HONDA CIVIC ในไทยเองนั้นได้เปิดตัว TURBO 1.5 ไปก่อนหน้า และ ตอนนี้ได้เวลาของ e:HEV ขุมพลังงานไฟฟ้าผสมกับน้ำมัน เข้าสู่ยุคใหม่ที่แรงและประหยัดมากกว่าเดิม ซึ่งทาง HONDA เองระบบจะเน้นไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นพระเอก และ เครื่องยนต์คอยเสริมทำให้เราจะได้ขุมพลังแบบไฟฟ้า อัตราเร่ง พุ่งๆนั้นเองครับ ซึ่งทันสมัยและดีกว่าหลายๆค่ายพอสมควร และระบบซับซ้อนน้อยกว่าระบบเก่าๆเยอะมาก อีกทั้ง ในตัว CIVIC เองได้ปรับหน้าตาบางส่วน และเสริมออฟชันเข้ามาทำให้เราจะได้ ล้อใหญ่ขึ้น การตกแต่งโครเมียมเข้ามา แอร์หลัง และ การพับเบาะที่ดีกว่าเดิมถือว่าลงตัว แถมยังประหยัดและแรงขึ้นทำให้เป็นรุ่นที่น่าสนใจในภาพรวมอีกทั้งงานออกแบบก็ยังคงสวยเรียบๆเหมือนเดิมเลยนั้นเองกับ HONDA CIVIC e:HEV RS รุ่นล่าสุดกับสีแดง Ignite Red ตัดกับสีดำสวยงามเลยนะ

HONDA CIVIC eHEV RS นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ขนาดเดียวกับ ACCORD eHEV ที่ปรับแต่งลดลงเล็กน้อยครับ ใช้งาน เบนซิน 4 สูบ   2.0 ลิตร แบบ Direct Injection กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันสูงสุด Gasohol E20 ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร + AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ Generator และมอเตอร์ขับเคลื่อน พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร แรงขึ้น และ ส่วนทางด้านฟีเจอร์พื้นฐานให้มาครบทุกรุ่นคือ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และตัว ระบบ Honda SENSING ที่มาทั้ง เตือนการชนด้านหน้า และ เบรกให้ การควบคุมอยู่ในเลน เตือนออกนอกเลนถนน และ ไฟสูงต่ำอัตโนมัติ รวมถึง ระบบ Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following และ เตือนเมื่อรถข้างหน้าขยับ ซึ่งทำให้มันสามารถขับบนทางหลวงและตามคันข้างหน้า เบรก ชะลอ เลี้ยวโค้ง และ เร่งเองได้แบบสบายๆเลยนั้นเองในทุกรุ่น แต่ในรุ่น RS เราจะได้หน้าจอสวยๆมาใช้งานบนหน้าปัด พร้อมกับแสดงผลแบบ 3 มิติ 3 เลนถนน Full Digital TFT ขนาด 10.2 นิ้ว รวมถึงการรองรับ Apple Carplay ไร้สาย และ มีที่ชาร์จไร้สายพร้อมกับ ไฟตกแต่งภายในสีแดงเสริมเข้ามาใน RS ส่วนด้านนอกเราจะได้ชุดแต่ง eHEV RS โลโก้กรอบฟ้า รวมถึงการตกแต่ง สีดำ + โครเมียม ทั้งหมด กระจกมองข้าง มือจับ เสริมโครเมียม และ ล้อสีดำปัดเงาขนาดใหญ่ขึ้น พร้อม Ducktail ขนาดใหญ่ รวมถึงกล้อง Lanewatch ก็ยังคงใส่เข้ามา แต่น่าเสียดายว่ายังไม่มี BSM หรือ กล้องรอบคันในรุ่นนี้ครับ

  • HONDA CIVIC eHEV RS :  1,259,000 บาท 

EXTERIOR

แน่นอนว่าในรุ่น eHEV ยังคงมีงานออกแบบมีอารมณ์คล้ายกับรุ่นพี่ ACCORD ในหลายๆส่วนรวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนจากรุ่นที่แล้ว มีความเป็นรถยุโรปมากกว่าเดิม เส้นสายคลีนมากขึ้น พยายามเน้นความโค้งเว้าและลดในส่วนโครเมียมออกทั้งหมด ทำให้มันดูดีขึ้นหลายๆส่วน กลายเป็นรถที่ดูโตขึ้นชัดเจน ถ้าหากมองในรุ่นก่อนหน้าจะคล้ายๆกับวัยรุ่นที่เส้นสายเยอะแยะมากมาย เน้นความสปอร์ตแบบสุดๆ ซึ่งถ้าคนที่ชอบรุ่นที่แล้วก็อาจจะไม่ชอบรุ่นนี้ได้เหมือนกัน แม้ว่ารุ่นนี้จะทำให้ดูหรูขึ้นแต่ก็มีการเสริมความสปอร์ตเข้ามาโดยเส้นสายส่วนล่างและเสริมสีดำเข้ามาในหลายๆส่วนรวมถึงในด้านท้ายรถด้วย แต่ก็มีการเสริม โครเมียมเข้ามาในหลายๆส่วนที่แตกต่างกับรุ่น TURBO RS ทั้งกระจังหน้า ล้อ กรอบประตู และ มือจับ ทำให้รุ่นนี้เราจะได้ความหรูหราเข้ามาแทนจากรุ่นเดิมนั้นเอง

ตัวรถเองถ้ามองเทียบกับ FC ก่อนหน้านั้นจะมีทั้งความยาวมากว่าเดิม กว้างขึ้นกว่าเดิม และ ฐานล้อที่มากกว่าเดิม รวมถึงเตี้ยลงจนหลายๆคนมองกันว่าขนาดใหญ่จะเทียบเท่ากับรุ่นพี่กันซะแล้ว และเราจะเห็นเส้นสายการออกแบบด้านข้างเส้นสายบ่าตัวรถมีแนวเส้นตรง มากกว่าเดิม มีกลิ่นอาย Accord มากขึ้น หรูมากกว่าเดิม เส้นสายที่น้องลงทั้งหน้าและหลังทำให้ตัวรถมันสวยด้วความโค้งเว้าได้มากกว่าเดิมเยอะมาก ส่วนตัวรู้สึกชอบและดูดีขึ้นจริงๆ ต้องบอกว่าสีแดงนี้มีมิติสวยมากกว่าตอน FC และในรถคันจริงสวยเด่นมากๆ ถือว่าภาพรวมสีแดงดำเข้ากับภาพรวมของการตกแต่งในตัวรถมากกว่าเดิมเช่นกัน และการที่ได้ eHEV ทำให้เราได้โครเมียมเข้ามาในหลายๆส่วนในภาพ

ในด้านหลังตรงๆเราจะเห็นไฟท้ายทรงใหม่ทั้งหมด จากที่รุ่นก่อนจะมีการเอาการออกแบบตัว C แต่ครั้งนี้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดถือว่าสวยและลงตัวแอบชอบมากกว่า Accord ซะอีกครับ แต่บางคนอาจจะมีบอกว่าแอบคล้ายบางรุ่นบ้างก็ตามแล้วแต่ความชอบ พร้อมกับท่อไอเสียจริงโดนปรับเหลือ 1 ท่อ รวมถึง ตูดเป็ดด้านหลังขนาดใหญ่ทำให้ตัวรถดุดันพอสมควร รวมถึงในด้านหน้าเองนั้นมาพร้อมกับไฟหน้าแบบใหม่ FULL LED ทั้งหมดพร้อมไฟเลี้ยว และ DRL รวมถึงในรุ่น RS เราจะเห็นโลโก้ RS ในด้านหน้า รวมถึงชุดกันชนที่เน้นการตกแต่งสีดำทั้งหมด แต่เสริมด้วยคิ้วโครเมียมเข้ามาในกระจังหน้า และ ดีเทลตรงข้างในไฟหน้าที่เป็นโครเมียมจากสีดำในรุ่นก่อนหน้า และช่องดักลมตรงกลางขนาดใหญ่ ถือว่าเส้นสายเรียบกว่าเดิมเยอะมากๆ และแทรกสีเงินโครเมียมเข้ามาเยอะมากกว่าเดิมชัดเจน

ไฟหน้าในรุ่น RS จะเป็นแบบ FULL LED ทั้งหมดที่เป็นแบบช่องๆที่ทางค่ายนี้นิยมใช้งานทั้งใน Accord City เลยนั้นเอง รวมถึงในไฟสูงจะอยู่ตรงกลางที่เป็นแบบ Auto High Beam ที่จะเปิด/ปิด เมื่อมีรถสวน แต่จะไม่ได้มีหลบหลีกเป็นช่องๆอะไรนะครับ แต่ถ้ารุ่นอื่นๆจะเป็นโคม Projector แบบไฟเหลืองๆ Hologen แทนนั้นเองครับและไฟเลี้ยวหลอดไส้ ทำให้ไฟหน้าตัว RS จะสว่างและได้เปรียบมากกว่า แต่น่าเสียดายไม่มีกล้องหน้าอะไรใส่เข้ามาให้เลยแต่การที่เป็น eHEV เราจะได้ตัว U ข้างในโคมไฟเป็นสีเงิน จากที่รุ่นก่อนเป็นสีดำ ซึ่งเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆนั้นเอง รวมถึงในกระจังหน้าเราจะได้โลโก้ H กรอบสีดำล้อมรอบด้วยสีฟ้าเสริมเข้ามาจากรุ่นปกติที่จะสื่อถึง eHEV นั้นเอง

ด้านข้างเราจะเห็นเทคโนโลยี Lanewatch ด้านข้างที่มีมาให้แค่ข้างซ้ายเท่านั้นแม้การออกแบบจะแปลกตาไม่สวยเท่าไรแต่ก็ใช้งานได้ดี เสียแต่ว่าเรื่องความคมชัดมันไม่ดีเท่าไร และในด้านขวายังไม่มีมาให้ครับ และ eHEV เราจะได้การตกแต่งโครเมียมเข้ามาทั้งกรอบประตู และ มือจับสีดำผสมโครเมียมนั้นเองครับ และตัวล้อเองก็มีผลเพราะ เราจะได้การตกแต่งสีดำสวยงามพร้อมกับตัวล้อ 18 นิ้ว สีดำด้านซึ่งเป็นลวดลายที่สวยและดูเด่นกว่าเดิมขนาดใหญ่กว่าเดิมทำให้ค่อนข้างดูดีเมื่อมีการเล่นปัดเงาแทรกกับสีดำ เวลาขับแล้ววิ่งบอกเลยว่าดูเด่นกว่าสีดำแบบ TURBO RS

ในด้านท้ายเราจะเห็น ตูดเป็ดขนาดใหญ่ที่เน้นความสวยงาม และ โดดเด่นในเรื่องแรงกดด้านหลังมากขึ้นพร้อมกับไฟท้ายที่ด้านข้างก็ถือว่าสวยเลยทีเดียว ไฟท้ายในรุ่นย่อยจะเป็นแบบเดียวกันมาพร้อมกับรูปทรงขนาดใหญ่ที่เล่นสีดำแดงพร้อมกับไฟ LED ทั้งเส้นในส่วนไฟเบรก และ ไฟหรี่เส้นตัว L ขนาดใหญ่ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีไฟตัดหมอกหลัง และ ไฟเลี้ยว ไฟถอย ยังเป็นหลอดไส้ซึ่งในยุคนี้น่าจะเป็นแบบ Full LED ทั้งหมดได้แล้วครับ แต่ยังดีที่ไฟส่องป้ายทะเบียนนั้นให้เป็น LED สีขาวพร้อมกับกล้องมองหลังใส่เข้ามา แต่ในด้านท้ายเราจะไม่มีเซนเซอร์รอบคันอะไรมาให้ทั้งนั้นครับมีแค่กล้องอย่างเดียวล้วนๆและได้โลโก้ พื้นหลังดำ กรอบสีฟ้า เหมือนกับด้านหน้าและ eHEV โลโก้

INTERIOR

งานออกแบบภายในยกระดับใหม่ทั้งหมด เราจะคุ้นเคยความหวือหวา อวกาศ ในรุ่นก่อนๆ หน้าจอหลายชั้นมากมายแต่พอมารุ่นนี้ทุกอย่างกลับสู่ความเรียบหรูทันทีซึ่งอย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้มันให้ฟีลรถยุโรปและโตมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดจากภายใน และทาง Honda เองก็ยังคงเก่งเรื่องของการออกแบบ User Friendly มากๆ ปุ่มใช้งานได้ง่าย ตำแหน่งเข้าถึงดี และ ข่องวางของ ใช้งานครบ รวมถึงมีความโปร่งและกว้างขวางไปในตัว งานออกแบบส่วนตัวชอบและดูดีเรียบแต่เน้นใช้งาน วัสดุสวยแม้อาจจะไม่พรีเมียมสุดแต่ก็ทำได้ดี รวมถึงช่องแอร์แบบใหม่ที่แปลกตาพอสมควรครับ การขับขี่นั่งโปร่งโล่ง สบาย และไม่อึดอัดเป็นจุดที่ทำได้เหนือคู่แข่งที่ดูแน่นและแคบกว่าชัดเจนเลย

พวงมาลัยรุ่นนี้เปลี่ยนใหม่ในรุ่น RS เราจะได้เดินด้ายสีแดงเสริมเข้ามา ส่วนพวงมาลัยออกแบบมาสวยและปุ่มเยอะเช่นเดิม รองรับการสั่งงานในด้านซ้าย ควบคุมหน้าจอเรือนไมล์ และ เครื่องเสียง ส่วนทางด้านขวาจะควบคุมหน้าจอเรือนไมล์ฝั่งขวา และ ควบคุมเรื่อง Honda Sensing ทั้งหมด รวมถึง Adaptive Cruise และ เตือนออกนอกเลนต่างๆนั้นเองครับ ถือว่าปรับได้อิสระและทำงานร่วมกับหน้าจอ Full Digital ได้ง่ายและสวยงามมากๆ อันนี้ชอบการออกแบบหน้าจอเรือนไมล์ใช้งานได้จริง ปรับแต่งได้หลากหลายแบบ และมีหน้าจอโชว์การขับขี่ถนนเลนอื่นๆได้ด้วย ซึ่งหน้าปัดจะเปลี่ยนเป็นแถบแบบในภาพ หรือจะเป็นเข็มวงกลมได้ 2 แบบหลักๆและตรงกลางจะเป็นการแสดงผล Lane ทั้งหมดเมื่อใช้งาน Honda Sensing นั้นเองว่ารถข้างๆเป็นรถอะไรขับอยู่ตรงไหนบ้างสวยงามทีเดียว และในตัว eHEV เราจะได้การบอกสถานะการใช้พลังงาน ว่าดึงจากแบต หรือ ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟต่างๆนั้นเอง

คอนโซลกลางเองนั้นในด้านล่างจะเป็นที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งพร้อมกับวัสดุแบบปุ่มๆที่ช่วยให้ไม่มีรอยขนแมวได้ดีรวมถึงมีโหมดเปลี่ยนการขับขี่ Sport – Eco เข้ามาซึ่งเมื่อเปิด Sport จะมีการลากรอบเยอะขึ้นชัดเจนครับ รวมถึงมี Brake Hold เข้ามาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน และในด้านหน้าจะเป็นช่องสำหรับชาร์จมือถือแบบไร้สาย และช่อง USB-A 2 ช่องที่รองรับการเสียบใช้งาน Android Auto และ Carplay ซึ่งได้ทั้งไร้สาย และ เสียบสาย ทำงานในหน้าจอ Infotainment ขนาด9 นิ้ว ซึ่งรุ่นอื่นๆจะได้ขนาดเล็กกว่านี้ครับในรุ่น EL+ ต่างๆจะได้แค่ 5 นิ้ว รองรับฟีเจอร์ระบบสัมผัสอะไรเหมือนกันทั้งหมด และในตัว RS ภาพถือว่าสวยคมและดูดีกว่าของ HRV RS ซะอีกนะในจุดนี้ ส่วนแอร์และการควบคุมเองนั้นมาแบบปุ่มปกติ ดีไซน์เรียบสวยคล้ายๆกับในตัว Accord แยก ซ้ายขวา ใช้งานได้ดีครับ

จุดเด่นที่สุดของ eHEV คือในรุ่นนี้เราจะสามารถพับเบาะได้แบบ 60/40 แล้วและสามารถพับได้เรียบพอสมควรครับซึ่งเป็นจุดที่ทาง TURBO RS ไม่สามารถทำได้ และรุ่นนี้ใส่เข้ามาให้แล้ว รวมถึงแอร์ด้านหลังที่รุ่นก่อนหน้าไม่มีครับ

การพับเบาะเราสามารถดึงสลักด้านหลังที่แยกซ้าย และ ขวามาให้สบายๆและสามารถขนของได้เลยทันทีถ้าเป็นจักรยานแบบในภาพรุ่นเก่าจะไม่สามารถพับเบาะว่างนอนแบบนี้ได้เลย แต่รุ่นนี้จะรองรับการขนของหรือใส่ของยาวๆได้แล้วนั้นเองครับ แม้จะมีขอบอะไรขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ถือว่าทำได้ดีในการใช้งานจริงๆและขนของจริงๆด้วยครับ

และในรุ่น RS เราจะได้ไฟส่องเท้าสีแดง พร้อมกับไฟเสริมขอบประตูด้านในสีแดงคู่หน้า Ambient Light นั้นเองครับที่จะแตกต่างกับรุ่นธรรมดา ถือว่าสวยและดูดีเลยแหละแต่ทางค่ายญี่ปุ่นเราก็ยังไม่เห็นไฟแสงสีเยอะเท่าไรในห้องโดยสายซึ่งตรงคอนโซลอะไรเองถือว่าน้อยและไม่มีเลยแอบน่าเสียดาย แต่ยังดีที่มีไฟส่องจากเพดานเสริมเข้ามาอ่อนๆเวลากลางคืนครับแสงสีขาว และ ช่องชาร์จมือถือก็มีแสงให้ถือว่าโอเคไม่ได้ปล่อยให้มืดเท่าไรในส่วนนี้

TECHNOLOGY

เรื่องของเทคโนโลยีจริงๆรุ่นนี้ถือว่าจัดเต็มมาให้เยอะมาก และที่ชอบคือให้ Honda Sensing เข้ามาทุกรุ่นย่อยแต่การแสดงผลเองนั้นอาจจะแตกต่างกันไปแต่ละรุ่นย่อยนั้นเองครับเพราะว่ารุ่น RS เราจะได้หน้าจอแบบเต็มๆทำให้แสดงผลแบบสวยๆ แบบภาพข้างบนได้ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก สามารถโชว์ได้ทั้งหมดและ realtime เลยทันทีครับเวลาใช้งาน Adaptive Cruise พร้อมกับ Lane Keeping Assist ซึ่งถ้ามองระบบทั้งหมดนั้นเราจะได้ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และ ระบบใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) จะเป็นระบบที่คอยเตือนเราทั้งบนหน้าจอและเสียง ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันได้ดีมากๆ และ ยิ่งในรุ่น RS เราจะได้หน้าจอ Full Digital ทำให้รองรับการทำงานที่ดีขึ้นและสวยหวือหวา

ในการใช้งานจริงๆจะควบคุมผ่านปุ่มด้านขวาของพวงมาลัยที่ ตั้งค่าความเร็ว ระยะห่าง และ ตั้งค่าตัวอยู่ในเลนได้ทั้งหมดง่ายๆเลยครับ ซึ่งในการใช้งานจริงแอบจะคล้ายกับ  Pilot Assist แล้วเช่นกันคือเราสามารถให้รถนั้นเลี้ยวตามโค้งเอง แค่แตะพวงมาลัยเบาๆ รวมถึงคันเร่ง เบรกไม่ต้องไปยุ่งเลยแม้แต่น้อยให้รถขับเอง ชะลอเอง เบรกเองตามคันข้างหน้าได้ทันที รวมถึงถ้าเส้นถนนชัดๆรถสามารถเลี้ยวตามโค้งแบบเบาๆได้สบายมาก ส่วนตัวระบบทำได้ดี อยู่ตรงกลางเลน และ เกาะเลนได้ดีมากๆ แต่ถ้าเส้นถนนไม่ชัดอาจจะน่ากลัวเล็กน้อยครับ แต่ระบบ ตามคันข้างหน้าถือว่าเนียนและนุ่มสบายมาก แม้ระยะห่างอาจจะมากไปหน่อยต้องระวังรถแทรก แต่ระบบเบรก เร่งทำได้เนียนไม่น่ากลัวเลยครับจุดนี้ทำได้ดีมากๆ แค่ต้องระวังรถแทรก หรือ ตัดหน้าเองเพราะบางทีมุมกระชั้นชิดอาจจะต้องดูดีๆนั้นเอง

นอกเหนือจาก Sensing จริงๆฟีเจอร์ที่ทาง HONDA พยายามชูโรงมาตลอดแทน BSM คือเจ้า LANEWATCH จริงๆอันนี้ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันน่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ครับไหนๆมีกล้องแล้ว ก็ใส่การเตือนมาให้ด้วยน่าจะดีกว่านี้ คือใช้งานจริงมันช่วยได้เยอะมากๆ มุมอับเวลาจะเลี้ยวเข้าซอย เปลี่ยนเลนมันแก้ไขได้ทั้งหมดเลย แต่คุณภาพกล้อง เวลากลางคืนมันไม่เด่นเท่าไรนัก และ มีมาให้แค่ข้างเดียว ซึ่งถ้าพัฒนาให้มันมี ซ้ายขวา และ ย้ายมาหน้าจอกลางแบบ KIA น่าจะลงตัวกว่านี้ รวมถึงใส่  BSM มาให้ควบคู่กันน่าจะลงตัวทันทีครับ รวมถึงพวก เซนเซอร์รอบคัน กล้องรอบคันก็ไม่มีใส่มาให้อันนี้แอบน่าเสียดายอย่างมากเลยจริงๆในยุคนี้น่าจะเป็นมาตรฐานให้ได้แล้วนะตัวนี้

DRIVING 

การขับขี่เปลี่ยนไปชัดเจนเมื่อเปลี่ยนขุมพลังของตัวรถไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งแซง หรือ ความรู้สึกในการขับ และการใช้งาน Paddle Shift ที่เปลี่ยนไปซึ่งถ้ามองกับรุ่นก่อนหน้า จะเน้นไปทางเครื่องยนต์เปลี่ยนเกียร์สนุก แต่ครั้งนี้จะเป็นการ รีเจนพลังงานแทน แต่ถ้ามองในแง่ของอัตราเร่งคันนี้สามารถทำได้พุ่ง ไว และ หลังติดเบาะมากกว่าเยอะเช่นกันทำให้อัตราเร่ง 0-100 ไวแค่ วินาที ไวกว่าเดิม 1 วิเต็มๆ และ  80-120 แค่ วินาที หลายๆครั้งจะเป็นการใช้งานไฟฟ้าในการออกตัวด้วยเช่นกันถือว่าพุ่งมากๆ และ ช่วงล่างที่ปรับใหม่เน้นเอาใจคนนั่งหลังมากกว่าเดิม ทำให้นุ่มนวลหนึบขึ้น แต่ถ้าสายซิ่ง มุด แซงโหดๆอาจจะชอบ TURBO RS มากกว่าในแง่ของความแข็ง ความเกาะถนนนั้นเองครับ เรียกได้ว่าคนละแนวกันเลย ส่วนการเก็บเสียงไม่ต่างกับรุ่นก่อนหน้า แต่ครั้งนี้มีเสียง สังเคราะห์มาให้ในโหมด Sport ที่ลั่นสะใจมากๆผ่านลำโพงตัวรถแบบที่รถยุโรปหลายๆคันใช้งาน และ คันนี้ก็มีมาให้เราสนุกได้เช่นกันครับในโหมดนี้ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเองสามารถทำได้ ในเมือง 21-22 กิโลต่อลิตร ต่างจังหวัด 16-17 กิโลต่อลิตร

HONDA CIVIC EHEV RS

” ขุมพลัง eHEV แรงแบบไฟฟ้า อัตราเร่งดี ประหยัด ออฟชันครบ ช่วงล่างนิ่มขึ้น “

สำหรับ HONDA CIVIC เองยังคงเป็นรถที่ลงตัวทั้ง การใช้งาน ดีไซน์ภายนอกภายใน รวมถึงขุมพลังเข้าสู่ยุค HEV หรือ HYBRID เองแล้วทำให้หลายๆอย่างมันดีขึ้นเมื่อใช้งานไฟฟ้าเข้ามา แรง ประหยัดได้ในตัวเอง แถมแรงดึงแบบรถไฟฟ้าก็เข้ามาได้ดีมากๆ ภาพรวมนอกเหนือจากขุมพลังก็ยังคงทำได้ดี ออฟชันครบมากขึ้นทั้งแอร์หลัง พับเบาะต่างๆ ถือว่าน่าสนใจในสำหรับ C-Segment แบบนี้ ลงตัวในหลายๆด้านใช้งานได้สบายในการใช้งานทั่วไป หรือเอาไปแต่งซิ่งก็สบายเช่นกัน การขับขี่ดีขึ้นแม้ช่วงล่างจะเอาใจคนนั่งหลังมากกว่าเดิมแต่ก็มีความซิ่งในตัวมันอยู่เช่นกัน จะขาดแค่ระบบกล้องรอบคัน เซนเซอร์รอบคัน และ BSM ก็ถือว่าลงตัวถ้ามีระบบพวกนั้นเข้ามาช่วย แต่ทั้งนี้ถ้าใครไม่เน้นพวกนั้น เน้นใช้งาน HONDA SENSING ก็เหลือๆแล้วก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้สำหรับ HONDA CIVIC คันนี้ลงตัวขึ้น แรงขึ้น และ ประหยัดขึ้นชัดเจน และ ลวดลายล้อสวยขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares