Huawei ได้ทำการเปิดตัวตระกูล P ตัวล่าสุดเดินทางมาถึงรุ่น 30 แล้วในรุ่นนี้ได้เปิดตัวท่ามกลางกระแส ที่มาแรงมากๆคือเน้นกล้องขั้นสุดและวีดีโอก็ดีขึ้นมาก อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยี Periscope กล้องสำหรับการซูมอีกด้วยทำให้ซูมได้โหดมากๆอีกทั้งยังได้มากสุดที่ 50 เท่า ! ต้องบอกว่าเป็นการพัฒนากล้องอย่างเน้นๆเลยในครั้งนี้ มาพร้อมกล้องหลัง 4 ตัวรองรับระยะครบทั้งมุมกว้าง มุมปกติ เทเล และ การจับระยะ TOF 3D อีกด้วย ในเรื่องการออกแบบก็ปรับปรุงทั้งหน้าจอขอบโค้ง ติ่งแบบเล็ก และ ฝาหลังที่เล่นกับแสงสีได้สวยงามมากๆอีกทั้งยังมาพร้อม สแกนนิ้วใต้หน้าจอ ระบบ ลำโพงฝังในหน้าจอ และในเรื่องของการชาร์จไร้สาย ที่รองรับการชาร์จย้อนกลับให้คนอื่นได้ด้วยครับ ทางด้านระบบอะไรก็ยังเป็น Android 9.0 EMUI เช่นเดิม มาพร้อมกับ KIRIN 980 ต้องบอกว่าครั้งนี้จัดมาให้ค่อนข้างดีหลักๆจะเน้นกล้องหลังมากขึ้นเรื่อยๆครับและมันจะมีดีกว่าแค่กล้องหลังไหม ต้องมาดูกันสำหรับรีวิว P30 PRO 

Huawei P30 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นหลากหลายที่น่าสนใจทั้งเรื่องของกล้องหลังที่มาพร้อมกับเลนส์กล้องซูม 8MP Periscope ที่มีความยาวโฟกัส 125 มม.และ มี OIS ในด้านหลังที่ครั้งนี้มีกันสั่นมาให้ถึง 2 เลนส์คือตัวเทเล และ ก็เลนส์ปกติครับช่วยให้ภาพถ่ายดูคมชัดและนิ่งขึ้นมาก กล้องหลังมาทั้งหมด 4 ตัว เลนส์ซูม-เลนส์มุมกว้าง-เลนส์ปกติ-TOF 3D สำหรับการจับระยะ รวมถึงหน้าจอก็ใช้หน้าจอแบบ OLED แบบขอบโค้ง พร้อมกับ ลำโพงที่ส่งเสียงผ่านทางหน้าจอ จึงไม่มีรูลำโพงตรงด้านบนครับ รวมถึงการแสกนนิ้วบนหน้าจออีกด้วย ในเรื่องประสิทธิภาพนั้นมาพร้อมกับ  KIRIN 980 เช่นเดิม  RAM 8GB STORAGE 256 GB จัดเต็ม และการออกแบบฝาหลังที่สวยงามมากขึ้นเล่นกับแสงสีได้เยอะมาก ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรครับในรุ่นนี้ 

สำหรับราคาของทาง  Huawei P30 Pro 8GB/256GB นั้นเปิดมาที่ 31,990 บาท เข้าไทยทั้งหมด 4 สีครับ Black / Aurora / Amber Sunrise / Breathing Crytal

UNBOX

ตัวกล่องการออกแบบอะไรยังคงมาแบบเดิมครับ โทนสีขาวเขียนบอกชื่อรุ่นอะไรชัดเจน พร้อมกับ อุปกรณ์ในกล่องที่ค่อนข้างครบ และ ใช้งานได้เลยทั้งเคส และ หูฟัง ต่างๆ

  • ตัวเครื่อง HUAWEI P30 PRO
  • เคสใสนิ่ม TPU
  • หูฟัง Type-C
  • สายชาร์จ Type-C
  • ที่ชาร์จ Huawei Super Charge 40W
  • คู่มือ ที่จิ้มซิม
  • ไม่มีตัวแปลง Type-C 3.5  มาให้แล้วนะ

ตัวเคสนั้นเป็นเคสแบบใส่นิ่ม TPU ทั่วไปครับ แต่ชอบคือมันปกป้องเลนส์กล้องหลัง และ หน้าจอได้ดีคือเวลาวางนั้นไม่โดนเลนส์หรือตัวหน้าจอเลย มีความหนากลางๆไมไ่ด้หนาไม่ได้บางมาก สามารถใช้ชั่วคราวได้ ปกป้องได้ดีกว่าพวกเคสแถมแบบ Xiaomi ที่แบบนั้นจะบางไปมาก และ ไม่ปกป้องเลน์กล้องเลยครับอันนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี ด้านหน้านั้นแม้จะเป็นจอโค้งแต่ก็ทำออกมาได้ดีปกป้องได้ ด้วย และน่าจะติดฟิลม์ได้ง่ายไม่ได้กินขอบอะไรมากนัก

DESIGN

การออกแบบในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆจุดแต่จะแตกต่างกันมากๆคือในด้านหน้า และ ตัวกล้องหลังนิดหน่อยครับ เพราะ ยังคงการออกแบบที่ไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้านี้เท่าไร ส่วนติ่งหน้าจอนั้นก็มีขนาดเล็กลงรวมถึงลำโพงก็ได้หายไปแล้วในส่วนขอบบนหน้าจอครับ ในด้านหลังนั้นกล้องก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มกล้องมาเป็น 4 ตัวครับและการออกแบบฝาหลังนั้นไล่เฉดสีกันสวยงามเลย เป็นสีที่ค่อนข้างสวยและโดดเด่นมากๆครับ เป็นโทนสีขาวเล่นกับแสง

ด้านหน้าจอ เป็นหน้าจอแบบโค้ง P30 Pro จะไม่มีลำโพงอีกแล้ว แต่ใช้เทคโนโลยี Acoustic Display ส่วนในเรื่องของขนาดหน้าจอนั้น มีขนาด 6.47″ เป็นจอแบบโค้ง OLED 19.5:9, FHD+ (2340×1080 pixels) กล้องหน้าตัวเดียวมาแบบติ่งหยดน้ำ สามารถปิดติ่งได้ครับ ขอบรวมๆนั้นบางลงพอสมควรเลย

ขอบหน้าจอในส่วนขอบล่างนั้น มีความหนากว่าปกติเล็กน้อยครับ แต่ก็พยายามทำบางลงเรื่อยๆส่วนขอบซ้ายขวานั้นบางอยู่แล้วแต่ รอบนี้มาเป็นจอขอบโค้งทำให้ดูแล้วขอบนั้นบางกว่าปกติ แต่หลายๆคนนั้นอาจจะไม่ค่อยชอบขอบโค้งกันเพราะอาจจะจับไม่ถนัดและติดฟิลม์ยากครับ

ขอบหน้าจอส่วนบนนั้น จะเห็นวามีความบางลงเหมือนขอบข้างๆและติ่งหน้าจอนั้นเป็นแบบหยดน้ำเล็กลงกว่ารุ่นก่อน และถ้าใครมองดีๆจะไม่เห็นลำโพงแล้ว เพราะว่ารุ่นนี้ใช้ระบบส่งเสียงผ่านหน้าจอนั้นเองครับ จากที่ลองถือว่าชัดเจนดี

ในส่วนของขอบบนหน้าจอนั้นเป็นติ่งแบบหยดน้ำแน่นอนว่าสามารถตั้งค่าเปิดปิดติ่งหน้าจอได้เลยครับ ว่าใครชอบอะไรแบบไหนถ้าปิดแล้วจะเป็นแถบสีดำรวมถึงการแจ้งเตือนอะไรจะอยู่ในส่วนสีดำทั้งหมดครับ และซ่อนกล้องเนียนๆกันไป

ตัวขอบล่างของเครื่องนั้น จะมีรูลำโพง รูพอร์ต Type-C และ ไมค์ รวมถึงช่องใส่ถาดซิมครับ รองรับ DualSIM และ เพิ่มเม็มแบบ NM Card จากทาง Huawei เลือกเอาได้ว่าจะเพิ่มเม็ม หรือ จะใส่แบบ 2 ซิมครับ

ขอบด้านซ้ายนั้นจะเรียบๆไม่มีปุ่มอะไรทั้งนั้นครับ และจะเห็นการออกแบบ ที่ทั้งกระจกหน้า และ หลังนั้น จะเป็นขอบโค้งทั้งคู่แบบเดียวกับ Mate 20 Pro ทำให้เวลาจับถืออาจจะเข้ากับมือได้ง่ายและดูขอบบางกว่าเดิมครับ

ในส่วนขอบด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และ ปุ่ม Power ที่เป็นสีแดงๆ ทั้งหมดหลักๆมี 3 ปุ่ม จะไม่มีปุ่มพิเศษสำหรับเรียกพวก AI พวกนี้มาแบบหลายๆค่ายที่พยายามใส่กันเข้ามานะครับ

ด้านบนนั้นจะเห็นว่ายังคงมี IR สำหรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ และ มีรูไมค์ สำหรับอัดเสียง ตัดเสียงรบกวนมาอีกด้วยครับ เป็นเรือธงไม่มีค่ายที่ยังมี IR มาให้ครับหลายๆค่ายก็เริ่มเอาออกกันไปแล้ว

ตัวถาดซิมนั้นเป็นแบบ Hybrid ที่รองรับ NanoSIM อีกทั้งยังรองรับการใส่ถ้าเราเลือกใส่ 1 ซิม + NM Card ที่คิดค้นจากทาง Huawei เองด้วยครับ หรือจะเป็น ซิมคู่เลยก็ได้ครับ

กล้องหลังอันนี้คือจุดเด่นเพราะมาพร้อมกับเลนส์ที่พัฒนาร่วมกับ Leica มี 4 เลนส์  และ เลนส์แบบสี่เหลี่ยมที่รองรับการซูมได้โหดมากๆหรือเลนส์แบบ   Periscope  นั้นเองเป็นเทคโนโลยีใหม่สุดๆเลยสำหรับมือถือครับ

  • 40MP SuperSpectrum Wide angle, f/1.6, OIS
  • 20MP ultra wide angle, f/2.2
  • 8MP Periscope 5X Optical zoom, f/3.4, OIS
  • Time-of-flight camera / TOF 3D
  • 5X Optical Zoom, 10X Hybrid zoom, 50X Digital zoom

SPEC

  • หน้าจอ 6.47″ Curved OLED 19.5:9, FHD+ (2340×1080 pixels)
  • ชิป Kirin 980
  • RAM 8GB
  • STORAGE 128/256/512GB เพิ่ม Nano memory
  • 40MP SuperSpectrum Wide angle, f/1.6, OIS
  • 20MP ultra wide angle, f/2.2
  • 8MP Periscope 5X Optical zoom, f/3.4, OIS
  • Time-of-flight camera TOF 3D
  • 5X Optical Zoom, 10X Hybrid zoom, 50X digital zoom
  • กล้องหน้า 32MP, f/2.0
  • แบตเตอรี่ 4,200mAh (40W Huawei SuperCharge, 15W Wireless Quick Charge)
  • ฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging
  • กันน้ำ IP68
  • ไม่มีช่องหูฟัง 3.5mm

PERFORMANCE 

ทางด้านประสิทธิภาพนั้น P30 Pro ยังคงใช้ทางด้าน CPU KIRIN 980 เช่นเดิมครับเป็นตัวล่าสุดของค่ายรวมถึงทำคะแนนได้ 278458 คะแนน อันนี้ไม่แน่ใจทำไมคะแนนถึงได้เท่านี้ อาจจะต้องรออัพเดทก่อนขายจริงอีกรอบครับ ส่วนทางด้าน หน่วยความจุนั้นเป็น UFS2.1 ทำการอ่านไปได้ 900 MB/s และคแนน CPU 3243/9458 GEEKBENCH ครับรวมถึงความปลอดภัยในรุ่นนี้รองรับที่ Divevine L1 รองรับการดูหนัง NETFLIX HD ได้สบาย

SYSTEM UI 

สำหรับ Software นั้นมาพร้อมกับตัว EMUI ล่าสุดและ  Android 9 ครับ หน้าตาใกล้เคียงรุ่นเดิมแต่ปรับบางจุดเล็กน้อยครับ แอพการแจ้งเตือนเป็นจุด และ เลขในบางแอพ  และ App drawer นั้นสามารถเลือกได้ครับว่าจะมีหรือไม่มีทำให้เราสามารถตั้งค่าได้ครับ ไม่ได้ตัดออกไปไหน หน้าตาโดยรวมไม่ค่อยต่างจากรุ่นก่อนมากนักครับใน P20

สำหรับหน้าตา Quicksetting นั้นต้องบอกว่าอิงจากตัวเดิมแต่ปรับมาโทนสีขาวฟ้า และ ปรับแต่งได้ค่อนข้างเยอะเช่นเดิม อีกทั้งยังแบ่งหน้าจอได้ง่ายๆด้วยใช้ข้อนิ้วเคาะและลากครับก็จะสามารถแบ่งได้เลย

คียบอร์ดไทยนั้นยังคงใช้ Swiftkey เช่นเดิม ตัว P30 PRO มาพร้อมความจุถึง 256GB และ RAM 8 GB ครับ ว่างประมาณ 240 กว่าๆ และ RAM ใช้งานไป 3.36 GB ครับ เหลือๆสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปเลย

สำหรับตัวติ่งที่มีมาให้่ก็สามารถถมดำปิดไปได้ด้วยเช่นเดียวกันครับเนียนๆตาไปเลย หน้าตาแอพธีมอะไรก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ครับ ไอคอน การเปลี่ยนหน้าต่างๆ รวมถึงระบบเสียงก็รองรับ Dolby และปรับ EQ ได้ตามภาพเลยครับ และยังรองรับ Always On ด้วยแต่ไม่สามารถปรับแต่งอะไรได้มากนักครับในตัวนี้ตั้งค่าได้แค่เปิดปิดเท่านั้นเลย

ในส่วนของการควบคุมนั้นจะเลือกได้ว่าจะเอาแบบ ปัดเต็มจอ หรือ ปุ่มแบบเดิมๆ ก็สามารถเลือกได้เลย Gesture นั้นมีเลือกมากมายทั้งเคาะหน้าจอถ่ายภาพ แบ่งหน้าจออะไรพวกนี้ครับ ยกขึ้นมาจะเงียบพวกนี้ยังคงมีมาครบ และแน่นอนว่าสามารถ สแกนใบหน้าได้ด้วยสำหรับตัวนี้ ทำได้ไวพอสมควร แต่ใช้งานแบบกล้องที่มืดเลยสแกนไม่ติดครับ

Desktop  Mode ก็มีมาให้เหมือนเดิมสามารถเสียบกับทีวีได้เลยผ่านตัว HDMI-Type-C นะครับเมื่อเสียบไปแล้วมันจะมีให้เลือกระหว่าง เอาภาพหน้าจอมือถือขึ้นไป หรือจะใช้เป็นหน้าตาแบบ Desktop นั้นเองครับถือว่าสะดวกมากๆไม่ต้องใช้ตัวแปลงพิเศษอะไรเลยครับ และเหมือนใช้งานคอมพิวเตอร์เลย และใช้มือถือเราเป็น Touchpad

THEME

Theme หลากหลายหน้าตาก็สามารถโหลดมาใช้งานกันได้ครับ มีทั้งเสียตังและแบบฟรีครับ ซึ่งก็จะปรับเปลี่ยน ICON เป็นหลัก แต่ใน่ส่วนหน้าอื่นๆยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนมากนัก ต่างจากพวก Xiaomi พวกนั้นจะเปลี่ยนไปเยอะครับทั้งหน้าต่างๆ หน้าจอล็อคก็มีการเปลี่ยนไปตาม Theme ได้เล็กน้อย  หรือจะเปลี่ยนแยกกันก็สามารถทำได้

SCREE

หน้าจอ ของ P30 PRO นั้นมาพร้อมกับขนาด 6.47″ เป็นหน้าจอแบบขอบโค้งแบบตัว Mate 20 Pro เลยครับแต่เหมือนจะใช้จอคนละรุ่นกันนะ อัตราสว่น 19.5:9, ความละเอียดให้มาที่ FHD+ (2340×1080 pixels) ในเรื่องของความคมละเอียดของตัวจอ สีสันสวยงาม สดตามแบบ OLED เลยครับ ที่มืดก็หรี่ลงได้ค่อนข้างเยอะครับ โดยรวมหน้าจอไม่มีอะไรให้ติเลยครับ จอนั้นใช้กระจก Gorilla Glass แต่ไม่ได้ระบุรุ่นแน่นอน ก็หาฟิลม์กระจกติดไว้กันดีกว่าครับ ส่วนคุณภาพโดยรวมตัวนี้จอทำได้สวยและสีตรง รวมถึงความคมชัดก็ใช้ได้ในระดับ FHD+ ครับ ในเรื่องของปัญหาแบบรุ่น Mate ยังไม่เจอในรุ่นนี้คาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนหน้าจอกันอยู่เหมือนกันครับ ส่วนจอขอบโค้งเอาจริงๆไม่ค่อยชอบเพราะมันโดนขอบข้างได้ค่อนข้างง่าย แม้จะมีระบบป้องกันอะไรแต่บางทีก็ไปโดนเวลา ถือมือเดียวก็มีไปโดนขอบๆบ้างครับ และ ยังไม่ค่อยใช้ประโยชน์จากขอบโค้งได้ดีเท่าที่ควรในแง่ของฟีเจอร์ในการใช้งานนะครับ

หน้าจอแม้จะเป็น OLED แต่ตัวนี้เหมือนจะสู้แดดไม่ได้ดีเท่าไรนักครับถ้าเรามองในระดับ OLED ด้วยกันแต่แน่นอนว่ามันดีกว่า LCD อยู่แล้วหละ แต่รู้สึกว่าตัว Mate นั้นจะทำได้สว่างกว่านี้นะ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปในเวลาปกติก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับผมในการใช้งานที่ไม่ได้กลางแจ้ง ส่วนเรื่องหน้าจอส่งเสียงผ่านหน้าจอในลำโพงส่วนบนก็ทำได้ดีครับได้ยินชัดเจนและไม่เจอปัญหาอะไร เหมือนมีลำโพงปกติเลย ถือว่ารวมๆหน้าจอใช้ได้แต่ขาดเรื่องการสู้แสงแดดและหน้าจอขอบโค้งนอกจากทำให้ดูเหมือนขอบบางแล้วยังไม่เจออะไรที่จำเป็นต้องใช้ขอบโค้งเท่าไรเลยในรุ่นนี้

ALWAYS ON

หน้าจอ Always On ในรุ่นนี้มีให้ตั้งค่าเหมือนกันเพราะเป็นจอ AMOLED แล้วแต่น่าเสียดายมากๆที่มันปรับแต่งอะไรไม่ได้เท่าไรหรือปรับไม่ได้เลยครับ เพราะมันสามารถตั้งค่าได้แค่เปิดหรือปิด และ ตั้งค่าว่าแสดงเวลาไหนบ้างเท่านั้นไม่สามารถปรับแต่งธีมสี หรือ แนวอักษรได้เลย หรือจะเปลี่ยนนาฬิกาเป็นแบบอื่นก็ทำไม่ได้เช่นกันครับน่าเสียดายนะจริงๆเพราะใช้จอ AMOLED แล้วนั้นน่าจะทำให้ปรับแต่งอะไรได้มากกว่านี้ครับ แต่พวกนี้่น่าจะอัพเดทได้ไม่ยากนะ

FINGERPRINT

การสแกนนิ้วนั้นในรุ่นนี้จากรุ่นเดิมที่เป็นสแกนนิ้วในด้านหลัง เปลี่ยนมาใช้สแกนนิ้วหน้าจอทั้งหมด รวมถึงรุ่น P30 ด้วยครับ ส่วนด้านการสแกนนิ้วนั้นเป็นสแกนนิ้วแบบหน้าจอแบบ  Optical  เหมือนในรุ่นอื่นๆการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ไวเหมือนกันนะเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในระบบเดียวกันแม้อาจจะไม่ใช่แบบ Ultrasonic ซึ่งจะแตกต่างกันในด้านความเร็ว และ การใช้งานแบบมือเปียกนั้นเองครับ ถือว่าเป็นจุดที่ดีและใช้งานได้โอเคกว่าที่คิดเลยแหละ ใช้งานได้ขณะจอปิดและสามารถแตะได้เลยครับไม่ต้องกดปุ่มเปิดเครื่องก่อน

SOUND

ในเรื่องของเสียงนั้นเป็นอีกจุดที่ทางค่ายนี้อาจจะไม่ได้เน้นอะไรมากครับทั้งในด้านลำโพง และ หูฟัง ในรุ่นนี้ไม่มีรู 3.5มม.แล้วครับมาพร้อมหูฟังแบบ Type-C และผมไม่เห็นตัวแปลงมาให้นะครับในรุ่นนี้ ส่วนเรื่องของเสียงนั้นในเรื่องของ Software กันก่อนมีตัวปรับเสียง Dolby Atmos มาให้ครับสำหรับเสียงดูหนัง เล่นเกมต่างๆเสียงยังคงคล้ายๆรุ่มเดิมไม่ได้โดเด่นมากนัก เสียงกลางๆ กำลังขับกลางๆครับ เบสพอมีฟังสนุก เสียงร้องชัด เสียงแหลมเด่นและแอบจัดไปหน่อย การที่ตัดรู 3.5มม.ออกไปนั้นก็น่าเสียดายไปนิดหน่อยแต่คงจะพยายามดันไร้สายเข้ามามากขึ้นครับ แต่ถ้าสายฟังเพลงนั้นก็สามารถหา DAC ตัวแปลงอะไรมาต่อเพิ่มได้สำหรับฟังเสียง 3.5มม. และ คุณภาพเสียงจะดีขึ้นแล้วแต่ DAC ที่เข้ามาต่อได้เลยครับก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับสายฟังเพลง

ทางด้านหูฟังในรุ่นนี้เป็นหูฟังทรงเดียวกับในตัว Mate 20 Pro ก่อนหน้านี้เลยครับทั้งรูปทรงรวมถึงคุณภาพเสียงนั้นเป็นแบบเดียวกันเลย มีตัวควบคุมมาให้ในการรับสาย ไมค์ รวมถึงเพิ่ม-ลดเสียงครับ  สายทั้ง 2 ข้างยาวเท่ากัน หูฟังตัวนี้เสียงออกกลางๆ เบสไม่แน่น เสียงโทนสูงแหลม โปร่งๆ ไม่ได้เด่นในเรื่องฟังเพลงมากนัก แต่ดีตรงที่ใส่สบายเวลาออกกำลังหรือไปข้างนอกวิ่งพวกนี้ ไม่ร้อนหูแบบพวก inear ค่อนข้างเบา และไม่แน่นเกินไป คุณภาพเสียงเลยลองลงมาเน้นใช้งานคุยโทรศัพท์หรือคนที่ไม่ได้เน้นอะไรมากก็พอไหว หรือใช้เวลาออกกำลังก็จะทำได้ดีครับผมฟังนานๆไม่ล้าเท่าไรแต่แอบไม่ชอบมันติดแหลมไปนิดครับในส่วนของหูฟังแถมในกล่อง

SPEAKER 

ลำโพงในรุ่นนี้น่าเสียดายมากๆมันมาแค่ลำโพงเดี่ยวซึ่งในรุ่นก่อนหน้านั้นเป็นลำโพงคู่ด้วยนะ น่าเสียดายมากๆน่าจะเป็นที่ต้องการลดขอบด้านบนให้มันบางๆเลยต้องทำใจตัดมันออกไปครับผม แต่เห็นมันเป็นลำโพงเดี่ยวนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะแย่เลยนะ ลำโพงในรุ่นนี้เป็นลำโพงเดี่ยวที่ทำความดังได้ดีมากๆ จนสู้กับลำโพงคู่ได้สบาย แต่ในเรื่องเวทีเสียง ความกังวาล แยกซ้ายขวา อันนั้นต้องยอมครับ จากในคลิปนั้นลองดูกันเลยเจอลำโพงคู่มันก็ไม่ได้แย่เลยนะ สู้ได้สบายดังกว่า เสียงคนร้อง เสียงคนชัดเจนกว่า แน่นกว่า จะแพ้แค่ตอนแยกซ้ายขวา หรือ เวทีเสียงอาจจะสู้ไม่ได้ครับแต่ความชัดเจน ความดังนั้นเอาเรื่องเลยสำหรับทาง P30 Pro ถือว่าไม่ได้แย่เลยลำโพงแต่แค่มันไม่สุดแค่นั้นเองเสียดายนิดๆ

GPS

ในเรื่องของ GPS หลังจากรุ่น Mate 20 ที่ได้ลองไปการใช้งานมันก็ดีขึ้นเยอะมากครับจากที่แต่ ก่อนนั้นค่ายนี้ชอบโดนบ่นกัน จากที่ลองทดสอบใช้งานจริงรวมถึงในแอพนะครับ ถือว่าทำได้ดีมากๆไม่ค่อยเจอค่ายไหน จับได้ เท่ากับจำนวนที่เจอแบบนี้มาก่อนเลยนะถือว่าโหดมากๆจำนวนที่จับได้เจอ 40 จับได้ 40 และ เจอ 48 จับได้ 48 ประมาณนี้ สถานะเหลือง+เขียวค่อนข้างดีและนิ่งครับในการนำทางจริงๆนั้นไม่เจอปัญหาหลุดอะไร นำทางจัดได้ว่าโอเคและไม่ใช่จุดอ่อนแล้วนะครับถือว่าไว้ใจได้แล้วในการนำทาง สบายๆเลยครับจับได้เยอะมากๆเท่ากับจำนวนที่เจอเลยแหละ

BATTERY 

ตัวแบตนั้นแน่นอนว่า KIRIN นั้นทำมาได้ดีตลอดๆในรุ่นก่อนหน้าครับ และด้วยการใช้  980 ตัวใหม่ยิ่งช่วยในเรื่องนี้ได้สบายและแน่นอนตัวจอ FullHD ก็มีส่วนช่วยด้วยรวมถึงความจุแบต 4200 จัดหนักจัดเต็มใช้ยังไงก็ไม่หมด ทั้งวันได้แบบสบายๆจนเหลือๆครับ แอดมินใช้ทั้งหมด 13 ชั่วโมง หน้าจอเปิดไปทั้งหมด 8 ชั่วโมง เน้นใช้งานคือ เล่นเกมส์ โซเชี่ยว และดู Youtube หนักๆเลย จริงๆจากที่ลองมาหลายๆตัวเรื่องของอายุการใช้งานแบตค่ายนี้ไว้ใจได้เสมอจากที่ลองๆมาในหลายๆรุ่น Kirin  ค่อนข้างประหยัดแบตพอสมควรครับในรุ่นหลังๆ เป็นอีกจุดเด่นที่หลายๆตัวนั้นสู้ได้ยากจริงๆ

CHARGING 40W ใช้เวลา 60 นาที เต็ม 100% 

อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจครับตัวแบตรุ่นนี้รองรับการชาร์จเข้าแบบไวมาก 40W ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถเต็มได้จาก 8-100% ครับ โดยใช้สายชาร์จและที่ชาร์จที่มากับกล่องนะครับถือว่าทำได้ไวเลยและภายใน 30 นาทีนั้นสามารถชาร์จได้มากกว่า 50% เดี๋ยวนี้หลายๆค่ายเริ่มพัฒนาชาร์จไวกันมากขึ้นและเป็นข้อดีที่ทำให้หลายๆคนตัดสินใจ เพราะเวลาในการชาร์จมีผลอย่างมากถ้าวันไหนเราลืมชาร์จและต้องไปข้างนอกหรือไปต่างถิ่นที่ไม่สามารถนั่งรอชาร์จ 2 ชั่วโมงอะไรแบบนี้ได้ หรือมีเวลาแค่ 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เกิน 50% ได้ด้วยครับถือว่าช่วยได้เยอะ

GAMING 

ในด้านของตัวเกมส์ตัวนี้เป็น CPU Kirin 980 7nm ตัวล่าสุดมาพร้อม GPU Turbo บอกเลยว่าเกมส์ที่รองรับทำได้สบาย สามารถปรับสุดได้เลย ตัวภาพ PUBG ในส่วนของเกมส์อื่นๆนั้นทำได้ดีเลยไม่ว่าจะเป็น ROV -INJUSTICE 2- ROS -FORTNITE พวกนี้สบายลื่นๆตามคลิปได้เลยครับส่วนเรื่องของความร้อนหรือแบตนั้นทำได้ดี ไม่ร้อน และ อึดพอสมควรครับ ระบบระบายความร้อนรวมถึงตัว 7nm ช่วยได้อย่างมากในเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องของเกมส์ที่ไม่ได้รองรับ GPU TURBO บางเกมส์นั้นอาจจะไม่ได้ลื่นมากนักแต่เกมส์ทั่วไปที่แอดมินลองต้องบอกว่าสบายๆเลยแหละ ความลื่นไหลติดนิ้วดีกว่าเดิมด้วยหน้าจอแค่ FHD+ ทำให้มันรองรับการทำงานได้ไม่กินทรัพยากรเครื่องมากเท่าไร

CAMERA 

กล้องหลังของรุ่นนี้นั้น พัฒนาขึ้นในหลายๆอย่าง ทั้งมาพร้อม 4 กล้อง ที่รองรับ เลนส์ระยะเทเล มุมกว้าง มุมปกติ และ TOF จัดเต็มเลยและรองรับ การซูมแบบ ซูมได้ถึง 5X Optical Zoom, 10X Hybrid zoom, 50X digital zoom รวมถึงสามารถถ่ายได้มาโครใกล้ๆที่  2.5 ซม เซนเซอร์มีขนาดใหญ่และปรับมาใช้เซนเซอร์แบบ RYYB  ทำให้รับแสงได้ดีกว่าเดิม รวมถึงรองรับ ISO สูงสุดที่ 409600  และมี Night Mode ที่ทำงานร่วมกับ AIS ที่เป็นการนำระบบกันสั่นมาทำงานร่วมกับ AI ยังคงมีมาให้ครับ และ ในเรื่องโหมดถ่ายภาพก็ทำได้ง่ายและสะดวกเหมือนเดิมเลยแหละ ถือว่าในเรื่องกล้องครั้งนี้นั้นได้พัฒนาไปอีก และ คะแนน DXOMARK 112 คะแนนสูงสุดเลยในตอนนี้

PORTRAIT 

NIGHTMODE 

ISO 409,600

SELFIES 

กล้องหน้าก็พัฒนาขึ้นนะในเรื่องของความละเอียดนั้นมาเต็มขึ้นที่ 32MP, f/2.0 แบบ Fix Focus ครับ รองรับการถ่ายละลายหลังอะไรปกติเลย รวมถึงฟีเจอร์แต่งหน้าเนียนอะไรทั้งหลายมาให้ครบ โทนภาพดีกว่ารุ่นเดิมไม่ขาวเวอร์และหลอกตาอะไรมากนัก แต่ยังคงเป็นสไตล์ Huawei แบบชัดเจนครับหลายๆคนอาจจะไม่ได้ชอบเท่าไรแต่ก็ดีกว่ารุ่นก่อนๆพอสมควรเลยแหละเท่าที่ลองใช้งานมานะครับทั้งแสงน้อยและกลางวัน

VIDEO 

วีดีโอในรุ่นนี้จริงๆมันรองรับการถ่ายแบบ 2 ระยะพร้อมกันแต่เครื่องในตอนนี้ยังไม่มีอัพเดทมานะครับเลยยังไม่ได้ลองเท่าไรในโหมดนั้น ส่วนการถ่ายทั่วไปนั้นรองรับแค่ 4K 30FPS – FHD 60/30FPS – HD – HD 960FPS นะครับ และครั้งนี้มีการโปรโมทกันค่อนข้างเยอะว่ากันสั่นนั้นทำได้ดีขึ้นด้วย OIS+AIS อีกมากมายเพราะในรุ่นก่อนๆด้านวีดีโอนั้นคือจุดอ่อนของค่ายนี้ก็ว่าได้ครับแต่ครั้งนี้เหมือนจะพัฒนามามากขึ้นแล้วจะเป็นยังไงไปดูในคลิปได้เลย และหลังจากที่ลองใช้งานจริงๆมันก็ดีขึ้นนะครับ ในหลายๆด้าน แต่กันสั่นนั้นอาจจะไม่ได้สุดเท่าไรยิ่งเมื่อเทียบกับของ S10+ นั้นตัวนั้นเหมือนจะนิ่งกว่าถ้าเปิดโหมด Super Steady ด้วยแล้วจะค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งการถ่ายยังไม่มี 4K 60FPS และ ตัว 30FPS ยังมีจำกัดแค่ 10 นาทีเท่านั้นครับ ส่วนทาง Super Slow ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไร ไม่ได้สมูทและช้าแบบค่ายอื่นๆครับเป็นเพราะเทคโนโลยีที่เอามาใช้งานนั้นอาจจะแตกต่างกันในเรื่อง 960Fps

DUAL VIEW

โหมดนี้เป็นโหมดใหม่ในการใช้เลนส์ Ultra Wide และเลนส์ Tele พร้อมกัน พึ่งมีอัพเดทมาไม่กี่วันนี้เองครับ วิธีการทำงานนั้น เมื่อทำการบันทึกวิดีโอ ฟีเจอร์ Dual-view video จะทำการแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 หน้าจอ แบ่งเป็นอีกฝั่งนั้น Ultra Wide ส่วนอีกหน้าจอจะเป็นภาพแบบซูมจากเลนส์ Tele  สามารถซูมได้จาก 2 -15 เท่ากันเลยครับ พร้อมความละเอียดในการบันทึกระดับ Full HD+ (2336×1080 พิกเซล) ถือว่าน่าสนใจแต่โอกาศได้ใช้งานนั้นก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะเน้นมากไหม ช่วยได้ในเวลาไปคอนเสิร์ทต่างๆก็ถือว่าเก็บได้ทั้งคนและบรรยากาศเลยแหละครับ

HUAWEI P30 PRO 

” Huawei ยังคงทำได้น่าประทับใจเรื่องกล้องเสมอ และ ครั้งนี้มันคือการพัฒนาที่ว้าวกว่าเดิมไปอีก ! ”

Huawei ต้องบอกว่าค่ายนี้ยังคงพยายามเน้นหนักๆในเรื่องของกล้องหลังมาเสมอทั้งกล้องคู่ กล้องขาวดำต่างๆมากมายและแน่นอนว่าการร่วมมือพัฒนากับค่าย Leica ทำให้มันน่าสนใจกับคนวงการสายกล้องมากขึ้นเรื่อยๆ ในรุ่น P30 Pro ได้มีการเปิดตัวมาด้วยความว้าวของกล้องหลังที่ซูมได้โหดมากๆ 10X แบบไม่เสียรายละเอียดและมากสุดๆ50X โดยรวมค่อนข้างประทับใจนะ และ ในเรื่องของการออกแบบก็ได้พัฒนาจอขอบโค้งอะไรมาใส่ใช้งาน สแกนนิ้วใต้หน้าจอ รวมถึงลำโพงใต้หน้าจอด้วยนั้นเอง อีกทั้งการออกแบบยังเน้นในเรื่องของฝาหลังที่สวยงามกว่าเดิมเยอะเป็นการพัฒนาที่เน้นเรื่องกล้องเป็นหลักเช่นเดิม หลายๆอย่างลงตัวมากขึ้นนะ ใครที่อยากได้มือถือที่ถ่ายง่าย แต่งภาพไม่เป็น กดๆถ่ายให้มันสวยก็พอตัวนี้ตอบโจทย์มากๆ การใช้งานทั่วๆไปก็ลงตัวขึ้นเยอะ แต่ก็มีบางจุดที่ยังไม่สุดเช่นการถ่ายวีดีโอที่ยังไม่ดีเท่าไร และ ในเรื่องของการรองรับ micro sd Card และ รวมถึงไม่มีรู 3.5มม.แล้วด้วย อีกทั้งในเรื่องของจอขอบโค้งมันดูไม่ค่อยมีความจำเป็นเท่าไร ยกเว้นแค่ทำให้ขอบดูบางขึ้นเท่านั้นเองครับ

ข้อดี

  • ฝาหลังการออกแบบไล่สีได้สวยงามมากๆ
  • กล้องหลัง Periscope ซูมได้คมชัด และ ว้าวมากๆ
  • เลนส์มุมกว้างพัฒนาขึ้นในแง่คุณภาพการใช้งาน
  • กล้องหน้าพัฒนาขึ้น ดูดีขึ้นไม่หลอกตาแบบรุ่นก่อน
  • แบตเตอร์รี่ที่อึดมากๆ
  • ระบบเสียงผ่านหน้าจอทำได้ดีและชัดเจน
  • ชาร์จไร้สายไว และ รองรับการชาร์จย้อนกลับ
  • โหมดกลางคืนทำได้ดีขึ้นมาก
  • GPS ทำได้ดี แม่นยำ และ จับได้นิ่ง

ข้อสังเกต

  • ยังไม่รองรับการถ่าย 4K 60FPS
  • หน้าจอขอบโค้งอาจจะไม่ถูกใจหลายๆคน
  • ไม่มีรู หูฟัง 3.5มม.
  • หน้าตา EMUI  ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไร
  • ลำโพงตัวเดียวด้านล่าง
  • หลังจากมีข่าวการ Google หลายๆคนอาจจะกังวล แต่แน่นอนว่าทาง Huawei ออกมาบอกแล้วนะครับว่าทาง Huawei จะไม่ปล่อยและมีอัพเดทมาให้กันอยู่แน่นอน จะยังคงให้บริการอัพเดทซอฟท์แวร์ด้านความปลอดภัยและบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดต่อไป

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares