BMW X1 ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ขายดีมากๆคันนึงของค่าย แน่นอนว่าด้วยราคา และ ขนาดของมันถือว่าดีกับตลาดเมืองไทย และ จับต้องได้ง่าย และด้วยความที่ถนนเมืองไทยเอง ทั้งน้ำท่วมต่างๆ หรือ ลุยพื้นที่ไม่เรียบทำให้รถ SUV หรือ SAV เองนั้นได้รับความนิยมมากกว่าพวก SEDAN ทำให้ ตระกูล X1 ถือว่าได้รับความนิยมมาเรื่อยๆทั้งเจนแรกๆจนถึงตอนนี้ครับ และ ครั้งนี้ถือว่าเป็นเจนที่ 3 แล้วในรหัส U11 โมเดลใหม่หมด ทั้งนอก และ ใน แถมมีโมเดลแบบไฟฟ้าล้วนในตลาดต่างประเทศด้วยนะ แต่ในไทยเองนั้นยังไม่มาในตอนนี้ครับ ครั้งนี้เราเลยมาอยู่กับรหัส 20i M Sport กันหน่อย ที่มาเสริมตลาดต่อจาก 18i และ 30e นั้นเอง ซึ่งถือว่ามาแทรกรุ่นย่อยได้ดีและราคาจับต้องได้ครับ

BMW X1 sDrive 20i M Sport มาพร้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร + ระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo พ่วง Intercooler พละกำลัง 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้านั้นเอง อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายในเวลา 7.6 วินาที มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke Bicolour  ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ ระบบไฟหน้า LED ไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ และตัดแสงอัตโนมัติฝั่งคนขับ และ ชุดแต่งแบบ M Sport ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าออฟชั่นมาครบมากขึ้น BMW Head-up Display กล้องรอบคันอะไรมาครบ ดีไซน์สวยขึ้น ล้อสวย เมื่อเทียบกับ 18i รวมถึงในแง่ของราคาก็ยังเกาะๆ 2 ล้านกลางได้อยู่ครับ ถือว่ายังคงน่าเล่น และเป็นรุ่นสำหรับคนที่อยากมี SUV ขนาดเล็ก ขับในเมืองได้ และ ยังชอบในแบรนด์ BMW นั้นเอง แม้จะไม่มีดีเซล แต่ก็พอเข้าใจได้ในยุคนี้หลายๆประเทศเริ่มจะมีความรักษ์โลกมากขึ้น ทำให้อนาคตดีเซลน่าจะเริ่มหายากและไม่ค่อยมีแล้วนั้นเองครับ ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบ ความสะดวกของแต่ละคนอีกทีนึง แต่ถ้าถามว่าชอบตัวไหนมากสุดคงจะไปเป็นที่ iX1 ไฟฟ้าล้วนมากกว่า

EXTERIOR

งานออกแบบครั้งนี้คือเจนที่ 3 ของ X1 ที่เป็นการเปลี่ยนใหม่ทั้งคัน ทั้งภายนอก ภายใน และ Platform ใหม่ทั้งหมดครับ รหัส U11 ล่าสุด แล้วมันกลายเป็นรถที่ออกแบบลงตัว และ สวยที่สุดของ BMW ในยุคหลังๆเลยก็ว่าได้ครับเพราะว่าเส้นสาย กระจังหน้า ไฟหน้า และ รูปทรงของมันถือว่าลงตัวที่สุด และเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามีความทันสมัยขึ้นชัดเจน และมีกลิ่นอายของ BMW XM มาในหลายๆส่วนเลยและผมว่ามันลงตัวกว่า XM ซะอีกครับคันนี้ ส่วนตัวรถนั้นมีความใหญ่ขึ่นกว่าเดิม มาพร้อมกับมิติตัวรถ ความยาว  4,500 มิลลิเมตร ความกว้าง  1,845 มิลลิเมตรและ ความสูง  1,630 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 53 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 24 มิลลิเมตร สูงขึ้น 44 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อยาวขึ้น 22 มิลลิเมตร  แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สามารถขับในเมืองได้ คล่องตัวได้อยู่เช่นกันครับสำหรับ X1

