Mercedes-Benz ถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ทุกคนรู้จักและเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนอาจจะอยากครอบครองกันด้วยตัวแบรนด์ที่เป็นชื่อเสียงความหรูหรา รถยุโรป ทำให้หลายๆคนต้องอยากเป็นเจ้าของให้ได้ แม้ในอดีตเองตัวรถจะมีราคาสูง แต่ในสมัยนี้มีการประกอบในประเทศ มีการทำราคาได้ดีขึ้น ทำให้รถยุโรปค่ายตราดาวนี้ จับต้องได้ง่ายกว่าสมัยก่อนๆเยอะ รวมถึงมีเงินไม่ถึง 2 ล้านก็สามารถเป็นเจ้าของกันได้แล้ว เช่นในรุ่น MERCEDES-BENZ A200 PROGRESSIVE นั้นเองเป็นรุ่นเริ่มต้นของทางค่ายมาพร้อมกับราคาที่ถูกที่สุดของทางค่าย และ ขนาดเล็กขับง่ายที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเหมาะสำหรับขับในเมือง ขับง่าย ออพชั่นมีการเพิ่มเข้ามาในปี 2022 แบบนี้ทำให้มันลงตัวมากขึ้น และ การขับขี่ พละกำลังของมันไม่ธรรมดาเช่นกันครับสำหรับน้องเล็ก A200 ในรุ่น PROGRESSIVE นี้

MERCEDES-BENZ A200 นั้นจะมี 2 รุ่นย่อย PROGRESSIVE กับ AMG นั้นเองซึ่งจะแตกต่างกันในเรื่องการตกแต่ง ช่วงล่างที่สูงต่ำต่างกัน และ ภายในต่างๆนั้นเองครับ แต่เครื่องยนต์ต่างๆนั้นเหมือนกันทั้งหมด เน้นแค่การตกแต่ง ล้อ ชุดกันชน รวมถึงภายใน ซึ่งข้อดีของ MY2021 2022 นั้นทำให้ PROGRESSIVE ได้ระบบความปลอดภัยเหมือนกับ AMG ทั้งหมด รวมถึงได้เบาะไฟฟ้าคู่หน้า และ หน้าจอเหมือนกันแล้วนั้นเองถือว่าเป็นข้อดีของรุ่นนี้ทำให้มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.3 ลิตร พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์ Dual Clutch 7G-DCT 7 จังหวะ และแน่นอนว่า ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมกับช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ด้วยเช่นกัน ส่วนออฟชั่นต่างๆมาพร้อมกับ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี และ ได้ มาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย และ ระบบ ช่วยเบรกอัตโนมัติแบบแอคทีฟ Active Brake Assist และ Blind Spot Monitor และ ระบบช่วยเตือนออกนอกเลยใส่มาให้แล้ว แต่ น่าเสียดายยังไม่มีกล้องรอบคัน และ แอร์หลังมาให้ แต่ระบบช่วยจอดเองนั้นให้มาเหมือนเดิมเลยถือว่าครบ เพียงพอต่อการใช้งานอาจจะโล้นไปนิดถ้ามองเทียบกับรุ่นพี่คันอื่นๆ แต่สำหรับรุ่นเริ่มต้นถือว่าปรับอุปกรณ์ดีกว่าตอนเปิดตัวครั้งแรกเยอะมากๆเช่นกันครับในตัว PROGRESSIVE รุ่นนี้

  • MERCEDES-BENZ A 200 Sedan Progressive  MY2022 :  1,990,000 บาท

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกเองนั้นตัวรถถือว่ามาในขนาดที่เล็กพอสมควร แต่ก็มีความยาวประมาณ 4.5 เมตร และ กว้าง 1.7 เมตร ถือว่ากำลังดีในการขับขี่ในเมือง ซึ่งเมื่อเห็นตัว A200 คันนี้แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้ สายสปอร์ตแบบรุ่น CLA ก่อนหน้าก็ตามแต่มีความเรียบหรูออกแนวผู้บริหารเล็กน้อย ซึ่งมองดีๆแอบคล้ายกับรุ่นพี่ CLS เลยทีเดียวกับเส้นสายไฟหน้า เส้นสายกระจังหน้าแต่มีขนาดเล็กลงมา ในรุ่น PROGRESSIVE เราจะได้กันชนแบบธรรมดา กระจังหน้าแบบไม่มี Diamond Grile ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นทำให้อาจจะไม่ได้ดูสวยเท่ากับ AMG ด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าเน้นใช้งานไม่ได้เน้นเอาเท่สวยมากนัก PROGRESSIVE ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และ ได้ออฟชั่นไฟหน้าไม่ต่างกับรุ่นพี่

รูปทรงตัวรถจะมาในแนว SEDAN จริงๆคือเป็นรถเก๋งทรงที่คลาสสิกไม่ได้มีการออกแบบหลังคาลาดหรือ COUPE แบบรุ่น CLA หรือแบบคู่แข่ง 220i นั้นเองซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะว่าเราจะได้พื้นที่ข้างหลังสบายมากกว่าเดิมแต่ก็อาจจะไม่ทันสมัย วัยรุ่นเท่ากับ CLA นั้นเองครับ เส้นสายภายนอกรอบคันดูเรียบหรูออกแนวผู้ดีชัดเจนไม่ได้สายสปิร์ตรวมถึง ไฟท้ายก็ได้ LED ทั้งหมดพร้อมกับการตกแต่ง เน้นโครเมียมมากกว่าทั่วไปในชายล่าง ขอบประตูต่างๆ ถ้ามองด้านข้างจะเห็นว่าหลังคาค่อนข้างโปร่งแต่เส้นสายเราจะเห็นกระโปรงหน้าแบบยาว เมื่อมองท้ายอาจจะดูสั้นไปนิดหน่อยอาจจะไม่ได้สมส่วนเท่าไรนัก แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะว่าเป็นรถขนาดเล็กระดับเริ่มต้นของค่ายนี้ ส่วนการเข้าตัวรถเองสามารถพกกุญแจและเปิดประตู 4 บานได้เลยไม่ต้องเอารีโมตมากดหรือกดตรงมือจับก่อนครับ

หน้าตรงเราจะเห็นเลยว่ามันคือ CLS แน่นอนเส้นสายต่างๆมีความรู้สึกเลยว่าเอาดีไซน์รุ่นพี่มาเยอะจริงๆ แต่ก็เป็นข้อดีของรุ่นนี้ทำให้เราได้ความดุดันเข้ามาบ้าง เข้ากับกระจังหน้าปากคว่ำขนาดใหญ่ ส่วนด้านหลังไฟท้ายแบบใหม่แปลกตา LED Y ทั้งหมดถือว่าดูสวย และไฟทับทิมด้านล้าง รวมถึงปลายท่อหลอก ซึ่งถ้าเป็น AMG เราจะได้ชุดกันชนหน้าหลังต่างกับรุ่นนี้ทั้งหมดครับ จะดุดันมากกว่าเยอะเลย รวมถึงกระจังหน้าจะได้สีเงิน แทนสีดำด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าล้อก็ต่างกันจะได้ลวดลาย 10 ก้าน 17 นิ้วในรุ่นนี้ แต่ถ้าเป็น AMG จะได้ 5 ก้านคู่ และ เบรกที่มีโลโก้ และ ช่วงล่างที่ต่ำกว่านิดหน่อยนั้นเอง แต่ถ้าถามความสวยต่างๆถือว่าคนละแนวกันคันนี้ก็จะเน้นเรียบๆทั่วไปขับชิลๆส่วนเซนเซอร์รอบคันยังใส่มาให้ มีระบบช่วยจอดเข้าซอง จอดขนานให้เองทำงานร่วมกับเซนเซอร์และกล้องหลัง

ไฟหน้ารุ่นนี้จะได้เหมือนกับ AMG จะมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อม ไฟ Daytime Running Light แบบ LED เป็นเส้น L คว่ำ เปิด/ปิดอัตโนมัติ แต่ไม่มีสูงต่ำอัตโนมัตินะครับ ถือว่าสว่างเพียงพอในการใช้งานจริง เส้นสายในโคมดูดี ส่วนไฟท้ายเองนั้น LED ทั้งหมด เส้นสายไฟ Y สวยงามและดูเด่นรูปทรงไฟอาจจะไม่โฉบเฉี่ยวอะไรมากค่อนข้างเรียบๆ ส่วนกระจกมองข้างมีเตือนมุมบอดมาให้แล้ว และ ไฟเลี้ยวในตัว พร้อมพับอัตโนมัติ แต่ไม่มีกล้องรอบคันมาให้ในตัวนี้ ส่วนดีไซน์เป็นก้านแบบติดกับตรงประตูเอียงเล็กน้อยดูทันสมัยกว่าเดิม

INTERIOR

ภายในมีความเป็น Mercedes-Benz ทันทีที่เข้ามานั่ง มีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคใหม่ของค่ายแล้วแม้ว่าอาจจะยังไม่ได้จอแนวตั้ง แต่ส่วนตัวรู้สึกชอบหน้าจอแบบนี้มากกว่ายุคใหม่ๆ หน้าจอยาว พร้อมช่องแอร์และสีสันไฟสวยงามต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนเปิดตัวมันจะไม่ได้ หน้าจอเต็ม ไม่ได้ไฟ Ambient Light แต่พอมาปี MY2022 ได้มีการปรับออฟชั่นใหม่ เราจะได้หน้าจอเต็มบนส่วนของคนขับ เราจะได้ไฟ 64 สี Ambient Light เข้ามา ตามขอบประตู ช่องแอร์ รวมถึงได้ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย และ เบาะไฟฟ้าคู่หน้า รองรับจดจำตำแหน่ง 3 ตำแหน่งเข้ามาให้แล้วนั้นเอง ถือว่าทำให้ภายในมันลงตัวมากขึ้น และ ความหวือหวาสวยงามน่าจะอันดับต้นๆของบรรดาคู่แข่งหรือแม้แต่การเทียบกับค่ายญี่ปุ่นรุ่นสูงสุดก็ตาม Mercedes-Benz จะโดดเด่นเรื่องความสวย แสงสีนำหน้าบรรดาคู่แข่งอยู่แล้วแหละ

นอกเหนือจากการออกแบบแล้วในการใช้งานจริงนั้นตำแหน่งปุ่ม การใช้งานง่ายถือว่าทำได้ดี มีทั้งหน้าจอสัมผัส และ ปุ่มจริงๆให้ใช้งาน ยังไม่ต้องอยู่บนจอทั้งหมดเรื่องนี้ถือว่าคิดมาดี และ ควบคุมหน้าจอกลางผ่านพวงมาลัย หรือ ส่วนควบคุมด้านล่างคอนโซลได้ทำให้ไม่ต้องเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าจอ ซึ่งหลายๆค่ายไม่สามารถทำได้ ต้องไปจับหน้าจออย่างเดียวนั้นเอง ทางด้านพวงมาลัยรุ่นนี้จะแตกต่างกับ AMG เพราะว่า มาพร้อมกับพวงมาลัยทรงปกติไม่มีขอบตัด ไม่มีการเล่นด้ายสีแดงอะไรเป็นทรงมาตรฐาน แต่ปุ่มควบคุมอะไรให้มาครบ พร้อมกับ เกียร์ด้านขวาแบบก้านเช่นเดิม แอร์ตรงกลางให้มา 3 ช่องรองรับการปรับแต่งแสงสีไฟสวยงาม และ ปุ่มควบคุมส่วนล่าง แอร์ 1 โซน ออโต้ และแน่นอนว่าหน้าจอ เรือนไมล์แบบใหม่ 10.25 นิ้วขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า และ ใช้งานได้เต็มระบบ สวยงามและปรับแต่งได่เยอะมากๆแล้ว ถือว่าเป็นข้อดีมากๆในปี MY2022 ที่ได้หน้าจอแบบเต็มแล้วและสวยงามกว่าเดิมเยอะ

และมีการเพิ่มที่ชาร์จไร้สายเข้ามาให้ในส่วนคอนโซลกลางรองรับใช้งานได้สบายๆแม้ว่าอาจจะชาร์จไม่เร็วเท่าสายก็ตามแต่ก็เป็นความสะดวกที่หลายๆคันใส่เข้ามาให้ในยุคนี้ ส่วนการเสียบสายคันนี้ใช้งาน USB-C ทั้งคันแล้วนั้นเองครับ รวมถึงในด้านหลังก็มีพอร์ตชาร์จใส่เข้ามาให้ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีช่องแอร์หลังมาให้เสียดายเรื่องนี้มากในเมืองไทยน่าจะใส่เข้ามาให้เป็นมาตรฐานแล้วจริงๆ ส่วนที่วางแก้วต่างๆนั้นให้มาตรงที่วางแขนปกติ 2 ตำแหน่งครับ พื้นที่ด้านหลังจะโปร่งกว่างรุ่น CLA นั่งสบายพอสมควร เบาะพับได้ 3 ส่วน แต่อาจจะแอบชันไปนิดๆในส่วนตอนหลัง

ยามค่ำคืนถือว่าเป็นจุดที่โดดเด่นเพราะมีการเพิ่มออฟชั่น Ambient Light เข้ามาให้แล้วเราจะได้ไฟตรงช่องแอร์ทั้งหมด ได้ไฟตกแต่งขอบประตู มือจับประตูหน้าหลัง ที่เก็บของ ที่วางเท้า และ คอนโซลหน้า แต่ตรงคอนโซลกลางไม่ได้มีใส่มานะครับ จริงๆถือว่าเยอะมากและปรับได้ 64 สี อีกทั้งแยกโซนปรับแสงได้สวยงามเลยทีเดียวครับ และยังมี  Effect ไล่สีไปเรื่อยๆด้วยเช่นกัน และ เมื่อปรับ แอร์ อุณหภูมิ ร้อนเย็น ตัวแอร์จะเปลี่ยนสี ฟ้า แดง ตามความร้อนเย็นที่เราปรับด้วย เป็นลูกเล่นเล็กๆน้อยๆที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ เรื่องความหวือหวา ความสวย ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา

TECH

แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นหรือราคาถูกที่สุดก็ตามแต่ A200 นั้นให้ระบบช่วยจอบอัตโนมัติมาให้แบบเต็มรูปแบบเลยทีเดียว เราสามารถได้ง่ายขึ้น ตัวรถจอดให้เอง ทั้งเข้าซอง เลือกได้ว่าจะหน้าเข้าหรือหลังเข้า หรือ แม้แต่จอดขนาดก็เลือกได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีระบบช่วยออกจากซอง หรือ ออกจากที่จอดขนานได้ว่าจะออกซ้ายหรือขวา ซึ่งตัวรถทำให้เองทั้งหมด ทั้งเปิดไฟเลี้ยว เข้าเกียร์ และ เบรกให้เอง เราแค่นั่งเฉยๆพอ คอยดูและระวังด้วยตัวเองครับ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีมากๆ ช่วยให้คนที่ขับรถไม่เก่งได้เยอะ แต่ถ้าใครเซียนๆแล้วอาจจะถอยเองง่ายกว่าครับ ส่วนระบบนี้จะแตกต่างกับรุ่นพี่ตรงที่ ต้องมีรถขนาดข้าง 2 ฝั่งเท่านั้นถึงจะทำงาน แตกต่างกับพวก E CLASS ที่เป็นช่องโล่งๆก็สามารถทำงานได้เลยนั้นเอง แต่ความแม่นยำ ความเนียนถือว่าทำได้ไม่ต่างกันเลยระบบนี้ทำได้ดีมาก ส่วนระบบเตือนมุมบอด ระบบช่วยเบรก และ เตือนออกนอกเลนให้มาครบและเยอะกว่าเดิมทำให้รุ่นนี้เทคโนความปลอดภัยดี

แม้ว่าอาจจะน่าเสียดายว่าไม่มีระบบ Adaptive Cruise มาให้ก็ตาม แต่หน้าตาระบบการขับขี่ MBUX ต้องขอชื่นชมว่าเป็นหน้าตา การปรับแต่งหน้าตาระบบการใช้งาน หรือ การใช้งาน UX UI ง่ายที่สุดในบรรดารถยุโรปด้วยกัน และ เป็นค่ายที่ปรับแต่งหน้าตา การใช้งานบนเรือนไมล์ได้เยอะที่สุดแล้ว เราสามารถปรับจอกลางได้ ปรับเรือนไมล์ขวา และ ซ้ายได้อิสระทั้งหมด ว่าจะให้แสดงผลอะไร หรือแม้แต่ปรับหน้าตาโหมดการขับขี่แบบ Sport / Progressive / Classic ก็ตามครับ หรือ แสดงผลแบบเต็มจอระบบช่วยเหลือก็คลีนๆได้ด้วยเรื่องนี้ขอชื่นชม Mercedes-benz

DRIVING

การขับขี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอันดับต้นๆ แม้จะเป็นเครื่องเล็ก 1,300 แบบ 4 สูบ แต่พละกำลังการขับขี่มันโหดมากๆ อัตราเร่ง ความเร็วตีนต้น ตีนปลายสู้หลายๆคันได้แบบสบายเลยแหละ เห็นบอดี้เล็กๆแบบนี้แต่เหยียบเป็นมา แถมได้ความประหยัดน้ำมันสบายๆ และ แรง ไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงมีความโดดเด่นของตัวมันเองอยู่ นอกเหนือจากแบรนด์แล้ว เราได้การขับขี่ที่สนุก ช่วงล่างอาจจะเป็นคานแข็งแต่ก็เซ็ตมาลงตัว ร่วมกับการขับหน้าเน้นขับง่ายในเมืองขับสบาย วงเลี้ยวแคบ แต่ถ้าถามช่วงล่างมันนุ่มไหมก็ต้องตอบว่าไม่ได้นุ่มมาก มีความแข็งกระด้างนิดๆถ้าในเมืองถนนไม่เรียบ และถ้าความเร็วสูงเกิน 180 เมื่อไรอาจจะมีหน้าลอยได้บ้างครับแต่ปกติจริงๆ 120 ก็พอแล้วเป็นความเร็วกำลังดี และ ช่วงล่างยังหนึบแน่นอยู่ในระดับความเร็วนั้น ไม่โยน ไม่กระด้างเกินไป พอดีกับตัวรถ พวงมาลัยไวและคมเน้นขับในเมือง แต่ต่างจังหวัดต้องเปิด Sport ถึงจะพอมั่นใจได้ครับ ไม่งั้นจะแอบเบาไปนิดหน่อย ทำให้ภาพรวม มันเป็นรถที่ขับสนุก อัตราเร่งดี ขับในเมืองคล่องตัว เลี้ยวอะไรได้ง่ายคุมได้ง่าย ขับต่างจังหวัดถ้าไม่เกิน 160 กม/ชม ก็ยังไหวสบายๆ ไม่กระเด้งเกินไป และ ไม่ย้วยเกินไปนั้นเองเป็นรถที่ขับง่ายถึงง่ายมากๆคันนึงเลย

MERCEDES-BENZ A200 PROGRESSIVE 

” น้องเล็ก แม้จะถูกที่สุด แต่ก็มีดีหลายอย่างที่ทำให้มันน่าสนใจ  “

เมื่อมองยุโรประดับเริ่มต้นหลายๆคนจะมองเทียบกับรถญี่ปุ่นรุ่นเทพสุดเช่น Accord Camry ซึ่งต้องบอกตรงๆเลยว่ามันมีข้อดีเสียต่างกันมีหลายๆจุดที่ รถญี่ปุ่นทำได้ดีกว่าคือ พื้นที่นั่งหน้าหลัง สัมภาระ หรือแม้แต่ออฟชั่นที่มากกว่า และ การขับขี่ที่อาจจะนุ่มสบายมากกว่า แต่ก็มีหลายๆจุดที่ Mercedes-Benz ทำได้ดีกว่า เช่นตัวแบรนด์อันนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ รวมถึง ความหรูหรามากกว่าในห้องโดยสาร แสงสีภายใน เครื่องยนต์ที่ประหยัดแต่ก็แรงพอๆกัน ความคล่องตัวในเมืองที่ง่ายกว่า และ ฟีเจอร์บางส่วนที่ของ Mercedes-Benz ที่ทำได้ดีกว่า ก็ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่การใช้งานความชอบ แต่ถ้าถามว่า A200 น่าเล่นไหมก็ต้องตอบตรงๆว่าน่าเล่นมากสำหรับคนที่อยากขับรถยุโรปคันแรก ใช้งานในเมือง ชอบแบรนด์ และ ความหรูหราขับ 2 คนเป็นหลักคันนี้ตอบโจทย์แน่นอน และเครื่องยนต์ถือว่า จัดจ้านมากกว่าที่คิดนั้นเองครับทำให้มันเป็นน้องเล็ก แต่น่าสนใจมากๆคันนึงเลย

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares