MSI ในตระกูล ALPHA นั้นถือว่าน่าสนใจเพราะว่ามาพร้อมกับการอัปเดตสเปกใหม่ทั้งหมดเป็นตัว RX6600M และแน่นอนว่าใช้งาน RYZEN 7 5800H จากทาง AMD ซึ่งทำให้รุ่นนี้จะได้มาตรฐานรองรับ AMD Advantage edition ซึ่งทาง AMD เปิดตัวมาตรฐานใหม่ของโน้ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Ryzen 5000 และจีพียู Radeon 6000 เป็นมาตรฐานการออกแบบโน้ตบุ๊กคล้าย Intel Evo ต่างกันตรงที่ Intel Evo เน้นประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ในโน้ตบุ๊กชนิดบางเบา แต่ AMD Advantage เน้นประสิทธิภาพการเล่นเกม ซึ่งจะต้องใช้ซีพียูตระกูล Ryzen 5000 และจีพียู Radeon 6000 ร่วมกับซอฟต์แวร์ไดรเวอร์ของ AMD + รองรับเทคโนโลยี Smart Access Memory เชื่อมต่อซีพียู-จีพียูโดยตรง และระบบจัดการพลังงานในโน้ตบุ๊ก SmartShift ของ AMD พร้อมกับ หน้าจอต้องสว่างอย่างน้อย 300 nits แสดงผลมาตรฐานสี sRGB ได้ 100% หรือ NTSC 72% อัตรารีเฟรชขั้นต่ำ 144Hz ดีเลย์ต่ำ (low latency) และรองรับ AMD Freesync รวมถึง มี SSD NVME PCIE Gen 3 อย่างน้อยหนึ่งตัว และอันนี้น่าสนใจว่าต้องมี อุณหภูมิ ณ ตำแหน่งปุ่ม WASD ต่ำกว่า 40 องศาเสมอ และ แบตอึด เล่นวีดีโอด้วยแบตเตอรี่ได้อย่างน้อย 10 ชั่วโมง ถือว่าเป็นมาตรฐานที่เน้นในเรื่องประสิทธิภาพโหดและยาก แต่ทาง ALPHA 15 ผ่านสบาย

MSI Alpha 15 B5EEK-026TH ในรุ่นที่เรารีวิวนี้จะมาพร้อมกับ Ryzen™ 7 5800H ความเร็ว 3.20 – 4.40GHz โดยเป็นแบบ 8 คอร์ 16 เธรด และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร  มาด้วยการ์ดจอ Radeon RX6600M, GDDR6 8GB พร้อมกับ RAM 16GB DDR-IV 8GB*2 (3200MHz) และ 512GB NVMe PCIe Gen3x4 SSD  ส่วนทางด้านหน้าจอใช้งานขนาด 15.6″ FHD (1920*1080), พร้อมกับรีเฟรชเรท 144Hz 72% NTSC ใช้งานหน้าจอ IPS-Level, ค่าสีใกล้เคียง 100% sRGB ส่วนทางด้านเชื่อมต่อไร้สายให้มาพร้อมกับ Intel Wi-Fi 6 AX200(2*2 ax)+BT5.1 และทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อใช้งาน USB-A 3.2 GEN 1 และ USB-C 3.2 GEN 1 ให้มาครบพร้อมใช้งานรวมถึง HDMI / RJ45 นั้นยังคงใส่เข้ามาไม่ตัดไปไหน และแน่นอนว่าเรื่องของระบบเสียงให้ระบบเสียง HI-RES AUDIO เข้ามาในการฟังเพลงแบบสาย และ โปรแกรม NAHIMIC ก็ยังคงใส่เข้ามาเป็นเอกลักษณ์ค่ายนี้ ทำงานร่วมกับลำโพงคู่ 2WX2 และทางด้านระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home ที่การันตีการอัปเดตไป Windows 11 ได้ทันที และมาพร้อมกับ ประกัน 2 ปี  Warranty

PRICE 

MSI Alpha 15 B5EEK-026TH : RYZEN 7 5800H + RM6600M RAM 16GB  SSD 512GB ราคา 48,490 บาท แถมฟรี MSI Essential Backpack มูลค่า 1,490 บาท  (อยู่ในกล่องพร้อมตัวเครื่อง)

UNBOX

  • ตัวเครื่อง MSI ALPHA 15 AMD ADVANTAGE
  • ที่ชาร์จ ADAPTOR 180W
  • คู่มือ ในการใช้งาน และ รายละเอียดรับประกัน
  • MSI Essential Backpack

DESIGN

งานออกแบบนั้นยังคงมีความเป็น ALPHA แต่พัฒนาเส้นสายหลายๆส่วนให้มีความเรียบง่ายขึ้นแต่ยังคงการออกแบบคล้ายกับรุ่นก่อนๆเช่นกัน และแน่นอนว่ารุ่นนี้จะใช้งานโลโก้ที่แอบคล้ายกับ BRAVO แต่จะเป็นการใส่ดีเทลให้ดูดีขึ้นและอยู่ในระดับสเปกที่โหดขึ้นไปกว่าเดิม ตัวเครื่องมาพร้อมกับวัสดุพลาสติก และ โลหะผสมกันไปซึ่งฝาด้านหลังจะเป็นโลหะด้วยถือว่าแข็งแรงและสวยงาม ส่วนด้านในจะยังคงเห็นความเขียวของแป้นพิมพ์เป็นมาตรฐานแต่ก็สามารถเปลี่ยนสีได้ทั้งหมดแต่จะเป็นแบบ 1 Zone นะครับ ส่วนเรื่องขนาดและน้ำหนักก็ถือว่าปกติของบรรดา Gaming ที่อาจจะไม่ได้เน้นในเรื่องของการพกพาอะไรมากนัก และ เน้นการระบายความร้อนทำให้ตัวเครื่องก็ถือว่าหนาระดับนึง

ตัวเครื่องนั้นถือว่าคุณภาพงานประกอบอะไรทำได้ดีเช่นกัน และที่ค่อนข้างชอบคือสามารถเปิดฝาแบบมือเดียวได้สบายๆเช่นกันทำให้ใช้งานจริงได้ดี รวมถึงข้อพับอะไรต่างๆแข็งแรงแน่นหนา และแน่นอนว่าตัวเครื่องจะเน้นโทนสีดำด้านทั้งหมดเลยเช่นกันและยังคงมีเอกลัษณ์ MSI ในหลายๆส่วนไม่ว่าจะเป็นรูปทรง หรือว่าเส้นสายข้างในบอดี้ต่างๆและแน่นอนว่าฝาหลังโลหะสวยงามพร้อมกับโลโก้ รูปนก Phoenix ตาสีแดง เล่นกับโครเมี่ยมสวยงามโดดเด่นมาก

ฐานเครื่องด้านล่างแน่นอนว่าเน้นเรื่องของการระบายความร้อนแบบจัดเต็มเห็นถึง Heat pipe ข้างในหลากหลายเส้น และแน่นอนว่ารองรับการระบายอากาศแบบเต็มที่ทำให้เรื่องระบบระบายความร้อนต่างๆนั้นไว้ใจได้แบบสบายๆเช่นกันทั้งด้านหลัง ด้านข้าง รวมถึงส่วนกลางของตัวเครื่องก็รองรับได้ทั้งหมด พร้อมกับบางรองทั้งหมด 4 มุมเครื่องและลำโพง ซ้าย ขวา ในด้านหน้าเช่นกันซึ่งต้องบอกว่าค่ายนี้ถือว่าเป็นค่ายที่เน้นเรื่องระบบระบายความร้อนได้ดีมากตัวนึง

เมื่อแงะฝาหลังออกมาเราจะเห็นเลยว่ามี Heat Pipe ทั้งหมด 6 เส้นซึ่งมีการออกแบบใหม่ทำให้บางและกว้างมากขึ้นรองรับการระบายความร้อนได้ดีขึ้นชัดเจนอีกทั้งในแง่ของการใช้งานก็ส่งผลรู้สึกเลยว่าระบายได้ไวขึ้น ไม่ร้อนสะสมด้วยเช่นกัน ทำงานร่วมกับพัดลม 2 ตัวที่มีขนาดแตกต่างกันยิงออกด้านหลัง และด้านข้างในฝั่งซ้ายของเครื่อง ซึ่งการระบายก็จะเน้นไปทั้ง CPU GPU และ ภาคจ่ายไฟด้วยเช่นกันครับทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี และการอัปเกรดนั้นจะรองรับ SSD M.2 เพิ่มอีก 1 ช่อง จากเดิมที่ให้มา 1 ช่องแล้ว ส่วนทางด้าน RAM DDR4 ให้มาเต็ม 2 ช่องครับ 16GB ซึ่งก็รองรับการอัปเกรดได้สบายๆ 64GB แต่ต้องเปลี่ยนของเก่าทั้งหมดเลยนั้นเอง พร้อมกับแบตขนาดกำลังดี อาจจะไม่ได้เต็มช่องมากนักแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วเช่นกันในส่วนด้านล่างของตัวเครื่องในภาพ

งานออกแบบภายในนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกทั้งหมดทั้งขอบหน้าจอ หรือว่าฐานส่วนแป้นพิมพ์ต่างๆ ทางด้านข้อพับนั้นถือว่าเป็นชิ้นเดียวและมีความแข็งแรงมากๆเช่นกันครับ สามารถดึงเปิดมือเดียวและข้างเดียวได้แบบสบายๆ และรุ่นนี้จอสามารถกางออกมาได้ราบเรียบไปกับพื้นได้ทันที ซึ่งเราจะไม่เห็นบรรดา Gaming ที่จะเปิดได้แบบนี้เท่าไรนักถือว่าเป็นความอิสระในการใช้งานที่แตกต่างกับตัวอื่น รวมถึงบริเวณแป้นพิมพ์นั้นมีการเล่นลวดลายสวยงามพร้อมกับเว้าลงไปเล็กน้อยทำให้สามารถกดระดับแป้นพิมพ์ต่ำลงไปได้นิดหน่อยและมาพร้อมกับ Numpad นั้นเอง และรุ่นนี้จะได้โลโก้ใหม่แล้วเช่นกันพร้อมกับ ช่องระบายอากาศความร้อนตรงขอบเครื่องส่วนบนใกล้กับหน้าจอถือว่าเป็นจุดระบายที่ดีทำให้สามารถรับอากาศลมไหลเวียนได้ง่ายขึ้น จากด้านบน ผสมกับด้านล่าง และระบายออกข้างหลังจัดเต็มมาก

ขอบหน้าจอเองนั้นยังคงมีความหนาระดับนึงแต่ก็ไม่ได้เยอะมากนักถ้ามองในแง่ของสายเกมถือว่ากำลังดีมาพร้อมกับยางรองขอบหน้าจอทั้ง ซ้ายขวา ล่าง และด้านบนให้มา 3 ตำแหน่งเลยทีเดียวทำให้เวลาพับหน้าจอก็จะรักษาได้ง่ายขึ้นในระยะยาวในเรื่องของการกันกระแทกต่างๆ และมาพร้อมกับกล้องหน้า Webcam HD และรูไมค์ใส่เข้ามาให้จัดเต็มสำหรับการใช้งาน รวมถึงเมื่อกางหน้าจอสุดเราจะเห็นถึงส่วนระบายความร้อนที่จะอิงออกข้างหลัง 2 ข้างเน้นๆ

SPEC

  • AMD Ryzen™ 7 5800H Mobile Processors
  • Windows 10 Home
    (Free upgrade to Windows 11* when available, see below)
  • AMD Radeon™ RX 6600M 8GB GDDR6 Graphics
  • 15.6″ FHD (1920*1080), 144Hz 72%NTSC IPS-Level, close to 100%sRGB
  • RAM 16GB DDR-IV 8GB*2 (3200MHz)
  • STORAGE 512GB NVMe PCIe Gen3x4 SSD
  • Intel Wi-Fi 6 AX200(2*2 ax)+BT5.1
  • RGB gaming keyboard with number-pad
  • Exclusive Cooler Boost 5 Technology
  • MSI Center with exclusive Gaming Mode
  • MSI App Player for seamless gaming experience between mobile and PC
  • High-Resolution Audio ready
  • 2 Years Warranty ( Year for Battery and Adapter)
  • 359 x 259 x 23.95 mm  2.35 kg

PERFORMANCE

ตัวนี้ยังคงผ่านมาตรฐาน AMD ADVANTAGE สำหรับโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพขั้นเทพโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการประสิทธิภาพในการเล่นเกมขั้นสูง ทั้งในส่วนของหน่วยประมวลผล Ryzen 5800H และกราฟิกการ์ด Radeon RX6600M ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมในการสร้างสรรค์จากสถาปัตยกรรม RDNA 2 และ มาพร้อมกับ RAM 16GB DDR-IV 8GB*2 (3200MHz) และความจุ 512GB NVMe PCIe Gen3x4 SSD ถือว่าสบายๆในการใช้งาน และ แน่นอนว่ารองรับ Windows 11 ด้วยเช่นกันเมื่อปล่อยแล้วเครื่องนี้สามารถอัปเกรดไปได้ทันทีเลยครับ

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงมากๆแน่นอนว่าตัว 4800H ก็ถือว่าแรงพอสมควรแล้วนะ แต่ตัวนี้ทำไปได้ 6412 คะแนน มากกว่าคู่แข่งและรุ่นก่อนหน้าแบบชัดเจน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ  ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,600 คะแนนครับ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับ 4800HS ตัวนั้นจะยังคงทำได้แตะ 5000 ครับประมาณก็เป็นจุดที่ยังคงมีความแตกต่างกันอยู่กันแบบชัดเจนเลยนะถือว่าพัฒนาขึ้นหลายเท่าตัวมากๆ และส่งผลในแง่ของการใช้งานจริง รวมถึงความร้อนยังคุมได้ดีไม่แตะ 90 อย่างใดในการทดสอบ

3D MARK

RX6600M ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 3261 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 3312 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 79 CPU GPU 74 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 9589  และ FIRE STRIKE ULTRA 4984 คะแนน ถือว่าไม่น้อยหน้า RTX ของอีกค่าย

CINEBENCH R15 R20 – CRYSTALDISK

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้ 1901cb/ 138.53FPS ประมวลผลหนักๆได้แบบสบายมากๆหนีกับ GEN111 แบบชัดเจนและเทียบกับ RYZEN 7 4800HS ตัวนั้นจะประมาณ 120 ครับถือว่าพัฒนาขึ้น และมีผลในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i7 Gen11 ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 4374 ครับ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 2194 MB/s และ 1977 MB/s  คะแนนอยู่ในระดับที่เร็วแต่อาจจะยังไม่ได้สุดเท่าไรนักครับ เพราะถ้ามองไปอีกค่ายอาจจะเห็นแตะ 3000ได้ อันนี้แอบน่าเสียดายนิดนึง ในการอ่านเขียนนี้

SCREEN

หน้าจอคุณภาพสูงในรุ่น ALPHA บอกเลยว่าคุณภาพไว้ใจได้และเอาไปทำงาน หรือ เล่นเกมได้แบบสบายๆ ใช้งานหน้าจอขนาด 15.6″ Full HD (1920×1080),144 Hz Refresh Rate, IPS-Level panel แน่นอนว่าจะได้ทั้งความลื่นไหล 144Hz และ คุณภาพสูงแบบ IPS และเรื่องของค่าสีเองนั้นเรียกได้ว่าได้ใกล้เคียงระดับ sRGB100% ด้วยเช่นกัน ทำให้สายทำงานก็ใช้งานตัวนี้ได้ ไม่ต้องห่วงเรี่องของสีสันหรือว่าค่าสีเท่าไรนัก แต่ถ้ามองในแง่ของตัวเล่นเกมตัวนี้ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่จอทำสีได้ดีอันดับต้นๆของตระกูลนี้ มาพร้อมกับหน้าจอด้านสู้แสงได้สบายเช่นกันครับ ส่วนความลื่นไหล 144 สามารถขับได้สบายด้วยพลังของ การ์ดจอ CPU ลื่นไหลในการเล่นเกมแน่นอนในตัวล่าสุดนี้

หน้าจอเมื่อมองเอียงๆนั้นถือว่าทำได้ดีอยู่นะเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆหรือแม้แต่คู่แข่งอีกรุ่น มุมมองอะไรถือว่าสมกับเป็นหน้าจอแบบ IPS แต่แน่นอนว่ามุมมองดี รวมถึงเรื่องของความแม่นยำของสีในการใช้งานนั้นดีและสีสันตรงใกล้เคียง sRGB100% ทำได้ประทับใจมากๆในเรื่องของสีแน่นอนว่าเล่นเกมก็ทำได้สวยและลื่นไหลแล้ว เพราะว่าได้ 144Hz แต่สายทำงานก็ใช้งานได้สบายโทนสีดีกว่ารุ่นก่อนๆชัดเจนรวมถึงได้ความแม่นยำมากขึ้นและการสู้แสงอะไรทำได้ดีลงตัวสมกับราคาเลยทีเดียวเป็นหน้าจอในตระกูล ALPHA ที่ดีมากๆตัวนึงในตอนนี้ทั้งแง่ของลื่นไหล 144Hz และความแม่นยำของโทนสีที่ได้ค่าสีที่สูง ถือว่าลงตัวและน่าสนใจขึ้นที่ตัวเดียวสามารถตอบโจทย์การทำงานได้ 2 แบบ

KEYBOARD

คีย์บอร์ดในรุ่นนี้แน่นอนว่ามีการพัฒนาปรับเปลี่ยนเพิ่ม Numpad เข้ามาให้แล้วแบบเล็กๆในมุมขวามีมาให้ดีกว่าไม่มีครับ และมาพร้อมกับระบบแสงสี Mystic Light RGB ปรับได้แบบ 1 ZONE RGB เปลี่ยนสีได้ และปรับความสว่างได้ 3 ระดับเช่นเดิมแน่นอนว่ายังดีที่เปลี่ยนสีสันได้บ้างแล้วครับแม้จะเป็นแบบ 1 ZONE ก็ตามนะ แต่ชอบในแง่การพัฒนาปุ่มเพิ่มเข้ามาในขนาดเดิม ทำให้ทำงานได้จริงมากขึ้นในการกดตัวเลขต่างๆ แต่อาจจะเล็กไปหน่อยในช่วงแรกต้องปรับตัว รวมถึงทำให้ปุ่มอื่นๆอาจจะเบียดมากขึ้นก็ปรับแรกๆไม่ยากครับ แต่น่าเสียดายว่าปุ่มลูกศร 4 ทิศทางนั้นโดนลดขนาดลงไปทำให้มันเล็กกว่ารุ่นก่อนๆและสายเล่นเกมอาจจะไม่ได้ถนัดเท่าไรในเรื่องของขนาดตัวนี้ แต่การใช้งาน ระยะกด หรือว่าแสงสีในการใช้งานจริงรู้สึกว่าดีปรับตัวไม่ยากครับในการเล่นเกมหรือพิมพ์งานต่างๆ

ทางด้านการใช้งานจริงๆตัวปุ่มนั้นมีระยะห่างแต่ละปุ่มค่อนข้างน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็กดได้ดีเพราะตัวปุ่มมันใหญ่แบนมากขึ้นนั้นเอง ความรู้สึกเวลากดปุ่มนั้นรู้สึกแน่นและกดตรงส่วนไหนของปุ่มก็ได้รู้สึกดีตรงจุดนี้ กดขอบปุ่ม หรือ ตรงกลางปุ่มก็ให้ความรู้สึกเดียวกันไม่โยก ไม่เอียงครับถือว่าคีย์บอร์ดของค่ายนี้จริงๆแอดมินใช้มาตั้งแต่ยุคแรกๆ ก็ชอบคีย์บอร์ดค่ายนี้พอสมควร ในรุ่นนี้ปรับอะไรให้มันลงตัวขึ้นปุ่มเรียบมากขึ้นแต่ใหญ่แบนมากขึ้นนั้นเองครับ

TOUCHPAD 

ทัชแพดในรุ่นนี้ใช้งานวัสดุคนละแบบกับตัวเครื่องครับ เป็นแบบด้านเรียบๆไม่ได้มีลวดลายอะไรครับขนาดของทัชแพดนั้นถือว่ากำลังดีไม่ได้ใหญ่มากหรือเล็กมากด้วยความที่เป็นสายเกมจริงๆ พวกทัชแพดนั้นถือว่าไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรครับแต่ก็มีไว้ยามจำเป็นเวลาทำงานข้างนอกได้อยู่ ส่วนการออกแบบคลิกซ้ายขวา ซ่อนเนียนอยู่ในทัชแพดไม่ได้มีปุ่มแยกหรือขีดแยกอะไรถือว่าค่อนข้างแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ ส่วนความรู้สึกความลื่นไหลนั้นทำได้ดีนะ และคุณภาพดีกว่ารุ่นก่อน

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้มาให้ 2 ตัวซ้ายขวาเสียงถือว่ากำลังดีเลยแหละ เสียงที่ออกมานั้นถือว่ามิติของเสียงนั้นทำได้ดีระดับนึงในการเล่นเกมฟังเพลงครับ เสียงที่เด่นๆคือความดังที่ทำได้ดีเลยแหละสามารถเล่นเกม ฟังเพลงเสียงดังได้สะใจเลยทีเดียว แต่เสียงปืนเวลายิง หรือ ระเบิดนั้นยังไม่ได้แน่นสะใจเท่าไรนัก แต่ก็ยังสามารถปรับเสียงเพิ่มมิติเสียงเบส EQ อะไรพวกนี้ได้อยู่บ้างครับ และเสียงรอบทิศทางนั้นก็สามารถปรับได้ ถ้าเน้นเล่นเกมเสียงคนพูดอะไรชัดเจนดี แต่เสียงยิงปืนอะไรนั้นยังไม่ได้แน่นเท่าที่ควรครับ แต่ถ้าเอาเรื่องความดังสะใจตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์อยู่เช่นกันนะ แยกชัดเจน และรองรับระบบเสียง HI-RES มาให้สำหรับการใช้งานผ่านรูหูฟังถือว่าจัดเต็มและ Nahimic ให้มาครบเช่นเดิมครับ

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดให้มาทั้ง ซ้าย และ ขวา แต่จะไม่มีในด้านหลังตัวเครื่องนะครับ ในด้านขวาเราจะเห็นพอร์ตทั้ง รูหูฟัง / USB-A 3.2 / USB-C 3.2 / HDMI และ แน่นอนว่า RJ45 ใส่เข้ามาให้รองรับการใช้งานสาย LAN ด้วยเช่นกันครับ ถือว่าแอบแปลกๆนิดนึงเพราะว่าปกติเราจะเห็นพวกนี้อยู่ฝั่งซ้ายกัน จะได้ไม่เกะกะด้านขวาเวลาใช้งาน

ส่วนในด้านซ้ายนั้นจะเป็นช่องเสียบจ่ายไฟ DC-IN แบบวงกลม 2.5มม. และ รูระบายความร้อนซึ่งอีกข้างจะไม่มีนะครับ รวมถึง USB-A แบบ 3.2 และ USB-A 2.0 ใส่เข้ามาให้ซึ่งแอบเสียดายว่ายังมี 2.0 ในยุคปี 2021 แบบนี้เข้ามาให้อีกครับ เพราะว่าน่าจะเป็น 3.2 มาตรฐานได้แล้วในยุคแบบนี้ แต่เรื่องไร้สายจัดเต็ม Wifi 6 พร้อม BT 5.1

MSI CENTER

MSI Center เวอร์ชันใหม่ ช่วยให้คุณควบคุมและปรับแต่งการใช้งานอุปกรณ์ MSI ของคุณได้ดั่งใจ รวมทุกคุณสมบัติใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ในการใช้งานไว้ในระบบเดียว เช่น Smart Image Finder, Duet Display, UI Skin และอื่นๆอีกมากมาย ซอฟต์แวร์นั้นยังคงจัดเต็มและโหลดมาเพิ่มเติม รวมถึงการปรับหน้าจอโทนสีหน้าจอ หรือว่าจะเป็นโหมดการใช้งานแบบประสิทธิภาพสูงต่างๆก็ใช้งานผ่านตัวแอปนี้ได้ทั้งหมดเลยครับ ถือว่าหน้าตาดีขึ้นมาก

WORKING 

การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับ และ AMD ค่ายนี้เรื่องของการเรนเดอร์การทำงานหลากหลายโปรแกรมถือว่าโดดเด่นมากๆตัวนึง และดีกว่ารุ่นอื่นชัดเจนรวมถึงในเจน 5800H ตัวนี้บอกเลยว่าดีขึ้นไปอีกครับยิ่งการใช้งาน 7nm ยิ่งพัฒนาได้ดีกว่าอีกค่ายแบบชัดเจนมากๆ ทำให้ในการทำงานหลายโปรแกรมถือว่าสบายๆ มาพร้อมกับ 8 Cores/16Threads บอกเลยว่าทำงานร่วมกับ RAM 16 GB จัดเต็มให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าช่วยงานทำงานได้ไวขึ้นระดับนึงรวมถึงในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน  ทดสอบแบบจัดเต็มเช่มเดิมทั้งโปรแกรมตัดต่อแบบ Premire Pro และตระกูล ADOBE ทั้งหลายครับ

PREMIRE PRO  

แน่นอนว่าสายครีเอเตอร์หลายๆคนก็เอาคอมแบบนี้ไปทำงานกันเยอะครับ เลยขอมาทดสอบ เรนเดอร์ 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 Gen 11 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 12 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 25 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 Gen11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมดถือว่าทำได้ดี ถ้าหากมองเทียบกับ GEN 11 ของอีกฝั่งในสเปกเท่ากันทั้งหมดต้องบอกว่า เรนเดอร์ในรุ่น AMD 5800H ประหยัดเวลาการทำงานได้ถึง 10 นาทีเลยครับ

PHOTOSHOP 

โปรแกรมการตัดต่อภาพหรือว่าแต่งภาพจะเด่นๆในเรื่องของการทำงานหลากหลายเลเยอร์และยิ่งประมวลผลได้ดีความหน่วงหรือช้าก็จะน้อยลงเยอะมากๆในการเปิดหลายๆงานพร้อมกันซึ่งเป็นโปรแกรมที่เน้นเรื่อง RAM มากเช่นกันเราจะเห็นเลยว่าใกล้เต็ม 16GB เลยทีเดียว แต่ทางด้าน CPU เองนั้นสบายๆเช่นกันครับเหลือเฟือในการทำงานทั่วไปและในโปรแกรมนี้เช่นกัน จากที่ลองมานั้นสามารถจัดการได้เป็นอย่างดีแม้จะตัดต่อไฟล์ขนาดใหญ่ก็ไม่มีอาการหน่วง

LIGHTROOM

ทางด้าน LIGHTROOM จริงๆอาจจะไม่ได้กิน RAM อะไรมากนักจะกินช่วงหนักๆคือ ตอน EXPORT หลายๆรูปและ IMPORT ซึ่งจะเน้นไปที่การประมวลผลภาพล้วนๆ ซึ่งถ้าใช้งานหลากหลายรูปภาพก็จะยิ่งกินประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่ทางด้าน RYZEN 7 ตัวนี้ก็สามารถใช้งานได้สบาย  สามารถแต่งเกรดสีหลายๆภาพได้แบบไม่มีปัญหา ซึ่งทางด้าน RYZEN สามารถตอบโจทย์การทำงานได้เป็นอย่างดีทั้งเรนเดอร์หรือแต่งภาพใช้งานไป 5-10% แค่นั้น

GAMING 

ในเมื่อเป็นมาตรฐาน AMD ADVANTAGE แน่นอนว่ารุ่นนี้ใช้งาน AMD RYZEN 7 5800H + AMD RADEON RX6600M ทำงานคู่กันได้อย่างลงตัว และมีทั้งเทคโนโลยี Smart Access Memory เชื่อมต่อซีพียู-จีพียูโดยตรง และระบบจัดการพลังงานในโน้ตบุ๊ก SmartShift เป็นการจับคู่ค่ายแดงล้วนๆทำให้เรื่องของประสิทธิภาพนั้นไม่ธรรมดา มีโปรแกรมที่คิดมาทำงานร่วมกันเยอะแยะมากใน AMD คู่นี้ครับ และแน่นอนว่าส่งผลชัดเจนในเรื่องของการจัดการพลังงาน ความร้อน และ การขับ FPS ทำให้ภาพค่อนข้างเนียนลื่นไหลเช่นกัน ทดสอบ สตรีมและเล่นไปด้วยแบบปรับภาพสุดก็ไม่เจออาการกระตุกอีกทั้งในการ แคปภาพหน้าจอทั้งหมดคือทำขณะที่ สตรีมไปด้วยในบางเกมนะครับเช่น APEX , COD MW  เครื่องจัดการได้ดีมากๆและไม่เจอ FPS ตกเลยแม้แต่ทดสอบมือวางบนเครื่องมันไม่ร้อนเลยเล่นแบบไม่เปิดแอร์ทุกเกมนะ ซึ่งก็เป็นตามมาตรฐาน AMD ADVANTAGE ด้วยเช่นกัน ในด้านของ CPU เพราะเล่นในสภาพอากาศปกติ ถือว่าจัดการความร้อนได้ดีมากๆ 60 องศา-69 องศาไม่เกินนี้ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงๆไม่ตกเลยนะครับถือว่าสบายมากๆ ความร้อนจัดการได้ดีกว่าที่คิดไว้ในการเปิดพัดลม Turbo

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 55-70 อุณหภูมินั้น GPU 56 CPU 59  : EPIC 
  • APEX ทำไปได้ FPS 96-110 อุณหภูมินั้น GPU 53 CPU 60 : ULTRA 
  • PUBG ทำไปได้ FPS 90-110 อุณหภูมินั้น GPU 82 CPU 92  : ULTRA 
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS 111-115 อุณหภูมินั้น GPU 62 CPU 66  : ULTRA 
  • FORZA HORIZON 4 ทำไปได้ FPS 111-115 อุณหภูมินั้น GPU 58 CPU 60  : ULTRA 

ต้องบอกว่าสายเกมไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับการรัน FPS ปรับภาพสูงสุดยังสามารถดันได้สูงมากๆและลื่นไหล อีกทั้ง ถือว่าประสิทธิภาพไม่ตก และขับได้เยอะขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ถ้าเทียบกับตัวก่อนหน้านั้นเอง แม้จะเป็น RX6600M ก็สามารถขับได้ลื่นไหลมากเช่นกัน แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลาง โดยรวมชอบเรื่องของความร้อนที่จัดการได้ดี และแน่นอนว่า CPU ใช้งานแค่ 20-30% เท่านั้นในการเล่นเกมหลายๆเกม แต่ถ้าเทียบการทำงาน CPU 100% ก็จะไม่เจอแตะ 80 เท่าไรครับอาจจะแล้วแต่การใช้งานกันอีกทีนึงเพราะมีหลากหลายปัจจัยในการใช้งาน ซึ่งทางค่าย MSI ใช้งานระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 บอกเลยว่าจัดการได้ดี

MSI ALPHA 15  AMD ADVANTAGE 

” AMD จัดเต็มทั้ง CPU GPU ลงตัว พร้อมระบบระบายความร้อนที่ทำได้ดี  “

MSI ตระกูล ALPHA นั้นถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจในเรื่องของการเล่นเกม รวมถึง ประสิทธิภาพในการทำงานทั่วไปแน่นอนว่าครั้งนี้ใส่มาให้เป็นค่ายแดงทั้ง CPU GPU ที่บอกเลยว่าเป็นการรวมทีมที่ดีและสามารถขับออกมาได้ดีเช่นกันเมื่อเป็นค่ายเดียวกัน สามารถทำ Software ออกมารองรับได้แบบเต็มที่หลายๆเทคโนโลยีช่วยทั้งการทำงาน การแบ่งพลังงานต่างๆ หรือแม้แต่การทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นซึ่งเป็นข้อดีที่ใช้งานค่ายเดียวกันแบบนี้ครับ ส่วนเรื่องการออกแบบ ดีไซน์ยังคงมีความโดดเด่นเช่นเดิม ตามสไตล์ค่ายนี้มาพร้อมกันการใช้งานระบบจัดการความร้อน Cooler Boost 5 ที่ทดสอบแล้วควบคุมความร้อนได้ดีมากๆแม้จะเล่นเกมต่อเนื่องยาวๆก็ตาม และทางด้านหน้าจอ คีย์บอร์ดต่างๆก็สามารถรองรับการเล่นเกม การใช้งานได้ดีเช่นกันรวมถึงการรองรับการอัปเกรดต่างๆนั้นสามารถทำได้อิสระ

ข้อดี

  • การใช้งาน AMD คุณภาพสูงทั้ง CPU GPU รองรับกันได้ดีทั้ง SW – HW
  • RYZEN 7 5800H ยังคงโดดเด่นและไว้ใจได้ในการทำงาน เล่นเกม
  • RX6600M การ์ดจอตัวล่าสุด ขับภาพได้สวย และลื่นไหล
  • หน้าจอ IPS และ มาพร้อมค่าสีที่ใกล้เคียง sRGB100%
  • แป้นพิมพ์มาพร้อมกับ Numpad และ รองรับการปรับเปลี่ยนสี
  • พอร์ตเชื่อมต่อมาให้ครบทั้ง USB-C และ USB-A รวมถึง HDMI – RJ45
  • ระบบระบายความร้อนจัดเต็ม Cooler Boost 5 จัดการได้ดีอย่างมาก
  • รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio

ข้อสังเกต

  • ตัวเครื่องยังคงมี USB 2.0 ใส่เข้ามาให้ใช้งาน
  • หน้าจอ 144Hz อาจจะน้อยไปในระดับราคานี้
  • พอร์ตเชื่อมต่อหลักในด้านขวาอาจจะเกะกะ เวลาใช้งานถ้าเสียบสายเยอะ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares