เมื่อยุคสมัยที่การเล่นเกมพกพานั้นค่อยๆได้รับความนิยมมาเรื่อยๆ ทั้งกระแส ทั้งวิถีวีชิตที่คนเราอาจจะเดินทาง ใช้เวลากับการเดินทางมากขึ้นแน่นอนว่าการที่มีเครื่องเล่นเกมพกพาที่เสมือนคอมพิวเตอร์ได้มันก็ยิ่งตอบโจทย์คนเรามากขึ้นครับ ถ้ามองย้อนไปตัวผมเองจริงๆ ถ้าถามว่ากลับถึงบ้านเปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกมล่าสุดเมื่อไรก็ถือว่านานมาก เพราะเมื่อกลับบ้านก็อยากพักผ่อนมากขึ้น ทำให้ส่วนตัวผมเองเล่นเกมขณะเดินทางมากขึ้น หรือ แม้แต่นอกสถานที่มากขึ้น หรือแม้กระทั่งกลับบ้านเองก็ไม่ได้ไปนั่งเล่นเกมจริงจังเหมือนแต่ก่อน แค่นั่งห้องนั่งเล่นชิลๆ เล่นนิดหน่อยในบางจังหวะกลายเป็นตอบโจทย์มากกว่า เลยทำให้ MSI CLAW 8 AI+ ตัวนี้กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นหลังจากที่ได้ลองครับ แต่ด้วยความที่พกพาได้แบบนี้ แล้วการเล่นเกม การใช้งาน การจับถือ หรือแม้แต่ตัวแบตเองมันจะไหวไหมไปรอดไหมในแต่ละวัน เดี๋ยวมารีวิวให้ฟังกันครับว่า มันเป็นยังไงกันบ้าง

MSI CLAW 8 AI+ มาพร้อมกับราคา 32,990 บาท และ สเปกที่จัดเต็มใช้งาน intel Core Ultra 200V และออกแบบใหม่ให้เข้ากับอุปกรณ์มากขึ้น และ มาพร้อมกับแบตใหญ่ขึ้น จอใหญ่ขึ้นกว่าเดิม รวมถึงในแง่ของสเปกเองมาพร้อมกับ GPU Intel Arc Graphics 140V และในส่วนของพื้นที่ RAM ให้มาทั้งหมด 32GB LPDDR5X และ ทางด้วยหน่วยความจำเองนั้นมาพร้อมกับ M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB และ ใช้งานหน้าจอ 8 นิ้ว FHD+ IPS 120Hz และ แบตเป็น 80Whr ใหญ่ขึ้น และ พอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt 4 มาให้ครับรวมถึงลำโพง 2W ทั้ง 2 ตัวยิงออกด้านหน้ารองรับ DTS และ ถ้ามองเทียบกับราคาเองนั้นอาจจะดูแรง แต่ถ้าเน้นพกพาได้สเปกแบบนี้ ถือว่าทำได้คุ้ม และ ตอบโจทย์ ซึ่งได้ทั้งแรง แบตอึดขึ้น และ การใช้งานแนวพกพาที่ทำได้ดีกับราคานี้ ถ้างบถึงยังไงก็ไม่ผิดหวังแน่นอนใน MSI ตัวนี้

DESIGN

งานออกแบบก่อนเลยในรุ่นนี้มีการพัฒนางานออกแบบที่ทำได้สวยขึ้น สีโทนทรายๆแบบด้านทำให้มันแตกต่างกับค่ายอื่ยๆชัดเจนยังไม่ีมแบรนด์ไหนทำสีแบบนี้ และวัสดุดีแน่นหนาจับถนัด และ มีการพัฒนาปุ่มต่างๆให้ใช้งานดีขึ้นรวมถึง จอยควบคุมเองนั้นเปลี่ยนกลไกบางส่วนทำให้ฟีลลิ่งการใช้งานนั้นก็เนียนขึ้นไปด้วยครับ ซึ่งตัวเครื่องเค้ามีแนวคิดจาก Sandstorm ที่ผิวด้านๆแบบทรายแต่จะมีความเนียนเงาแทรกเข้ามาบางจุดถือว่าช่วยในการจับถือได้ดี แต่ก็ไม่ด้านเป็นเม็ดๆเกินไปครับ

รวมถึงมีการออกแบบเส้นสายด้านหลังเครื่องให้มีความกระชับเวลาถือจับ ไม่ลื่นมือ และ สำหรับผมเองผู้ชายก็ไม่รู้สึกเล็กเกินไปครับตัวนี้ หน้าจอมีการพัฒนาขึ้นเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้น และ ปุ่มควบคุมจัดการวางตำแหน่งได้ดี รวมถึงการจัดการน้ำหนักของตัวบอดี้ทำได้ไม่หนักแม้จะมีการขยายแบตเพิ่มขึ้นกว่าเดิมก็ตาม อีกทั้ง การออกแบบช่องระบายความร้อนต่างๆ ลำโพงจัดการวางได้เหมาะสมกับการใช้งานครับ ซึ่งที่ชอบคืองานประกอบเนียนและองศาของด้านหลังความโค้งรับกับมือเวลาถือนานๆได้ดี และเราจะเห็นช่องระบายความร้อนทั้ง 2 ฝั่ง และ ปุ่มมาโคร(M1/M2) : ช่วยให้บันทึกลำดับการควบคุมเกมแพดได้หลากหลาย (MSI Claw เป็นผลิตภัณฑ์เดียวในตลาดปัจจุบันที่ออกแบบมาเพื่อบันทึกคีย์ทั้งหมด) และ ขนาดปุ่มทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

รวมถึงตัวควบคุมเองนั้นมีการใส่ไฟ RGB Mystic Light เข้ามารอบๆ ทำให้เล่นสีสวยงามมากกว่าเดิมปรับแต่งได้อีกทั้งเราจะเห็นพื้นผิวสีน้ำตาลมีเล่นลวดลายเวลาจับถือได้ดีครับ และ เป็นโทนสีที่ไม่ค่อยเห็นค่ายไหนเอามาใช้งานกัน และปุ่มออกแบบใหม่มีขอบโค้งมลมากกว่าเดิมกดได้ง่ายขึ้น และตัว
อนาล็อกสติ๊ก เองก็ทำให้มีความทนทานขึ้น ลดอาการ Drift และ ทนทานขึ้น อนาล็อกสติ๊กแบบHall-Effect ใช้เซ็นเซอร์แม่เหล็กไฟฟ้าที่มีอัลกอริทึม ทำให้โมดูลมีความทนทานมากขึ้นและยืดอายุการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

จะเห็นว่าตัวเครื่องมีการออกแบบทรงใหม่ขอบๆจับถนักมากขึ้นครับ และ ด้านหลังจะมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครับ และ ปุ่ม RT LT Hall Effect เป็นปุ่มที่ไวต่อแรงกด มักใช้ในเกมแข่งรถเพื่อเร่งความเร็วหรือเบรก และในเกมยิงปืน ซึ่งหลังจากเปลี่ยนมาใช้กดไกแบบ Hall Effect เซ็นเซอร์ในปุ่มกด มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นเนื่องจากไม่ต้องสัมผัสร่างกายเพื่อเปิดใช้งาน ทำให้มีประสิทธิภาพสม่ำเสมอมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเทียบกับทริกเกอร์รุ่นเก่า นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ Hall Effect ยังทนทานต่อฝุ่นและสิ่งสกปรก ทำให้ใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือในสภาพแวดล้อมต่างๆมากขึ้นครับ ดีกว่าปุ่มในเจนก่อนๆด้วยเช่นกัน

PORT I/O

รวมถึงทางด้าน PORT เชื่อมต่อเองนั้นถือว่าให้มาครบมากๆ และ เป็นครั้งแรกที่ใส่มาให้ถึง 2 ช่องในตัว Thunderbolt 4 ครับ และมาพร้อมกับช่อง microSD 4.0 และ Thunderbolt 4 รวมถึง audio jack และ มาพร้อมกับปุ่ม POWER ที่รองรับการสแกนนิ้วมือในตัว และ ช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ยิงออกด้านนี้ครับ ซึ่งการที่ให้ Thunderbolt 4 ทำให้มันเอาไปต่ออะไรได้อิสระมากขึ้น และ รองรับเทคโนโลยีสูงสุดได้สบายๆครับในช่องนี้ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเองนั้น Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be รองรับ Bluetooth 5.4 ครบๆเจนใหม่ล่าสุดครับ

SCREEN

และการเปลี่ยนแปลงที่ชัดสุดๆคือหน้าจอเป็น 8 นิ้วแล้วนั้นเองทำให้ คุณภาพความคมชัด และ ขนาดใหญ่สะใจขึ้นกว่าเดิม ในอัตราส่วนแบบ 16:10 120Hz
500 nits ขนาด 8 นิ้ว พร้อมการสร้างสีที่ยอดเยี่ยมและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล ปรับแต่งอัตราเฟรมเรตเพื่อการเล่นเกมที่ราบรื่นยิ่งขึ้นด้วยการรองรับ VRR (ค่าเริ่มต้นเปิดใช้งานสำหรับ Claw) เทคโนโลยี VRR นี้จะขจัดปัญหาหน้าจอและปรับอัตราการรีเฟรชของจอภาพให้ตรงกับเฟรม GPU หลีกเลี่ยงเฟรมที่ฉีกขาด และ ภาพกระตุก เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ดื่มด่ำและการสตรีมวิดีโอที่ราบรื่นด้วยเช่นกัน และ เราได้ทดสอบค่าสีของหน้าจอได้ 100% sRGB และ 75% AdobeRGB รวมถึง 76% ค่า P3 และ 70% NTSC ครับถือว่าสำหรับสายพกพา และ เกมมิ่งค่าสีที่ได้ออกมาถือว่าเหลือๆในการเล่นเกมทั่วไปแล้ว

MSI CENTER M

จุดนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะเป็นการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด การตั้งค่าด่วนแบบใหม่ ผ่าน XBOX Game Bar ขนาดกะทัดรัดมาพร้อม UI โปร่งแสงที่ใช้พื้นที่เพียง 1/3 ของหน้าจอเพื่อลดผลกระทบต่อการเล่นเกม พร้อมความสามารถในการปรับแต่งหลากลายมากๆครับ ตั้งแต่หน้าแรกเลยเป็นเกมลอยๆบนพื้นหลังทำให้กดเข้าได้ง่าย รวมถึงการตั้งค่าอื่นๆ ซึ่งถือว่า UI UX ในเจนนี้เข้าใจง่ายกว่าเดิมและสวยขึ้น รวมถึงปรับตั้งค่าได้ละเอียดแม้จะเป็นหน้าตั้งค่าด่วนก็ตาม ซึ่งในภาพด้านล่างเราจะเห็นว่าสามารถปรับได้ละเอียดแม้กระทั่งตัวไฟ RGB เองก็ตั้งค่าได้ทั้งหมดจะทิศทาง หรือ ความไว สีแบบไหน และตั้งค่าด่วนเองเมนูก็ยังคงครบถ้วนเหมือนเดิมครับ แต่ปรับโทนสีนิดหน่อย และ ที่ใช้งานมาก็ถือว่าสะดวกในมุมด้านซ้ายของตัวหน้าจอแบบนี้ครับ

BATTERY

จุดนี้ถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะครับถ้ามองตัวแบตเองนั้น จากรุ่นก่อนหน้าจะให้มาประมาณ 53Whr แต่รุ่นนี้พัฒนาใหญ่ขึ้นเป็น 80Whr และความจุ 6,900mAh กันเลยทีเดียวครับ และด้วยประสิทธิภาพ Intel Core Ultra 200V ใช้งานกับแบต 80Whrs ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเครื่องเกมพกพา ซึ่งในการเคลมนั้นรองรับเล่นเกม 4 ชั่วโมงสบายๆ และ ดูคลิปวีดีโอ 28 ชม. ยาวๆ ซึ่งในการทดสอบจริงๆเรามั่นใจได้แน่ๆว่าเล่น 2 ชั่วโมงแบบเต็มๆยังไงก็เหลือครับ เพราะที่ลองๆมานั้น 2 ชั่วโมงก็ยังเล่นต่อได้อีก ทำให้ผมมองว่ามันเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว รวมถึงแตะ 3-4 ชั่วโมงเองนั้นถ้าตั้งค่ามาตรฐานยังไงก็เล่นได้ถึงครับ

PERFORMANCE

และที่สำคัญที่สุดเองคงหนีไม่พ้นในแง่ของประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่พัฒนามาใหม่ แรงสะใจขึ้น และ เจนใหม่ล่าสุดครับ ด้วยการใช้งาน INTEL CORE ULTRA 7 ตัวใหม่พร้อมกับ 8 Core 8Threads ความเร็ว 2.2-4.8 GHz กับ 4 LPE-Core มีกำลังประมวลผล AI รวม 115 TOPS ซึ่งตัวนี้ถือว่าน่าสนใจมีการปรับเรื่องของการจัดการพลังงานเข้ามาด้วยเช่นกัน รวมถึงทางด้าน GPU เองก็ให้ Intel Arc Graphics 140V  และ มาพร้อมกับ หน่วยความจำในเครื่อง32GB LPDDR5X แบบออนบอร์ด และ M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ภายในเครื่อง เรียกได้ว่าเหลือๆในแง่ของสเปกการใช้งานเล่นเกมครับ

ในการทดสอบเองนั้นเราจะเห็นว่าให้มาเต็มๆทั้งเรื่องของสเปก CPU GPU และตัว SSD เองนั้นอ่านได้สูงถึง 6142 MB/s และ เขียนได้สูงถึง 5333MB/s ครับ อยู่ในระดับท่ีสูงสมราคา และ มาพร้อมกับใช้งาน  อินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 รวมถึงในตัวทดสอบ CINEBENCH R23 ก็ทำได้สูงถึง 10696PTS ในการเรนเดอร์แบบ MULTI-CORE ครับ แต่สายเรนเดอร์ ตัดต่อทำงานคงอาจจะไม่ได้เน้นอยู่แล้วทำได้ระดับกลางๆถ้าเอาไปทำงานครับ แต่ถ้ามองในแง่ของการเล่นเกมทั่วไปคะแนนแบบนี้ถือว่าเหลือๆในการใช้งานเมื่อทำร่วมกับ CPU GPU SSD ไม่มีขอขวดติดขัดอะไรแน่นอนครับ ทำให้ในเรื่องของการอัพเกรดเองก็ไม่ต้องไปอัพอะไรแล้ว ที่ให้มาผมว่าสุดแล้วเล่นเกมหลายๆเกมในตอนนี้ได้แบบไม่ติดขัดเลยรวมถึงในด้านของการทดสอบ 3DMARK เองนั้นก็ทำได้ดีทั้งคะแนน TIMESPY , FIRESTRIKE เหลือๆในคะแนนการทดสอบครับ รวมถึงถ้าทดสอบในการเล่นเกมนั้นจะเฉลี่ย 60 FPS สบายๆในการรัน MONSTER HUNTER เองก็เหลือๆครับ

GAMING

ส่วนเรื่องของการเล่นเกมเองนั้นเป็นจุดนึงที่ทำได้น่าสนใจเพราะถ้ามองเทียบกับขนาดตัวเครื่องและการพกพาแต่สามารถขับภาพออกมาได้ลื่นไหล และ สามารถทำได้ต่อเนื่องไม่เจออาการดรอปของเฟรมอะไรอีกทั้งตัวแบตที่ขยายขึ้นมาเองก็ทำให้เราเล่นต่อเนื่องได้มากกว่าเดิมครับ ซึ่งหลายๆเกมที่เราทดสอบเองนั้นก็จะเน้นไปที่ปรับตั้งค่ามาตรฐานสูงสุด หลากหลายเกมสามารถเล่นได้เกือบสุด และ ลื่นไหลทั้งหมด ทั้งการโหลดของภาพต่างๆจะอยู่ใน 40-60 FPS ครับ ซึ่งถ้าเน้นภาพสวยก็อาจจะไม่ลื่นสุด แต่ในขนาดจอแบบนี้ การพกพาแบบนี้ผมดูแล้วภาพรวมปรับกลางๆเล่นลื่นจะสนุกมากกว่าพอสมควรและปรับภาพ 1080P ค่อนข้างอิสระลื่นไหลที่สุดครับ แต่ถ้าถามว่ากับขนาดพกาแค่นี้มีเฟรมดรอปบ้างเวลาจังหวะ EFFECT พร้อมกันเยอะๆแต่แค่ 1-2 วิผมเลยมองว่าไม่มีปัญหาครับ และ พอเข้าใจได้กับตัวเครื่องแบบนี้ ไม่ถึงกับค้างหน่วงหลายวินาที หรือ ค้างยาวก็ถือว่าโอเคแล้ว ภาพรวมเลยเล่นเกมได้ทุกรูปแบบสบายๆครับ

DEVICE TEMPERATURE

รวมถึงในเรื่องการระบายความร้อนครับแน่นอนว่าจุดนึงในเรื่องการเล่นเกมคือเรื่องความร้อนครับแต่ด้วยความที่เครื่องเล็กและบางแบบนี้ แต่การจัดการ Cooler Boost HyperFlow ถือว่าเก่งนะครับ พัดลมดูดลมเข้าและยิงออกช่องด้านหลัง แม้ว่าจะระบายดีแต่เสียงก็เงียบขึ้นกว่าเจนก่อนๆรวมถึงความร้อนสะสมก็ไม่ได้เยอะตรงมือจับครับ เพราะตัวนี้สามารถปรับแต่งพัดลมได้ หรือ จะให้ AI มันจัดการก็ได้เท่าที่ลองเองนั้นทำงานได้ดีไม่ต่างกันครับ ซึ่งโซนร้อนที่สุดตรงหน้าจอเองก็ประมาณ 50 องศา แต่ที่เน้นๆคือตรงมือจับแค่ 32-29 องศาเท่านั้นครับ ถ้าเทียบสภาพความร้อนมือเราถือว่าเย็นใกล้เคียงกับคนทั่วไป และในด้านหลังเองช่องระบายความร้อนก็ยิงออกมาตรงๆ ไม่ลามไปข้างๆ รวมถึงด้านหลังแผ่นหลังทั้งหมดกลับไม่ได้ร้อนอย่างที่คิดไว้ด้วยนะจะร้อนแค่ช่องลมด้านล่างเครื่องเท่านั้นครับ ถือว่าจัดการดีมาก และ การระบายความร้อนที่ปรับใหม่เสียงเงียบกว่าเดิม ไม่รบกวนคนอื่นๆเวลาเล่นเกม ไม่ดังเกินไปครับ

MSI CLAW 8 AI+

ตัวจบสำหรับสายพกพา ซึ่งไม่ใช่แค่สเปกที่ดูดี แต่พอเอามาลองทดสอบจริงจังแล้วกลายเป็นหาข้อเสียในกับรุ่นนี้ได้ยากจนน่าแปลกใจครับ ถ้ามองข้อสังเกตหลักๆคือราคา ถ้าคุณรับได้กับราคานี้แทบจะไม่ต้องมีข้อสังเกตอื่นๆแล้ว มันสามารถทำได้หมดในราคานี้ เล่นเกม ความทนทานของแบต ใช้งานได้จริงยาวนาน และ ลำโพง หน้าจอสวย แถมยังขับได้ลื่นไหลอีกทั้ง ความร้อนสะสมต่างๆทำได้ดีกว่าที่คิดไว้ และ ตรงมือจับเองก็ทำได้เย็นกว่าที่คิดครับ ซึ่งดูแล้ว MSI ตั้งใจทำรุ่นนี้มาจริงๆครับ และด้วยความที่เป็น Mini PC อีกตัวได้มันเลยมีความอเนกประสงค์เพิ่มมากกว่าเดิมนิดหน่อยในการทำเป็นคอมพิวเตอร์พกพาได้อีกแรงครับ และ มีพอร์ตเยอะขึ้นยิ่งตอบโจทย์ใครที่ชอบแนวๆนี้บอกเลยว่าใช้ได้มากกว่าแค่เล่นเกม และ ที่ชอบมากคืองานออกแบบและสีสันของบอดี้