ตัวรถนั้นสัดส่วนเส้นสายมีความคมชัดเจนมากกว่าตัวเดิมชัดเจน เส้นสายกระโปรงหน้า ความชันของกระจังหน้าและท้ายที่ตัดชัดเจนขึ้น ซึ่งถ้ามองใน BMW ยุคใหม่ๆเหมือนจะพยายามทำให้เส้นสายมีความคม เยอะ ตัดกันมากกว่ายุคก่อนๆชัดเจน เหมือนจะกล้าออกแบบมากกว่าเดิมครับ ซึ่งมีหลายๆรุ่นที่ชอบก็รักเลย ไม่ชอบก็คือเกลียดไปเลยจริงๆ จากที่แต่ก่อน BMW เองจะออกแบบเรียบๆเซฟๆ ไม่ให้เปลี่ยนจากเดิมมาก แต่ยุคใหม่นี้ผมบอกเลยว่ากล้าขึ้นมาก ซึ่งด้านท้ายผมว่าเป็นท้ายรถที่สวยและลงตัวที่สุดแล้ว ชอบมากกว่าด้านหน้า และเส้นสายไฟท้ายเข้ากันได้ดี

ไฟท้ายยังคงมีเอกลักษณ์ของ BMW เข้ามาอยู่ชัดเจนรูปทรงตัวL ที่คุ้นเคยเสริมด้วยความโค้งและลึกแบบ 3มิติ มีเหลี่ยมสันชัดเจน และ FullLED ทั้งหมดถือว่าสวยและแสงคมเข้มสว่างมีความบางแคบมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ส่วนไฟหน้านั้นยังคงมีเอกลักษณ์ไฟหน้า 2 ส่วนแบบรุ่นก่อนๆเข้ามาแต่จากวงกลมเป็นแนวตัว L คว่ำแทนครับ พร้อมกับไฟหน้า FullLED ที่สูงต่ำออโต้พร้อมทำงาน และ สามารถแหวกรถคันข้างหน้าได้เช่นกันออฟชั่นมาครบรวมถึงตัวล้อขนาด 19 นิ้วเปลี่ยนลายใหม่ดูมีมีติมากกว่าเดิม เส้นสายเยอะและตัดกันชัดเจนซึ่งเราจะเห็นแนวทางการออกแบบนี่ไปในหลายๆรุ่นครับ บางคนอาจจะมองว่าเยอะไป ซึ่งส่วนตัวผมว่ากำลังเข้ากับตัวรถได้ดี เน้นสปอร์ตชัดเจน แต่ถ้าใครชอบเรียบๆหน่อย ลายตัวเก่าอาจจะถูกใจกว่านั้นเองครับ แต่ยางและขนาดตัวล้อ 245/45/19 กำลังดี ไม่บางหรือกระด้างมากไปครับ และการเซ็ทตัวของช่วงล่างนุ่มขึ้นกว่าเดิมก็ขับสบายขึ้นเช่นกันใน X1 รุ่นนี้

กระจังหน้ารูปทรงใหม่ที่มีความเหลี่ยมสันชัดมากกว่าเดิม และขนาดกำลังดีเหมาะกับตัวรถไม่ได้ใหญ่โตมากนักหลายๆคนน่าจะชอบกัน ยังคงมีกล้องรอบคัน เรดาร์หน้ารถมาครบ พร้อมกับเสริมด้วยสีเงินด้าน แต่ถ้าใครชอบสปอร์ตตกแต่งสีดำทั้งหมดน่าจะได้ฟีลอีกแบบครับ และชุดกันชนเป็นแบบ M Sport รวมถึงมีกล้อง ADAS มาให้ครบในด้านบน2 ตัวทำให้เรื่องการติดตามต่างๆทำได้ดีกว่าแบบกล้องเดี่ยว และ ในชุดกันชนหลังก็เน้นสีดำทั้งหลายมากกว่าเดิมทำให้ท้ายรถไม่ใหญ่มากเกินไป และ ซ่อนท่อไอเสียไปแล้วเช่นกันครับ เส้นสายสัดส่วนกำลังทำได้ดี

แต่สิ่งที่แอบขัดใจตัวผมเองน่าจะเป็นมือเปิดประตูแบบงัดที่ย้อนกลับไปยุค E36 ทั้งหลายนั้นแหละ จริงๆชอบแบบเดิมมากกว่าครับ หรือจะปรับเป็นแบบซ่อนแบบ IX ก็ทำได้ดีกว่าแบบนี้นะ แต่ถ้ามองในแง่ของการใช้งานนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรนักครับ ระบบ Keyless Smart entry มาครบ และ เมื่อมองท้ายตรงๆ หรือหน้าตรงสัดส่วน เส้นสายคมสันของตัวรถทำได้ดีมากไม่เยอะ ไม่รกเกินไป และ ขนาดกระจังหน้าขนาด และรูปทรงสวยกว่ารุ่นอื่นๆ ตัดกับสีขาว และ สีดำได้ดีครับ และข้อดีของ X1 ยังคงทำได้ดีคือกระจกบานหน้า ใหญ่ และ ชันทำให้เวลาขับดูโปร่งพอสมควร

จุดนี้เป็นส่วนนึงที่เรามองเห็นชัดเจนว่า เส้นสายฝาท้าย ไฟท้าย และ ความเอียงของสัดส่วนตัวรถนั้นมีกล่นของBMW XM มากๆครับ และเมื่อเทียบกับ X1 เจนก่อนหน้ามีความลาดของกระจกฝาท้ายชัดเจน ซึ่งคันนี้ได้ชุดแบบ M Sport ขอบกระจกสีดำ ทำให้ดูสปอร์ตขึ้นชัดเจนครับ และด้วยความที่ท้ายไม่ลาดมากแบบ Coupe ทำให้การขนของ ใส่ของยังคงมีเยอะอยู่เช่นกันครับ

INTERIOR

ภายในอันนี้น่าจะเป็นจุดที่แตกต่างแบบคนละขั้วที่สุดทันทีครับเพราะว่าถ้ามองย้อนไป X1 รุ่นก่อนหน้านั้นจะมีความ อนาล็อกมากๆ ทั้งเข็มเรือนไมล์ หน้าจอเล็ก ปุ่มเยอะ เพราะมันคือโมเดลที่ออกมานานมากๆ แต่พอมาเป็น U11 รุ่นล่าสุดเข้าสู่ยุคใหม่ของ BMW ที่หน้าจอแนวยาว คอนโซลแบบใหม่ เปิดโล่ง พวงมาลัยใหม่ทุกอย่าง และ คอนโซลกลางแบบใหม่ ไม่มี iDrive อีกต่อไปนั้นเอง ถ้ามองคนที่ใช้เจนก่อนแล้วมาถึงเจนนี้ต้องขยับปรับตัวกันเอาเรื่องครับ แต่ถ้ามองในแง่ของความสวยงาม ความเท่ แสงสีหวือหวา และ ใช้งานได้ง่ายมันทำได้โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งทันที

พวงมาลัยรูปทรงใหม่มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นคล้ายกับในตัว BMW i7 หรือ เจนใหม่ๆของค่าย และเป็นแบบ M Sport แล้วเช่นกันซึ่งปุ่มควบคุมอะไรมาครบทั้งหมด รวมถึงการตั้งค่า Cruise Control ต่างๆ แต่น่าเสียดายว่ายังไม่มีตัว Adaptive Cruise Control มาให้ครับ และ ถ้ามีการปรับระยะห่างต้องไปทำบนหน้าจอแล้วไม่มีปุ่มปรับตรงพวงมาลัยแบบรุ่นก่อนๆซึ่งจุดนี้ผมว่าไม่ค่อยสะดวก และเราจะได้หน้าจอแบบโค้งยาวๆ 2 หน้าจอ รองรับระบบสัมผัส และ จอคนขับอาจจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็ใช้งานได้ดีและยังคงมี Boost Mode มาให้เวลาเร่งแซงต่างๆแต่ในการใช้งานจริงอาจจะไม่ได้มีผลมากนักเพราะเป็นรถเครื่องยนต์ไม่มีมอเตอร์มาช่วยครับเลย ใครจับจังหวะรถยังไม่ได้ว่าจะเร่งแซงยังไงก็กดช่วยได้ครับ ทำให้เวลาเร่งแซงก็ไวขึ้น 1 วิกว่าๆครับ

และเราจะเห็นกล้องในตัวรถที่เสริมเข้ามาเป็นครั้งแรก เอาไว้ใช้ในการถ่ายรูปคนในรถแปลกตาแปลกใหม่ และสามารถส่งเข้ามือถือได้เลยอันนี้ก็ถือว่าดีครับอีกทั้งช่องแอร์แบบใหม่แนวยาวพร้อมกับปุ่มที่หายไปทั้งหมดอาจจะต้องปรับตัวกันหน่อยแต่ผมชอบแนวทางแบบนี้มากกว่าปุ่มเยอะๆ รวมถึงคอนโซลกลางไม่มี iDrive แล้วเป็นแค่เกียร์ และ การควบคุมที่จำเป็นครับ การสั่งงานทั้งหมดต้องไปบนหน้าจอแล้วซึ่งหลายๆคนอาจจะยังติด iDrive อยู่มันไม่มีแล้วนะ แต่พวก Series 5 / 7 ยังคงมีครับ แต่รุ่นเล็กๆเหมือนจะเน้นไปที่การสัมผัสหน้าจอแทบทั้งหมดเลยนั้นเอง

ชาร์จไร้สายถือว่าเป็นจุดนึงที่ผมไม่ค่อยชอบแนวทางการออกแบบ ดูสวยงาม มีที่ล็อค แต่มันค่อนข้างเปลืองพื้นที่ ที่สามารถวางจริงๆ 2 เครื่องได้ และ พื้นที่มันวางของต่างๆก็น่าจะใช้งานได้มากกว่านี้ เพราะบางทีชาร์จไร้สายอาจจะทำให้เครื่องร้อนสะสมและเข้าช้ามากๆครับ เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรนักส่วนการปรับแต่งก็ปรับได้ทั้ง เครื่องยนต์ การควบคุมต่างๆครับ และ หน้าจอ OS8 ตัวล่าสุดก็ทำได้เนียนสวย ดีเทลดี และ ใช้งานได้ง่าย มีคีย์ลัดมาให้ครบเลย แต่ขอบ่นที่วางแก้วด้านหน้านิดนึงว่ามันไม่มีตัวล็อคแก้ว ทำให้เวลาวางแก้วที่เล็กๆอาจจะมีความโยกไปมาได้ง่ายมาก

ส่วนพื้นที่ภายในข้อดีคือ โปร่งโล่ง นั่งสบายที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้ง GLA XC40 Q3 ครับด้วยความที่ตัวรถหลังคาสูงและกว้างที่สุดถือว่าเป็นจุดเด่นนั่งหลังสบายสุด และ ภายในยังคงใช้งานเบาะโทนสีน้ำตาลเข้มๆหรูหราพรีเมี่ยมมากอีกทั้งยังมีแอร์หลัง ที่วางแก้ว แต่หลังคากระจกไม่มีนะครับซึ่งอาจจะดีสำหรับเมืองไทยพร้อมกับที่ชาร์จ USB-C ทั้งหมด 2 ตำแหน่ง และยังคงมีอุโมงค์กลางมาให้อยู่นิดหน่อยครับด้วยความเป็นรถยนต์น้ำมันนั้นแหละแต่ Legroom ต่างๆเหลือๆครับ และสามารถนั่งสบายทั้ง คนตัวสูงก็รองรับได้ดี และ เบาะหน้ายังมีตาข่ายเก็บของมาให้

แผงประตูก็ถือว่าออกแบบใหม่สวยงามขึ้น ชอบที่จับและส่วนโค้งเวลาดึงปิดประตูออกแบบแปลกตาและสวยงามวัสดุหนังผสมกับพลาสติกและช่องลำโพงแบบอลังการจัดเต็มครับ แม้จะไม่ได้ตัวระบบเสียงเทพๆแต่การออกแบบคือสามารถรองรับได้สบายรวมถึงยังมี Ambient light มาให้ตามขอบประตูหน้าเล็กน้อยปรับแสงสีได้เยอะกว่าเดิมครับ

TECHNOLOGY 

เทคโนโลยีระบบต่างๆจัดเต็มเหมือนกัน แน่นอนว่ามีกล้องในตัวรถที่สามารถถ่ายทั้ง 5 ที่นั่งได้แบบสบายๆ ตั้งเวลาได้ ยิ้มแล้วถ่ายเองได้ ก็เข้าสู่ยุคอนาคตแล้ว ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะต่อคุย VDO CALL ก็เป็นไปได้ ถือว่าเป็นแนวทางที่แปลกใหม่ครับ ซึ่งคุณภาพกล้องชัดเอาเรื่องเหมือนกัน ส่วนในแง่ของ OS ก็ลื่นไหล รองรับ Carplay ไร้สายเนียนๆ และ จอเต็มสวยงามครับ ส่วนในแง่ของระบบช่วยขับ หรือ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ก็ใส่มาบางเล็กน้อย

ระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant และ ยังคงมี ระบบช่วยนํารถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant Plus พวก กล้องรอบคันก็มาครบ ระบบช่วยถอยหลัง BSM เตือนต่างๆมาเช่นกัน รักษาให้อยู่ในเลนมาครบครับ แต่จะไม่มีในแง่ของ Adaptive Cruise Control หรือ เลี้ยวโค้งให้เองพวกนั้นยังไม่มา แต่พื้นฐานมาครบแล้วทั้งเตือนการชน เบรคให้เอง หรือ เตือนมุมบอด กล้องรอบคัน และ มี HUD มาให้เช่นกันครับถือว่าเหลือๆในการใช้งานจริง

DRIVING

การขับขี่เองนั้นจากที่ผมเคยรีวิวรุ่นแรกไปก่อนหน้านี้ถือว่ามีการพัฒนาขึ้นแบบชัดเจนครับ ทั้งช่วงล่างนุ่มนวลขึ้น อัตราเร่งทำได้ดี และ การควบคุมมันกำลังเหมาะกับตัวรถที่แรงกำลังดี แข็งกำลังดี แต่ไม่กระด้าง และ นุ่มนวลนั่งสบายกว่าตัวเก่า ส่วนทางด้านพวงมาลัยนำ้หนักความคม ยังคงสนุกตามสไตล์ BMW ครับ และ เป็นรุ่นที่ขับทางไกลมั่นใจเช่นเดิม แต่เสริมด้วยในเมืองไม่กระเด้งแบบเจนก่อนถือว่าลงตัวกว่าเดิมชันเจนและให้ฟีลคล้ายๆกับ C40 ของทาง VOLVO มากๆ มั่นใจกว่าของ GLA แต่ถ้าชอบสปอร์ตมากๆยังคงมี Q3 ที่ทำได้ดีกว่าครับ มันเลยเหมาะกับคนทั่วไปที่ชอบสนุกบ้าง แต่ก็ยังคงเน้นนั่งนุ่มอยู่ เน้นข้างหลังนั่งสบายได้อยู่ และ อัตราสิ้นเปลืองทำได้ดีแม้จะไม่ใช่ PHEV ก็ตาม ในเมืองทำได้เฉลี่ย 12 กม/ลิตร  และ นอกเมืองความเร็วสูงทำได้ เฉลี่ย 15 กม/ลิตร ส่วน อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 8.4 วินาที และ 80-120 ภายใน 6 Normal / 4.9 Boost mode วินาที  การเก็บเสียงก็ทำได้ดีขึ้นแต่ไม่มากนักครับ ซึ่งประมาณ X1 เจนก่อนๆนั้นเอง แต่เสียงลมดีขึ้นนิดๆแต่เสียงถนนใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า

BMW X1 sDrive 20i M Sport 

” ลงตัวกว่าเดิม ดีกว่าเดิม นั่งสบายสุด และ ดีไซน์สวยที่สุดของค่าย BMW “

สำหรับ SUV ขนาดเล็กต้องมี X1 ในสมการครับเพราะด้วยความนิยมการใช้งานและราคาที่จับต้องได้ง่าย แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ X1 อาจจะเสียเปรียบเพราะว่า โมเดลเก่า ภายในเก่ากว่าคู่แข่งในช่วงเดียวกับ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นใหม่สุดแล้ว ทั้งโมเดล ภายใน ภายนอก และ การขับขี่ แม้จะเข้าสู่ยุคของไฟฟ้าล้วนแล้วก็ตามแต่ก็มีหลายๆคนที่เน้นใช้งานแบบเครื่องยนต์ คันเดียวในบ้าน ไม่ต้องกังวลที่ชาร์จ อยู่คอนโดที่ไม่มีที่ชาร์จต่างๆ ทำให้ตัวเลือกแบบนี้ยังเหมาะอยู่ และ รุ่นนี้ X1 ปรับใหม่ทั้งหมด และ การขับขี่ดีขึ้น นุ่มนวลขึ้น และ ราคาก็ยังอยู่ในเรทไม่เกิน 3 ล้านครับ ซึ่งถ้ามองเทียบคู่แข่งทั้งหมด มันใหม่ กว้าง นั่งสบายที่สุด แม้จะไม่มีไฟฟ้าล้วนก็ตาม ส่วนอัตราสิ้นเปลืองก็สามารถรับได้ กับเครื่องยนต์ธรรมดาที่ไม่ใช่ PHEV ก็ตาม และ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการชาร์จ หรือ ระยะยาวเช่นกันครับ