 15.6 QHD 240Hz จะมาพร้อมกับ NVIDIA GeForce RTX 4070 GPU 8GB DDR6 แต่ถ้าเป็นรุ่นหน้าจอ 15.6 FHD 360Hz มาพร้อมกับ NVIDIA GeForce RTX 4060 GPU 8GB DDR6 พร้อมกับ Cooler Boost 5 ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับ RAM 8GB*2 DDR5-5200MHz up to 64GB และให้ Storage 512GB PCIe NVMe M.2 SSD Gen4 มีการให้หน้าจอแสดงสีสันได้อย่างลงตัว และมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบถ้วนทั้งUSB3.2 Gen1 และ  RJ45 / HDMI รวมถึง USB 3.2 Type-C + DP ( display port ) / HDMI 8K@60hz รองรับ Discrete Graphics Mode เรียกได้ว่าทาง MSI ให้มาแบบจุกๆเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายดีไซน์ตัวเครื่องดี เรียวบาง มีน้ำหนักเพียงแค่ 2.3 กิโลกรัม

DESIGN 

สำหรับการออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่หล่อเท่เเบบสุดๆ รุ่นนี้จะมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ ที่ได้รับเเรงบันดาลใจมาจากอาวุธที่ใช้ในสนามรบ ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงาม โหดดุดัน แปลกใหม่เเถมยังมีการใส่ลวดลายสุดเท่มาให้ตรงบริเวณฝาพับเเละบานพับ ขนาดตัวเครื่องมีความบาง 26.9 mm เรียกได้ว่ารุ่นนี้ทำดีไซน์ออกมาเอาใจสายเกมแบบสุดๆเป็นโน้ตบุ๊กที่ ดูเท่ ดูดุดัน น่าเกรงขาม พี่เเม็กบอกได้เลยว่ายกไปใช้งานที่ไหนก็ไม่อายใครเเน่นอน ซีรีส์ Pulse นั้นจะมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ดุดันด้วยชุดเกราะโลหะสีเทาที่มีความทนทาน ออกเเบบมาดูล้ำสมัยให้สัมผัสถึงโลกอนาคต เรื่องวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็แข็งแรงทนทานเหมือนเดิมเเถมสีตัวเครื่องก็เท่เเบบสุดๆ (อาจจะใช้คำว่า ดุดัน เท่บ่อยไปนิด ก็มันเท่จริงๆ)

ทางด้านของฝาหลังนั้นในรุ่นนี้พื้นผิวที่ให้มาจะเรียบเนียนไปด้วยสีเทาสนิท พื้นผิวด้านไม่เรียบลื่นมือเหมือนโน้ตบุ๊กทั่วๆไป ตัวเครื่องจากที่ได้ลองมีการป้องกันลายนิ้วมือได้ดีมากๆ เลยไม่จำเป็นต้องมาคอยเช็ดตัวเครื่องบ่อยๆ อีกทั้งยังมีโลโก้ MSI แบบใหม่ที่มีการออกแบบให้ฟอนต์ดูล้ำสมัยสัมผัสได้ถึงโลกอนาคต เเถมฝาหลังตรงกลางยังมีลายมังกรสีดำที่ดูโดดเด่นเเละลงตัวเป็นการออกแบบมาได้ตัดกับสีเครื่องแบบสุดๆ

รุ่นนี้ต่อมาหากพูดถึงในส่วนของข้อพับมีการออกเเบบมาได้แข็งแรงทนทาน ทาง MSI มีการออกแบบมาให้มีการปรับใช้งานได้หลายระดับ ข้อพับมีความหนืดไม่โครงเคร่ง รุ่นนี้สามารถกางข้อพับได้กว้าง เป็นการใช้งานเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ใช้งานได้สะดวกแบบสุดๆ เเถมยังสามารถรองรับการกางจอได้สูงถึง 180 องศา ซึ่งในรุ่นนี้บริเวณข้อพับจะมีระบบระบายความร้อนที่มีช่องปล่อยลมร้อนขนาดใหญ่ขึ้นแทรกไว้ให้ใช้งานด้วยเหมือนกันในรุ่นก่อน ทำให้ในรุ่นนี้สามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ประสิทธิภาพการใช้งานดีขึ้น

ทางด้านของการใช้งานคีย์บอร์ดในรุ่นนี้เรียกได้ว่า มีการออกแบบมาได้สวยเเละโดดเด่นมากๆ ความรู้สึกครั้งแรกที่พี่เเม็กได้เห็นคือมันน่าใช้แบบสุดๆ ตัวคีย์บอร์ดมีปุ่มกดที่มีขนาดใหญ่กำลังดี เหมาะกับคนสายตาที่ไม่ค่อยดีมากนักอย่างพี่เเม็ก เเถมในรุ่นนี้ยังมีการออกแบบระยะปุ่มกดมาให้เหมาะสมสำหรับสายเกมโดยเฉพาะ ซึ่งมีระยะอยู่ที่ 1.7 มม. ใช้งานทั่วไปรวมไปถึงการเล่นเกม กดใช้งานได้อย่างเหมาะมือ มีการวางตำแหน่งของปุ่มการใช้งานพวก คีย์ลัดต่างๆ และการออกแบบดีไซน์มาได้อย่างลงตัวเอาใจพี่เเม็กไปเลยในส่วนนี้

บอกเลยว่าช่วยจุดไฟให้กับการเล่นเกมของพี่เเม็กมากๆ การที่มีคีย์บอร์ดมาให้แบบนี้ทำให้สนุกมากขึ้นเวลาที่เล่นเกม เเถมให้เกมมิ่งคีย์บอร์ดมาแบบ 4-Zone RGB ที่สามารถปรับเเต่งแสงไฟได้เเบบอิสระด้วย Mystic Light จาก MSI Center เพื่อเเสดงออกถึงสไตล์การเล่นเกมที่ใหม่เเละไม่เหมือนใครในแบบของผู้ใช้ อีกทั้งรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับไฮไลท์ตรงปุ่มควบคุมตัวอักษร WASD มีปุ่มคีย์แคปแบบโปร่งแสงมาให้ เเละยังมีในส่วนของ Number-Pad พร้อม TouchPad ขนาดกำลังดีมาให้ได้ใช้งานอีกด้วยดีสุดๆ

ในส่วนของด้านล่างตัวเครื่องก็จะอัดแน่นไปด้วยระบบระบายความร้อนแบบจุกๆ ในรุ่นนี้มีการออกแบบช่องระบายความร้อนมาให้เยอะขึ้นเเละใหญ่ขึ้นให้มาแบบที่เต็มพื้นที่ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองใช้สามารถระบายความร้อนได้เร็วแรง ช่วยให้เครื่องไม่อืดไม่ค้างไม่ร้อนขณะที่เราใช้งานเป็นเวลานานๆ หรือขณะที่เรากำลังเล่นเกม เเถมบริเวณใต้เครื่องมียางรองบริเวณมุมเครื่องมาให้ด้วยนะ อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมีลำโพงที่แฝงใต้เครื่องด้วยวางอยู่บริเวณด้านซ้ายเเละด้านขวามุมด้านล่าง

SPEC

  • INTEL 13 Gen CORE I7 Processor
  • Windows 11 Home
  • 15.6″ FHD (1920×1080) 360Hz , IPS-Level display DCI P3 100%
  • GRAPHICS NVIDIA® GeForce GTX™ 4060 (8GB GDDR6)
  • MEMORY DDR5-5200 2 Slots Max 64GB
  • STORAGE 1x M.2 NVMe PCle Combo Gen4x4 Upto 2TB
  • WEBCAM HD Type (30fps@720p)
  • KEYBOARD 4 Zone RGB Gaming Keyboard With Number-pad
  • COMMUNICATION   Intel Wi-Fi 6 (802.11ax 2×2 ) + Bluetooth 5.2
  • 2x Type-A USB3.2 Gen 1 / 2x Type-C USB3.2 Gen 1 + DP 1.4  / 1x RJ45 /1x (8K@60Hz) HDMI 2.1 , 1x Audio combo jack
  • SPEAKER 2x 2W Speaker, Hi-Res Audio Certified, Nahimic
  • BATTERY 4-cell,90 Whr / Adapter 240W
  • WEIGHT 2.3 kg
  • 359mm x 259mm x 26.9mm

PERFORMANCE

ในรุ่นนี้ใช้งาน INTEL 13 Gen CORE I7 Processor ส่วนการ์ดจอ GPU จะใช้งาน NVIDIA® GeForce RTX 4060 (8GB GDDR6) มาพร้อมกับ Ram ให้มา 8GB*2 DDR5-5200 ส่วน SSD 512GB PCIe® Gen4 SSD M.2 มากับ Windows 11 พร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าสเปกครบครันและเเรงเเบบสุดๆเลยทีเดียว ในสเปกระดับนี้สามารถเล่นเกมหรือใช้ทำงานตัดต่อเรนเดอร์ เเต่งรูป ทำเอกสาร ได้อย่างสบายๆ

PC MARK

รุ่นนี้ต้องบอกว่าเรื่องผลคะแนนต่างๆทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลย สามารถทำคะแนนไปได้ 7170 คะแนน เป็นเลขคะแนนที่เรียกว่าค่อนข้างสูงสำหรับสเปกการใช้งานรวมไปถึงการเล่นเกม รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆทั้งWord การตัดต่อ การเรนเดอร์ไฟล์ใหญ่ๆ ทำกราฟิก 3 มิติ งานออกแบบต่างๆ ในรุ่นนี้รองรับได้สบาย

3D MARK

จากการทดสอบ 3D Mark ในรุ่นนี้สามารถทำคะแนนได้ดีในการทดสอบทั้ง 4 รูปแบบ โดยตัว Time Spy Score ทำคะแนนไปได้ 10540 คะแนนถือว่าสูงไม่มากนัก ส่วนทางด้านของ Port Royai Score ทำคะแนนได้ไป 5798 คะแนน ส่วนคะแนน Fire Strike Score ทำคะแนนไปได้ 23797 คะแนน และตัวสุดท้ายคือ Speed Way Score ทำคะแนนไปได้ 2668 คะแนน ถือว่าแรงในระดับการทำงานกลางๆได้เเบบสบายๆเเละก็เพียงพอในการเล่นเกม การใช้งานทั่วไปต่างๆได้แบบไม่มีปัญหา ยังคงรองรับได้ดีอยู่

CINEBENCH / DISK MARK 

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจเลยแหละ R15 นั้นทำคะแนนได้ 2568 cb/ 168.05 FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆ ค่อนข้างดีกว่าพวกรุ่นก่อนหน้านี้แบบเห็นได้อย่างชัดเจน และมองเทียบกับ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจเช่นเดียวกันโดยในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิมสามารถทำคะแนนไปได้ 6360 คะแนนเลยทีเดียว อีกทั้งจากการทดสอบ R23 แล้วนั้นคะแนนทางด้านของ CPU (Multi Core) ทำคะแนนไปได้ 18570 pts และส่วน CPU (Single Core) ทำคะแนนไปได้ 1623 pts และแน่นอนว่าการทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์เช่นเดิม คะแนนที่ออกมาก็ยังคงอยู่ในระดับที่น่าประทับใจอยู่ ถือว่าโอเคเลยแหละ

SCREEN

ทางด้านหน้าจอรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียดระดับ FHD 1920×1080 พิกเซล Refresh Rate 360Hz จากการที่พี่เเม็กได้ลองใช้ในรุ่นนี้สามารถแสดงสีสันได้ดีอยู่ในระดับที่ใช้งานในรูปแบบต่างๆได้เเบบสบายหน้าจอคมชัด มาพร้อมกับหน้าจอแบบด้านเเละมีค่า DCI-P3 มาให้ถึง 100% สำหรับใครที่ทำงานทางด้านของการทำงานกราฟิกในรุ่นนี้อาจจะยังไม่โดดเด่นอะไรมาก ตามแบบหน้าจอของเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก แสดงเฉดสีสันยังอยู่ในระดับกลางๆ เเต่สำหรับใครที่เน้นเล่นเกมรุ่นนี้ลงตัวแบบสุดๆ ด้วยในรุ่นนี้ความที่ MSI ออกแบบเเละปรับเเต่งมาเป็นอย่างดีสำหรับเกมเมอร์ บวกด้วยความเพอร์เฟกต์ด้วยจอแสดงผลที่มีค่ารีเฟรชเรตสูงถึง 360Hz เลยทำให้เวลาใช้งานต่างๆแบบหนักๆ หรือจะเล่นเกมเเบบหนักๆ มีการแสดงผลที่ลื่นไหลไม่สะดุด

จึงทำให้เวลาที่เล่นเกมบนเจ้าเครื่องนี้ พี่เเม็กรู้สึกได้ว่าโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ทำออกมาเพื่อเล่นเกมจริงๆอย่างลื่น เเถมจุดเด่นหลักๆของหน้าจอแบบ IPS นั้นก็มีข้อดีคือการมองหน้าจอข้างๆได้อยู่อย่างชัดเจน สีจะไม่ผิดเพี้ยน รวมๆแล้วนั้นเรื่องของคุณภาพแสงสี ความสว่าง หรือความแม่นยำของสี รองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างสบายๆ เเถมในรุ่นนี้ก็ยังมีในส่วนของ Matrix Display 1+2 ที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมเเละประสิทธิภาพการใช้งานได้เข้าถึงเกมมากยิ่งขึ้น ด้วยการเอาต์พุตการเเสดงผลได้แบบ 2 หน้าจอ ( HDMI + USB-C ) เอาหน้าจอมอนิเตอร์อีกอันมาเสียบต่อเเละเล่นเกมได้เลย

KEYBOARD

หากจะให้พูดถึงการใช้งาน เรามาย้ำกันกับเรื่องคีย์บอร์ดที่ดีไซน์ออกมาได้ดูเท่เเละเกมมิ่งเเบบสุดๆ ของรุ่นนี้กันดีกว่า เเน่นอนว่าในรุ่นนี้อย่างที่พี่เเม็กได้บอกไป ทาง MSI จะให้มาพร้อมกับเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบ 4-Zone RGB ที่สามารถปรับเเต่งแสงไฟได้เเบบอิสระ ด้วย Mystic Light ผ่านโปรเเกรม MSI Center เเละยังมาพร้อมกับไฮไลด์ปุ่มควบคุม WASD คีย์แคปโปร่งแสง ปุ่มกดก็ยังคงมาพร้อมกับสีดำสนิทให้เขากับตัวเครื่องด้านใน แรงกดหรือการตอบสนองของแป้นพิมพ์รุ่นนี้ทำออกมาได้เยี่ยมมากๆ ระยะของตัวปุ่มกดที่เขามีการออกแบบมาให้ 1.7 มม ทำให้เวลาที่เรากดใช้งานตอบสนองมือได้ดี ทั้งเวลาเล่นเกม เเละพิมพ์ข้อความต่างๆ พิมพ์งานพิมพ์เอกสาร จากการที่ได้ลองกดพิมพ์งานเป็นเวลานานๆ สามารถใช้งานตัวคีย์บอร์ดที่ให้มาได้แบบสบายๆไม่เมื่อยนิ้ว ตัวอักษรชัดเจน การวางตำแหน่งต่างๆทำออกมาได้ลงตัว ใช้งานง่ายในด้านของแป้นพิมพ์ค่อนข้างตอบโจทย์เเละดูเท่มากๆ

SPEAKER

ทางด้านของลำโพงในรุ่นนี้ยังคงจัดวางมาในตำแหน่งเดิมเหมือนกับในรุ่นอื่นๆเเละซีรีส์อื่นๆของ MSI จะอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าและบริเวณใต้เครื่องตามมาตรฐานทางด้านซ้ายเเละด้านขวา จากการใช้งานทดสอบเสียงแล้วนั้นคุณภาพเสียงค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะว่าในรุ่นนี้ มาพร้อมกับลำโพงขนาด 2W จะวางอยู่บริเวณทางด้านซ้ายเเละขวาของตัวเครื่อง มีเสียงเบสแน่นๆ ทางค่ายยังมีเอกลักษณ์เด่นๆที่สามารถขจัดการผิดเพี้ยนของเสียงได้ เเถมในรุ่นนี้ยังรองรับระบบแบบ Hi-Res AUDIO อีกด้วย ทำให้เสียงที่ออกมานั้นแม่นยำ มีคุณภาพสูงช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมหรือดูหนังฟังเพลง ทำกิจกรรมต่างๆมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อีกทั้งในรุ่นนี้ยังคงสามารถแชร์เสียงผ่านระบบ Bluetooth ได้เหมือนเดิมอีกด้วย เเถมทาง MSI ยังใส่ฟีเจอร์ EasySurround มาให้ เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำสมจริง ดีแบบสุดๆเลย

CONNECTOR 

ทางด้านของการเชื่อมต่อในรุ่นนี้ถ้าจะพูดเเบบหลังจากที่พี่เเม็กได้ลองใช้งาน ก็ถือว่าทาง MSI ให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาอย่างครบครันเลยจริงๆ สามารถรองรับทุกการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การต่อกับหน้าจอแยก การดีไซน์การจัดวางพอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ มาให้ที่ตัวเครื่องก็ยังคงจัดเรียงเป็นระเบียบไว้ทั้งทางด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ทางด้านของฝั่งซ้ายมือนั้นจะมีช่องเสียบ ช่องเสียบไฟ AC Powe มาให้ใช้งาน 1 ช่อง มีช่อง USB 3.2 Type-A Gen 1 / Type-A USB2.0 ทางฝั่งขวานั้นจะมี พอร์ตแลน RJ45 / HDMI /  USB 3.2 Type-C Gen 1 และช่องหูฟังขนาด 3.5มม. Audio combo jack พร้อมยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.2 และ Wi-Fi 6 AX ที่เป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดมาให้เราใช้งานอีกด้วย

MSI CENTER

หากจะพูดถึงเรื่องนี้เเน่นอนอย่างที่เเฟนๆของMSI ที่รู้ๆกัน เหมือนเดิมกับ MSI Centerในรุ่นนี้ก็ยังคงมาพร้อมรูปแบบรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีการอัดแน่นฟีเจอร์เด็ดมาให้เราได้ปรับเเต่งตามที่เราต้องการไว้ทั้งหมด เรียกว่าเจ้าตัวนี้เป็นหัวใจหลักของโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งที่ลงตัว การตรวจสอบที่แม่นยำ ประสิทธิภาพขั้นเทพ ปรับเเต่งตัวไฟปุ่มกด เรียกได้ว่าในครั้งนี้ทางค่ายได้พัฒนาออกมาเยอะมากๆและตรงจุดสุดๆ MSI Center ในรุ่นนี้ยังสามารถปรับแต่ง UI ให้เป็นสีขาวหรือสีดำได้ตามความต้องการของเราอีกด้วยนะ หรือแม้กระทั่งฟังก์ชันต่างๆที่เราต้องการจะปรับแต่งก็สามารถทำตามใจชอบได้เลยแหละ ปรับแต่งได้อย่างง่ายๆ สะดวกสบาย ในครั้งนี้ออกแบบมาได้ดูสวยงาม ทันสมัยมากขึ้น มีการปรับแต่งพื้นที่ซอฟต์แวร์น้อยลงกว่ารุ่นก่อนๆ เเถมในรุ่นนี้ก็ยังมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่เข้ามาให้อีกด้วย อย่าง Recommended Feature Set หรือ Consolidated Services + Hardware Diagnosis มาให้ถือสุดๆไปเลย

GAMING 

ต่อมาเรามาพูดถึงจุดเด่นของรุ่นนี้กันดีกว่า ในด้านของการใช้งานเล่นเกม อย่างที่บอกไปในสเปกข้างต้นเเล้วว่าในรุ่นนี้ มาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานที่เร็วแรงกว่าเดิม ใช้Intel 13 Gen Core i7 Processo และมาพร้อมกับ GPU ตัวแรงอย่าง Nvidia Geforce RTX 40 Series ซึ่งก็มีจุดเด่นทางด้านของการเล่นเกมหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประสิทธิภาพของซีพียูที่พัฒนามามากยิ่งขึ้น ด้วยสถาปัตยกรรมไฮบริดคอร์ที่ได้รับการอัปเกรดมาสูงสุดถึง 14 คอร์ โดยในรุ่นนี้จะมีความเเรงเเละประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก Gen ก่อนๆถึง 30% เเละสามารถทำ Max Turbo สูงสุดถึง 5.4Ghz เเละนอกจากนี้ทางด้านของ GPU Nvidia Geforce RTX 40 ที่ให้มาอย่างRTX 4060 ในรุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Ada Lovelace แบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 30% เเละยังมีการอัปเกรดไปสู่ DLSS 3 ที่มาพร้อมกับ AI-Accelerated จะมาช่วยให้มีเฟรมเรตดียิ่งขึ้น หลังจากได้ลองเวลาที่เล่นเกมรุ่นนี้ในหลายๆเกมไม่ว่าจะเกมอะไร ก็สามารถเล่นได้เเบบสบายๆ อีกทั้งในรุ่นนี้ ยังมีในส่วนของ Ray-Tracing ทำให้เวลาที่เล่นเกมมีเเสงเเละเงาที่สมจริงสุดๆ ในส่วนของเรื่องความร้อนนั้นยังคงทำได้ดีมากๆในแง่ของเวลาเล่นแล้วเอามือวางบนเครื่อง เครื่องจะไม่ค่อยร้อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าในรุ่นนี้ทาง MSI มีการออกแบบระบบระบายความร้อนมาได้ดี ด้วยการใส่พัดลมขนาดใหญ่มาให้ถึง 2ตัว มีช่องระบายความร้อนที่ใหญ่ขึ้นเเละเยอะขึ้น

โดยพี่เเม็กได้ให้ทีมงานลองทดสอบเล่นเกมในห้องเเอร์อุณหภูมิ 25องศา ในส่วนนี้ถือว่าทางค่ายทำได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีโหมดต่างๆมากมายที่เอื้อต่อการเล่นเกม ทั้ง Gaming Mode ที่เราคลิกเพียงครั้งเดียวก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดีขึ้นกว่าเก่า ตอบสนองความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี และSmart Priority ที่ทางค่ายได้ทำการร่วมมือกับ Microsoft Azure ที่เข้ามาช่วยกำหนดลำดับความสำคัญในการทำงานให้อัตโนมัติ อีกทั้งในรุ่นนี้ยังสามารถเล่นเกมบนสมาร์ตโฟนในรูปแบบ Console ผ่าน Controller ได้แบบชิลๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังมีโปรแกรม MSI App Player ที่ช่วยในด้านของการใช้งานแบบเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างมือถือและแล็ปท็อป โดยตัวโปรแกรมนี้นั้นสามารถทำงานได้เร็วแรงกว่าสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธงถึง 6 เท่า เป็นการทำงานที่น่าทึ่งมากจริงๆ เอาใจสายเกมมิ่งสุดๆในรุ่นนี้ เเถมในรุ่นนี้ก็ยังมีการใช้งานในส่วนของ Discrete Graphic Mode ใน MSI Center มาให้ปรับเเต่งการใช้งาน ให้รวดเร็วเเละมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นอีกด้วย

MSI PULSE 15 B13V

” สเปกโหด พร้อมประสิทธิภาพการใช้งานเอาใจสายเกมมิ่ง ดีไซน์สวยดุดันล้ำสมัยเอาใจเกมเมอร์ “ 

เอาเป็นว่าในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้ดีมากๆโดยเฉพาะสายเกม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเรื่องดีไซน์ที่ลงตัว ดุดันเอาใจเกมเมอร์ สเปกที่ให้มาแบบดุดันไม่เกรงใจใคร ทั้งทางด้านหน้าจอ เเละสเปกภายใน พร้อมกับยังมีระบบระบายความร้อนที่ถูกพัฒนา มาให้ใช้งานได้อย่างหลากหลาย ยาวนานโดยที่ประสิทธิภาพไม่ลดลง หมดปัญหาเครื่องร้อนเครื่องอืดไปได้เลย เเถมในรุ่นนี้ยังมีเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบ 4-Zone RGB ที่สามารถปรับเเต่งแสงไฟได้เเบบอิสระ ภาพรวมจากการใช้งานจริงแล้วในรุ่นนี้ค่อนข้างโอเคมาก ทั้งด้านของการใช้งาน การออกแบบดีไซน์ พอร์ตการเชื่อมต่อค่อนข้างลงตัวดีแล้ว ไม่พบปัญหาอะไรให้ต้องเป็นกังวลเลย เป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามอง สำหรับใครที่สนใจในรุ่นนี้จะมีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 57,990 บาท พร้อมกับการรับประกัน 2 ปี

ข้อดี

  • สเปกเร็วแรงตอบโจทย์ทุกการใช้งานมากขึ้น
  • ประสิทธิภาพการใช้งานสูง
  • เอาใจสายเกมมิ่งด้วย GPU NVIDIA RTX 40 Series
  • หน้าจอมีขนาดใหญ่ Refresh Rate สูงแสดงผลที่ลื่นไหล
  • มีระบบระบายความร้อนที่ใช้เทคโนโลยี Cooler Boost 5
  • พอร์ตเชื่อมต่อเพียงพอ ครบต่อการใช้งาน
  • ดีไซน์เรียบหรูมากกว่าเดิม ดูเท่เอาใจสายเกมเมอร์
  • คีย์บอร์ดเป็นไฟ RGB ปรับสีได้หลากหลาย

ข้อสังเกต 

  • พอร์ตการใช้งานยังเป็น Gen 1

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares