HONDA CIVIC ถือว่าเป็นรถยนต์ตระกูลนึงที่ได้รับความนิยมคู่กับประเทศไทยมาอย่างนาน ด้วยราคา ขนาดตัวรถและแน่นอนว่า วัยรุ่นเอาไปแต่งทำต่อกันได้เยอะมากไม่ว่าจะเป็นรุ่นแรกๆ หรือ แม้แต่รุ่นหลังๆเรามักจะเห็นบนท้องถนนเยอะมากจริงๆ ทั้งแบบเดิมๆ หรือแต่งแบบสุดๆ ด้วยการออกแบบ ราคา อะไหล่หรือเอาไปทำต่อมันง่ายและอิสระมากๆ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมรุ่นนี้ถึงได้รับความนิยมและยอดขายพุ่งมาโดยตลอดและตอนนี้ก็มาถึงรุ่นที่ 11 ของ CIVIC กันแล้วซึ่งในรุ่นนี้ หลังจากที่เห็นรูปในงานเปิดตัวเมืองนอกก็ รู้สึกเลยว่ามันค่อยๆทิ้งความเป็น ญี่ปุ่น ความเป็น CIVIC ไปมากกว่าเดิม มันโตขึ้น หรูขึ้น ยุโรปมากกว่าเดิมทันทีถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนหน้าบอกเลยว่าพัฒนาขึ้น รวมถึงในเรื่องของ ฟีเจอร์ เทคโนโลยี รวมถึงความแรงและการขับขี่ดีขึ้นในหลายๆส่วนทำให้มันยังคงเป็นรถที่ลงตัว

HONDA CIVIC TURBO ในรหัส FE เองนั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ 1,500 ซีซี. กำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า และแน่นอนว่าถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อน แรงม้า แรงบิด ดีขึ้นเยอะขึ้น และ รองรับ E85 ส่วนทางด้านขนาดตัวรถเองดูใหญ่ขึ้นแน่นอนว่า สเปกมันจริงๆ ยาว กว้าง และ เตี้ยลงกว่าเดิมทำให้มันดูสปอร์ตขึ้นเล็กน้อย ส่วนทางด้านฟีเจอร์พื้นฐานให้มาครบทุกรุ่นคือ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และตัว ระบบ Honda SENSING ที่มาทั้ง เตือนการชนด้านหน้า และ เบรกให้ การควบคุมอยู่ในเลน เตือนออกนอกเลนถนน และ ไฟสูงต่ำอัตโนมัติ รวมถึง ระบบ Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following และ เตือนเมื่อรถข้างหน้าขยับ ซึ่งทำให้มันสามารถขับบนทางหลวงและตามคันข้างหน้า เบรก ชะลอ เลี้ยวโค้ง และ เร่งเองได้แบบสบายๆเลยนั้นเองในทุกรุ่น แต่ในรุ่น RS เราจะได้หน้าจอสวยๆมาใช้งานบนหน้าปัด พร้อมกับแสดงผลแบบ 3 มิติ 3 เลนถนน Full Digital TFT ขนาด 10.2 นิ้ว รวมถึงการรองรับ Apple Carplay ไร้สาย และ มีที่ชาร์จไร้สายพร้อมกับ ไฟตกแต่งภายในสีแดงเสริมเข้ามาใน RS ส่วนด้านนอกเราจะได้ชุดแต่ง RS เสริมสีดำทั้งหมด กระจกมองข้าง มือจับ และ ล้อสีดำ พร้อม Ducktail ขนาดใหญ่ รวมถึงกล้อง Lanewatch ก็ยังคงใส่เข้ามา แต่น่าเสียดายว่ายังไม่มี BSM หรือ กล้องรอบคันเสริมเข้ามาในรุ่นนี้ครับ

PRICE 

  • HONDA CIVIC  1.5 TURBO EL  964,900 บาท
  • HONDA CIVIC 1.5 TURBO EL+  1,009,900 บาท
  • HONDA CIVIC 1.5 TURBO RS  1,199,900 บาท

EXTERIOR

งานออกแบบมีอารมณ์คล้ายกับรุ่นพี่ ACCORD ในหลายๆส่วนรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากรุ่นที่แล้ว มีความเป็นรถยุโรปมากกว่าเดิม เส้นสายคลีนมากขึ้น พยายามเน้นความโค้งเว้าและลดในส่วนโครเมียมออกทั้งหมด ทำให้มันดูดีขึ้นหลายๆส่วน กลายเป็นรถที่ดูโตขึ้นชัดเจน ถ้าหากมองในรุ่นก่อนหน้าจะคล้ายๆกับวัยรุ่นที่เส้นสายเยอะแยะมากมาย เน้นความสปอร์ตแบบสุดๆ ซึ่งถ้าคนที่ชอบรุ่นที่แล้วก็อาจจะไม่ชอบรุ่นนี้ได้เหมือนกัน แม้ว่ารุ่นนี้จะทำให้ดูหรูขึ้นแต่ก็มีการเสริมความสปอร์ตเข้ามาโดยเส้นสายส่วนล่างและเสริมสีดำเข้ามาในหลายๆส่วนรวมถึงในด้านท้ายรถด้วย

ตัวรถเองถ้ามองเทียบกับ FC ก่อนหน้านั้นจะมีทั้งความยาวมากว่าเดิม กว้างขึ้นกว่าเดิม และ ฐานล้อที่มากกว่าเดิม รวมถึงเตี้ยลงจนหลายๆคนมองกันว่าขนาดใหญ่จะเทียบเท่ากับรุ่นพี่กันซะแล้ว และเราจะเห็นเส้นสายการออกแบบด้านข้างเส้นสายบ่าตัวรถมีแนวเส้นตรง มากกว่าเดิม มีกลิ่นอาย Accord มากขึ้น หรูมากกว่าเดิม เส้นสายที่น้องลงทั้งหน้าและหลังทำให้ตัวรถมันสวยด้วความโค้งเว้าได้มากกว่าเดิมเยอะมาก ส่วนตัวรู้สึกชอบและดูดีขึ้นจริงๆ ต้องบอกว่าสีเงิน Lunar Silver คันจริงสวยเมื่อเจอแสงเงา หรือ แสงเย็นจะเด่นขึ้นจากที่ตอนแรกมองว่าอาจจะไม่ค่อยเข้ากับตัวรถก็ตาม แต่เมื่อมีแสงเงาเยอะๆเจอกับสีดำในหลายๆส่วนก็มีความดุดันเข้ามาในตัวรถมากกว่าเดิมเช่นกัน

ในด้านหลังตรงๆเราจะเห็นไฟท้ายทรงใหม่ทั้งหมด จากที่รุ่นก่อนจะมีการเอาการออกแบบตัว C แต่ครั้งนี้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดถือว่าสวยและลงตัวแอบชอบมากกว่า Accord ซะอีกครับ แต่บางคนอาจจะมีบอกว่าแอบคล้ายบางรุ่นบ้างก็ตามแล้วแต่ความชอบ พร้อมกับท่อไอเสียจริง 2 ท่อ รวมถึง ตูดเป็ดด้านหลังขนาดใหญ่ทำให้ตัวรถดุดันพอสมควร รวมถึงในด้านหน้าเองนั้นมาพร้อมกับไฟหน้าแบบใหม่ FULL LED ทั้งหมดพร้อมไฟเลี้ยว และ DRL รวมถึงในรุ่น RS เราจะเห็นโลโก้ RS ในด้านหน้า รวมถึงชุดกันชนที่เน้นการตกแต่งสีดำทั้งหมด และช่องดักลมตรงกลางขนาดใหญ่ ถือว่าเส้นสายเรียบกว่าเดิมเยอะมากๆ และ ไม่เจออะไรที่เป็นสีเงินโครเมียมเลยแม้แต่น้อยในรุ่นนี้ด้านหน้า

ไฟหน้าในรุ่น RS จะเป็นแบบ FULL LED ทั้งหมดที่เป็นแบบช่องๆที่ทางค่ายนี้นิยมใช้งานทั้งใน Accord City เลยนั้นเอง รวมถึงในไฟสูงจะอยู่ตรงกลางที่เป็นแบบ Auto High Beam ที่จะเปิดปิด เมื่อมีรถสวน แต่จะไม่ได้มีหลบหลีกเป็นช่องๆอะไรนะครับ แต่ถ้ารุ่นอื่นๆจะเป็นโคม Projector แบบไฟเหลืองๆ Hologen แทนนั้นเองครับและไฟเลี้ยวหลอดไส้ ทำให้ไฟหน้าตัว RS จะสว่างและได้เปรียบมากกว่า แต่น่าเสียดายไม่มีกล้องหน้าอะไรใส่เข้ามาให้เลย

ด้านข้างเราจะเห็นเทคโนโลยี Lanewatch ด้านข้างที่มีมาให้แค่ข้างซ้ายเท่านั้นแม้การออกแบบจะแปลกตาไม่สวยเท่าไรแต่ก็ใช้งานได้ดี เสียแต่ว่าเรื่องความคมชัดมันไม่ดีเท่าไรและในด้านขวายังไม่มีมาให้ครับ แต่เราจะได้การตกแต่งสีดำสวยงามพร้อมกับตัวล้อ 17 นิ้ว สีดำด้านซึ่งเป็นลวดลายที่สวยแต่ถ้าได้ลายแบบเมืองนอก 18 นิ้วน่าจะดีกว่านี้เพราะว่าในรุ่น RS น่าจะซิ่งได้มากว่านี้ครับ แต่ไม่แน่ทาง HONDA อาจจะเก็บไว้ใส่ใน eHEV ก็เป็นไปได้

ในด้านท้ายเราจะเห็น ตูดเป็ดขนาดใหญ่ที่เน้นความสวยงาม และ โดดเด่นในเรื่องแรงกดด้านหลังมากขึ้นพร้อมกับไฟท้ายที่ด้านข้างก็ถือว่าสวยเลยทีเดียว รวมถึงส่วนตัวชอบการวางท่อในด้านหลังที่สวยและเป็นเหมือนท่อแต่งเลย การทำชิ้นงาน หม้อพัก และ งานเชื่อมอะไรสวยและดูดีมากๆครับ อันนี้ถือว่าเป็นการเก็บงานอะไรที่สวยในส่วนใต้ท้องรถ

ไฟท้ายในรุ่นย่อยจะเป็นแบบเดียวกันมาพร้อมกับรูปทรงขนาดใหญ่ที่เล่นสีดำแดงพร้อมกับไฟ LED ทั้งเส้นในส่วนไฟเบรก และ ไฟหรี่เส้นตัว L ขนาดใหญ่ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีไฟตัดหมอกหลัง และ ไฟเลี้ยว ไฟถอย ยังเป็นหลอดไส้ซึ่งในยุคนี้น่าจะเป็นแบบ Full LED ทั้งหมดได้แล้วครับแต่ยังดีที่ไฟส่องผ่ายทะเบียนนั้นให้เป็น LED สีขาวพร้อมกับกล้องมองหลังใส่เข้ามา แต่ในด้านท้ายเราจะไม่มีเซนเซอร์รอบคันอะไรมาให้ทั้งนั้นครับมีแค่กล้องอย่างเดียวล้วนๆ

INTERIOR

งานออกแบบภายในยกระดับใหม่ทั้งหมด เราจะคุ้นเคยความหวือหวา อวกาศ ในรุ่นก่อนๆ หน้าจอหลายชั้นมากมายแต่พอมารุ่นนี้ทุกอย่างกลับสู่ความเรียบหรูทันทีซึ่งอย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้มันให้ฟีลรถยุโรปและโตมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดจากภายใน และทาง Honda เองก็ยังคงเก่งเรื่องของการออกแบบ User Friendly มากๆ ปุ่มใช้งานได้ง่าน ตำแหน่งเข้าถึงดี และ ข่องวางของ ใช้งานครบ รวมถึงมีความโปร่งและกว้างขวางไปในตัว งานออกแบบส่วนตัวชอบและดูดีเรียบแต่เน้นใช้งาน วัสดุสวยแม้อาจจะไม่พรีเมียมสุดแต่ก็ทำได้ดี รวมถึงช่องแอร์แบบใหม่ที่แปลกตาพอสมควรครับ การขับขี่นั่งโปร่งโล่ง สบาย และไม่อึดอัดเป็นจุดที่ทำได้เหนือคู่แข่งที่ดูแน่นและแคบกว่าชัดเจนเลย

พวงมาลัยรุ่นนี้เปลี่ยนใหม่ในรุ่น RS เราจะได้เดินด้ายสีแดงเสริมเข้ามา ส่วนพวงมาลัยออกแบบมาสวยและปุ่มเยอะเช่นเดิม รองรับการสั่งงานในด้านซ้าย ควบคุมหน้าจอเรือนไมล์ และ เครื่องเสียง ส่วนทางด้านขวาจะควบคุมหน้าจอเรือนไมล์ฝั่งขวา และ ควบคุมเรื่อง Honda Sensing ทั้งหมด รวมถึง Adaptive Cruise และ เตือนออกนอกเลนต่างๆนั้นเองครับ ถือว่าปรับได้อิสระและทำงานร่วมกับหน้าจอ Full Digital ได้ง่ายและสวยงามมากๆ อันนี้ชอบการออกแบบหน้าจอเรือนไมล์ใช้งานได้จริง ปรับแต่งได้หลากหลายแบบ และมีหน้าจอโชว์การขับขี่ถนนเลนอื่นๆได้ด้วย ซึ่งหน้าปัดจะเปลี่ยนเป็นแบบ แถบแบบในภาพ หรือจะเป็นเข็มวงกลมได้ 2 แบบหลักๆและตรงกลางจะเป็นการแสดงผล Lane ทั้งหมดเมื่อใช้งาน Honda Sensing นั้นเองว่ารถข้างๆเป็นรถอะไรขับอยู่ตรงไหนบ้างสวยงามทีเดียว

คอนโซลกลางเองนั้นในด้านล่างจะเป็นที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งพร้อมกับวัสดุแบบปุ่มๆที่ช่วยให้ไม่มีรอยขนแมวได้ดีรวมถึงมีโหมดเปลี่ยนการขับขี่ Sport – Eco เข้ามาซึ่งเมื่อเปิด Sport จะมีการลากรอบเยอะขึ้นชัดเจนครับ รวมถึงมี Brake Hold เข้ามาให้ใช้งานด้วยเช่นกันและในด้านหน้าจะเป็นช่องสำหรับชาร์จมือถือแบบไร้สาย และช่อง USB-A 2 ช่องที่รองรับการเสียบใช้งาน Android Auto และ Carplay ซึ่งได้ทั้งไร้สาย และ เสียบสาย ทำงานในหน้าจอ Infotainment ขนาด9 นิ้ว ซึ่งรุ่นอื่นๆจะได้ขนาดเล็กกว่านี้ครับในรุ่น EL+ ต่างๆจะได้แค่ 5 นิ้ว รองรับฟีเจอร์ระบบสัมผัสอะไรเหมือนกันทั้งหมด และในตัว RS ภาพถือว่าสวยคมและดูดีกว่าของ HRV RS ซะอีกนะในจุดนี้ ส่วนแอร์และการควบคุมเองนั้นมาแบบปุ่มปกติ ดีไซน์เรียบสวยคล้ายๆกับในตัว Accord แยก ซ้ายขวา ใช้งานได้ดีครับ

และในรุ่น RS เราจะได้ไฟส่องเท้าสีแดง พร้อมกับไฟเสริมขอบประตูด้านในสีแดงคู่หน้า Ambient Light นั้นเองครับที่จะแตกต่างกับรุ่นธรรมดา ถือว่าสวยและดูดีเลยแหละแต่ทางค่ายญี่ปุ่นเราก็ยังไม่เห็นไฟแสงสีเยอะเท่าไรในห้องโดยสายซึ่งตรงคอนโซลอะไรเองถือว่าน้อยและไม่มีเลยแอบน่าเสียดาย แต่ยังดีที่มีไฟส่องจากเพดานเสริมเข้ามาอ่อนๆเวลากลางคืนครับแสงสีขาว และ ช่องชาร์จมือถือก็มีแสงให้ถือว่าโอเคไม่ได้ปล่อยให้มืดเท่าไรในส่วนนี้

TECHNOLOGY 

เรื่องของเทคโนโลยีจริงๆรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มมาให้เยอะมากและที่ชอบคือให้ Honda Sensing เข้ามาทุกรุ่นย่อยแต่การแสดงผลเองนั้นอาจจะแตกต่างกันไปแต่ละรุ่นย่อยนั้นเองครับเพราะว่ารุ่น RS เราจะได้หน้าจอแบบเต็มๆทำให้แสดงผลแบบสวยๆ แบบภาพข้างบนได้ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก สามารถโชว์ได้ทั้งหมดและ realtime เลยทันทีครับเวลาใช้งาน Adaptive Cruise พร้อมกับ Lane Keeping Assist ซึ่งถ้ามองระบบทั้งหมดนั้นเราจะได้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และ ระบบใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) จะเป็นระบบที่คอยเตือนเราทั้งบนหน้าจอและเสียง ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ดีมากๆ และ ยิ่งในรุ่น RS เราจะได้หน้าจอ Full Digital ทำให้รองรับการทำงานที่ดีขึ้นและสวยหวือหวา

ในการใช้งานจริงๆจะควบคุมผ่านปุ่มด้านขวาของพวงมาลัยที่ ตั้งค่าความเร็ว ระยะห่าง และ ตั้งค่าตัวอยู่ในเลนได้ทั้งหมดง่ายๆเลยครับ ซึ่งในการใช้งานจริงแอบจะคล้ายกับ  Pilot Assist แล้วเช่นกันคือเราสามารถให้รถนั้นเลี้ยวตามโค้งเอง แค่แตะพวงมาลัยเบาๆ รวมถึงคันเร่ง เบรกไม่ต้องไปยุ่งเลยแม้แต่น้อยให้รถขับเอง ชะลอเอง เบรกเองตามคันข้างหน้าได้ทันที รวมถึงถ้าเส้นถนนชัดๆรถสามารถเลี้ยวตามโค้งแบบเบาๆได้สบายมาก ส่วนตัวระบบทำได้ดี อยู่ตรงกลางเลน และ เกาะเลนได้ดีมากๆ แต่ถ้าเส้นถนนไม่ชัดอาจจะน่ากลัวเล็กน้อยครับ แต่ระบบ ตามคันข้างหน้าถือว่าเนียนและนุ่มสบายมาก แม้ระยะห่างอาจจะมากไปหน่อยต้องระวังรถแทรก แต่ระบบเบรก เร่งทำได้เนียนไม่น่ากลัวเลยครับจุดนี้ทำได้ดีมากๆ แค่ต้องระวังรถแทรก หรือ ตัดหน้าเองเพราะบางทีมุมกระชั้นอาจจะต้องดูดีๆนั้นเอง

นอกเหนือจาก Sensing จริงๆฟีเจอร์ที่ทาง HONDA พยายามชูโรงมาตลอดแทน BSM คือเจ้า LANEWATCH จริงๆอันนี้ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันน่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ครับไหนๆมีกล้องแล้ว ก็ใส่การเตือนมาให้ด้วยน่าจะดีกว่านี้ คือใช้งานจริงมันช่วยได้เยอะมากๆ มุมอับเวลาจะเลี้ยวเข้าซอย เปลี่ยนเลนมันแก้ไขได้ทั้งหมดเลย แต่คุณภาพกล้อง เวลากลางคืนมันไม่เด่นเท่าไรนัก และ มีมาให้แค่ข้างเดียว ซึ่งถ้าพัฒนาให้มันมี ซ้ายขวา และ ย้ายมาหน้าจอกลางแบบ KIA น่าจะลงตัวกว่านี้ รวมถึงใส่  BSM มาให้ควบคู่กันน่าจะลงตัวทันทีครับ รวมถึงพวก เซนเซอร์รอบคัน กล้องรอบคันก็ไม่มีใส่มาให้อันนี้แอบน่าเสียดายอย่างมากเลยจริงๆในยุคนี้น่าจะเป็นมาตรฐานให้ได้แล้วนะตัวนี้

DRIVING

การขับขี่ส่วนตัวประทับใจการพัฒนาขึ้นไม่ว่าจะเป็นช่วงล่าง อัตราเร่ง การเก็บเสียง รวมถึง การประหยัดน้ำมัน ถือว่าทุกๆจุดพัฒนาขึ้นเยอะ แต่มันอาจจะไม่ได้สุดมากเพราะจริงๆ civic เองก็พยายามทำให้รถมันกลมกล่อมลงตัวในภาพรวมอาจจะไม่ได้เกาะถนนสุดโหดมาก แต่เน้นขับง่ายขับสบาย ซิ่งเบาๆได้ ใครอยากสุดเอาไปทำต่อเป็นต้นทำให้มันน่าจะตอบโจทย์ภาพรวมได้มากกว่านั้นเอง เท่าที่ลองอัตราเร่งสะใจสนุกมากๆทั้งตีนต้น และ ตีนปลายของตัวรถเอง 1.5 Turbo เข้ามาเสริมได้ดีครับ สนุกสะใจและไหลยาวๆได้ รวมถึง ทำงานร่วมกับโหมด Sport ก็ลากรอบสนุกเลยทีเดียว มี Paddle Shift ให้เล่น อีกทั้งช่วงล่างคันนี้จะตั้งมาเน้นนุ่มๆ หนึบ นั่งสบายทางไกล และในเมือง แต่ก็แอบมีโยนๆนิดๆถ้าเล่นโค้งหนักๆ หรือซิ่งหนักๆครับอาจจะต้องทำให้แข็งกว่านี้ถ้าใครเอาไปซิ่งบ่อยๆ แต่ถ้าขับทางไกลยาวๆตรงๆ 140-150 สบายๆครับบอกเลยว่านิ่งขึ้นเยอะ ส่วนเก็บเสียงถนนทำได้ดีมากขึ้น แต่เสียงลมยังถือว่าเยอะพอสมควรเลยดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังถือว่าดังกว่าที่คิดครับ ส่วนเสียงเครื่องอะไรเข้ามานิดหน่อยไม่ได้ดังอันนี้เก็บเสียงได้ดีเช่นกัน ส่วนอัตราการกินน้ำมัน ขับทั่วไป 12 กิโลลิตรกลางๆไม่ได้แย่ในน้ำมัน E20 นะครับส่วนในเมืองก็น่าจะ 11ได้เลย แต่ถ้าขับแบบทั่วไป ต่างจังหวัดโหมดทั่วไป 14 โลลิตรได้เลยนะถ้าขับแบบชิลๆไปเรื่อยๆไม่เหยียบหนัก

HONDA CIVIC RS 2021

” CIVIC ที่โตขึ้นทุกส่วน ทั้งการขับขี่ รูปทรง และ ภายใน ภาพรวมลงตัวน่าสนใจเช่นเดิม “

CIVIC ก็ยังคงเป็น CIVIC ที่น่าเล่น ลงตัวในหลายๆส่วน ใครขับก็ได้ ใช้งานได้อิสระ ขับขี่สนุก ขนาดตัวรถโปร่งโล่งนั่งสบาย อีกทั้งออฟชั่นอะไรก็จัดเต็มมากกว่าเดิม ดีไซน์หรูเรียบมากกว่าเดิมถือว่าลงตัว เครื่องยนต์ยังคงโดดเด่นมากๆเช่นกัน การขับขี่ที่นิ่งมากกว่าเดิมขับง่ายนุ่มขึ้นทุกอย่างลงตัว จึงเป็นรุ่นที่น่าสนใจที่สุดในตลาดตอนนี้สำหรับคนที่เน้นขับง่าย รถคันแรกหรือแม้แต่เอาไปแต่งต่อ อีกทั้งภายในนั่งสบายทั้งหน้าและหลัง ออฟชั่นความปลอดภัยครบทุกรุ่น แต่ก็มีบางส่วนที่แอบขัดใจทั้ง แอร์หลัง กล้องรอบคัน และ พับเบาะไม่ได้ แต่ทั้งนี้เราต้องมาดูกันว่าเราจะเน้นใช้งานส่วนนั้นไหม หรือ แม้แต่รอดูว่าในตัว eHEV จะจัดเต็มมาให้หรือไม่ครับ เพราะหลายๆส่วนมันลงตัวมากๆแล้ว ถ้ารับพวกนี้ได้มันกลายเป็นรถ C-Segment ที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้เลยทีเดียวรวมถึงราคาก็ทำได้ดีเช่นกัน

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares