AVITA เป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่ต้องบอกว่าอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นตากันมากนัก และ ทำตลาดในไทยได้ไม่นานและจริงๆแบรนด์ก่อนตั้งมาที่ USA ในปี 2016 และเข้าไทยมาไม่นานซึ่งเป็นแบรนด์ที่จะเน้นในเรื่อง ความเบา บาง ราคาถูก รวมถึงบางรุ่นมีการออกแบบ สีสันอะไรสวยงามโดดเด่นกว่าคู่แข่ง มีตัวเลือกให้เยอะเช่นกัน และในไทยก็เอาเข้ามาหลากหลายตัว แต่ครั้งนี้เราจะมาอยู่กับรุ่นเริ่มต้นสุดๆของแบรนด์คือตัว LIBER V1 นั้นเอง และจะมี V2 ที่เป็นการเพิ่ม RAM เท่านั้น เรียกชื่อรุ่นย่อยต่างกันนั้นเอง แต่สเปกอะไรใกล้เคียงกันทุกอย่างครับ สำหรับตัวนี้จะเป็นรุ่นเริ่มมากๆ แค่ 15,990 บาทไทย แต่จะได้หน้าจอ 14 นิ้ว FHD ใช้งาน AMD Ryzen 5 4500U + RAM 8 GB ทำให้เหลือๆ ในการใช้งาน รวมถึงมีความเบา 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น และมาพร้อมกับตัวเครื่องสีเงินดีไซน์ สวยงาม และสำหรับใครที่ห่วงเรื่องประกัน หรือ ศูนย์บริการนั้นมาพร้อมการรองรับ 2 ปีเต็มๆ มีศูนย์ในไทยเรียบร้อยครับ 

ทางด้านสเปกเองนั้นถือว่าแม้จะเป็นราคาหมื่นกลางแต่ก็ทำได้ดีโดยเฉพาะการใช้งาน AMD Ryzen 5 ตัว 4000 Series 7nm ตัวใหม่ทำให้ประสิทธิภาพเองนั้นไม่ธรรมดาเลยครับ มาพร้อมกับ AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0GHz  TDP 15W และเป็นการ์ดจอ Onboard นะครับไม่มีการ์ดจอแยกอะไรใช้งานตัว AMD Radeon RX Vega พอเล่นเกมเบาๆได้สบายนะ ในรุ่น V1 จะมาพร้อมกับ RAM 8GB DDR4 BUS 3200MHz และทางด้านหน่วยความจุเก็บข้อมูลเป็น SSD ความจุ 512GB ไม่สามารถอัพเกรดอะไรได้เลยนะครับเครื่องนี้ เพราะออกแบบมาติดกับบอร์ดทั้งหมด พร้อมกับติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit) ส่วนสเปกหน้าจอให้มาที่ 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) พาเนล IPS พร้อมหน้าจอแบบด้านและขอบหน้าจอบาง ส่วนทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อให้มาครบ USB-C และ Micro-SD รวมถึง HDMI x 1 และ USB-A และ สแกนนิ้วใส่เข้ามาให้ด้วยนะ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth 4.2 แอบตกยุคไปนิดๆแล้ว ส่วนทางด้านราคา และ การรับประกันถือว่าทำได้ดี ราคาเริ่มต้น 15K กำลังดีเลยครับ

AVITA LIBER V1 ในสเปค RYZEN 5 4500U มาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อยครับ

AVITA ถูกนำเข้ามาขาย ผ่านทางเว็บไซต์ของ JD Central มี ศูนย์บริการ บริการหลังการขายตามลิงก์นั้นครบเลย ก็ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องอะไหล่ หรือ การรับประกันครับ ลองไปดูข้อมูลในแต่ละศูนย์บริการของค่ายนี้ได้เลย และรับประกัน 2 ปีเต็มๆครับสำหรับแบรนด์นี้  https://avita.com/th/support

UNBOX

  • ตัวกล่องสำหรับใส่เครื่อง พร้อมคู่มือ
  • Adaptor ชาร์จไฟ
  • กระเป๋าเป้ AVITA LIBER
  • ตัวเครื่อง AVITA LIBER V1

DESIGN

งานออกแบบรุ่นนี้ถือว่ามีความแปลกตาในหลายๆส่วนโดยเฉพาะกล้องหน้าที่เป็นติ่งขึ้นมาครับซึ่งเราไม่เคยเห็นงานออกแบบแบนี้ในค่ายอื่นๆเลยแม้แต่น้อย และแม้จะแปลกตาแต่รุ่นนี้ได้รับรางวัล Reddot Design Awards ด้วยนะในปีล่าสุดถือว่าไม่ธรรมดาและเป็นค่ายที่มีสีสันให้เลือกเยอะมากกว่า 30 สีในต่างประเทศ แต่ในไทยนั้นอาจจะต้องดูรุ่นกันอีกทีครับทำให้แบรนด์มันค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องสีสันต่างๆ และตัวเครื่องงานประกอบแน่น เนียบแข็งแรงบานพับ ข้อพับอะไรแน่นดีมากๆในงบราคานี้ต้องบอกว่าแน่นกว่าแบรนด์หลักๆซะอีก รวมถึงหนักแค่ 1.3 กิโลเท่านั้น

ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมสวยงามสีเงินเรียบๆพร้อมกับแบรนด์โลโก้ตรงกลางครับเป็นการออกแบบมาตรฐานทั่วไปแต่ที่ชอบคือความแน่นตรงขอบหน้าจอ หรือส่วนข้อพับจุดนี้ทำออกมาได้ดี การกางหน้าจอนั้นทำได้มาตรฐานทั่วไปแต่จะเห็นว่าส่วนของกล้องหน้าโดดเด่นขึ้นมาจริงๆและการพกพาต้องระวังกล้องหน้านิดหน่อยครับ ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการใช้สีดำส่วนคีย์บอร์ดที่อาจจะดูแปลกตาไปซักนิดเพราะว่าหลายๆค่ายจะเน้นเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องกันไปทั้งหมดแล้ว และ อาจจะทำให้ดูย้อนยุคไปซักเล็กน้อยครับตัวนี้ แต่ก็แล้วแต่คนชอบเลยว่าดีไซน์อะไรแบบไหน

ทางด้านฐานตัวเครื่องนั้นเราจะเห็นวัสดุพลาสติกสีดำทั้งหมดเรียบๆไม่ได้มีลวดลายอะไรมากนัก พร้อมกับช่องระบายความร้อนตรงกลางส่วนบน และลำโพงในมุมขวาและซ้ายด้านล่าง เรียกได้ว่าช่องนั้นไม่ได้เยอะมากนักแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ในบรรดาคอมพิวเตอร์พกพาแบบบางๆแบบนี้ครับ ส่วนด้านในนั้นไม่สามารถแกะอัพเกรดอะไรได้เลยทั้ง RAM – SSD ทั้งหมดเป็นแบบฝังมาแล้วและการแกะอะไรนั้นทำไม่ได้เลยนั้นเองในส่วนนี้

สแกนนิ้วใส่เข้ามาในมุมซ้ายบนแยกออกมาต่างหากเลยแอบดูเก่าไปนิดครับตัวนี้ เพราะว่าหลายๆค่ายจะเริ่มพัฒนาแทรกมาตรงปุ่ม Power ให้มันเนียนตามากขึ้นแล้วแต่อันนี้แบบโดดๆแล้วเป็นสีดำเลยแอบขัดใจนิดๆหรือว่าซ่อนไว้ตรง Touchpad น่าจะเนียนตามากกว่านี้ครับ ส่วนทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเป็นสีดำทั้งแป้นพิมพ์และพื้นหลัง เป็นสัดส่วนและช่องระบายความร้อนด้านหลังใต้ขอบหน้าจอนั้นยังคงมีมาให้เช่นเดิมเป็นแนวยาวตลอดเส้นเช่นเดิมระบายได้ดี

ขอบหน้าจอนั้นบางมากๆแค่ 3.7มม. ทำให้เรื่องของสัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องนั้นทำได้เต็มมากๆและทั้งขอบบนและซ้ายขวา แต่ที่เราจะเห็นว่าแอบแปลกตาคือส่วนของกล้องหน้า Webcam นั้นเป็นติ่งหน้าขอขึ้นมาทำให้อาจจะดูเกะกะในการพกพาอยู่บ้างครับและเมื่อพับไปก็จะไม่มีส่วนเครื่องมาปิดอะไรเลยอาจจะต้องระวังกันนิดหน่อย แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายนี้ได้ด้วยเช่นกัน มาพร้อมกับไมค์ 2 ตัว ข้างกล้องพร้อมกับหน้าจอแบบด้านใช้งานได้สบายๆ

SPEC

  • Operating SystemWindows 10 Home
  • CPU AMD Ryzen™ 5-4500U
  • Display 14″ 16:9 Full HD (1920 x 1080) Anti-Glare IPS Panel with 178 degree wide viewing angle
  • Memory 8GB / 16GB LPDDR4x
  • Graphics AMD Radeon RX Vega 6 Cores
  • Storage 512GB
  • Integrated Camera720p HD
  • Audio 1W x 2 Stereo Speakers, Dual Microphones
  • Keyboard Backlit Keyboard, Fingerprint Reader
  • Wireless IEEE 802.11 b/g/n/ac + Bluetooth 4.2
  • I/O Ports // USB3.0 x 2, USB 3.0 Type-C x 1 (PD 3.0 charging, Display out),
    3.5mm Headphone Jack, DC In, MicroSD card slot x 1, Full-sized HDMI x 1
  • Dimension 318(W) X 218(H) X 17.4(D)
  • Weight Starting from 1.3kg

PERFORMANCE

มาพร้อมกับ AMD Ryzen 5 4500U แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0GHz  TDP 15W และเป็นการ์ดจอ Onboard นะครับไม่มีการ์ดจอแยกอะไรใช้งานตัว AMD Radeon RX Vega ให้มาที่ 6 Core พอเล่นเกมเบาๆได้สบายนะ ในรุ่น V1 จะมาพร้อมกับ RAM 8GB DDR4 BUS 3200MHz และทางด้านหน่วยความจุเก็บข้อมูลเป็น SSD ความจุ 512GB ไม่สามารถอัพเกรดอะไรได้เลยนะครับเครื่องนี้ เพราะออกแบบมาติดกับบอร์ดทั้งหมด พร้อมกับติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home (64-bit) ถือว่าสเปกภาพรวมกับราคาทำได้ดีและเพียงพอมากๆ

PCMARK คะแนนทำได้  4423 ถือว่าตามระดับของ CPU Ryzen 5 ระดับกลาง เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU 76 และ GPU 77 ครับสำหรับการทดสอบนี้

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ  Wild Life /Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 9553 คะแนน การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้สูสีเท่ากับพวก MX ตัวก่อนๆเลยครับ และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลายครับ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน  Wild Life นั้น 6447 ได้เลยครับ ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU 77 และ GPU 78 ครับสำหรับตัวนี้ สภาพอากาศปกติครับ ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดี และคุมความร้อนยังไม่เจอแตะ 80 เลยนะครับในการทดสอบทั้งหมด

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU เลยแหละทำไปได้ใน R15  642 ทำได้ดี อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาดีขึ้นถ้าเทียบเจนก่อน ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 1586  ถือว่าคะแนนใช้ได้แหละในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่าตอนรุ่นที่แล้วพอสมควร ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้  553 ส่วนเขียนที่ 508 ครับจากทดลองหลายๆรอบ และอ่านเขียนนั้นถือว่าธรรมดาและน้อยมากๆเทียบเท่ากับแค่ SATA III เท่านั้นถือว่าช้าเกินไปหน่อย แต่ก็นี้ให้มา 512GB ครับ ถือว่าเพียงพอในการใช้งานทั่วไปไม่ได้เน้น ทำงานอะไรมากนักเก็บข้อมูล เข้าเว็บออนไลน์ทั่วไปถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในความเร็วนี้ครับ

SCREEN

หน้าจอจริงๆรุ่นนี้ที่เห็นเป็นติ่งกล้องถือว่าเป็นแนวคิด Post Modern เลยนะ และเครื่องนี้ได้รับรางวัล Reddot Design 2021 ด้วยก็แปลกตาดีครับ มาพร้อมกับหน้าจอ 14 นิ้ว IPS LCD มุมมอง 178 องศา ความละเอียด FHD พร้อมกับขอบหน้าจอบางเพียง 3.7 มม. และ อัตราสัดส่วนต่อเครื่องที่ 78.2% ถือว่าเป็นรุ่นที่ขอบหน้าจอบางมากๆและเต็มเครื่องมากๆรุ่นนึง แต่การออกแบบก็แปลกตาไปเหมือนกันครับ หน้าจอใช้งานหน้าจอแบบด้านพร้อมกับสีสันที่ดีพอสมควร ความแม่นยำกำลังดีในการใช้งานทั่วไป ทำงาน และสู้แสงได้ดี มุมมองรองรับได้กว้างและปรับได้เยอะ ความสว่างสูงสุดที่ 210 nits  และ ค่าสีประมาณ sRGB 65% ครับถือว่าตามระดับเรทราคาหมื่นกลางๆทั่วไปใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร ในแต่ละค่ายเรทราคาแบบนี้ไม่ได้หนีกันมากครับ แต่งานออกแบบรุ่นนี้ต้องบอกว่ากล้าและโดดเด่น

ในเรื่องของมุมมองในการใช้งานจริงต่างๆนั้นต้องบอกว่าถ้ามองเทียบในเรทราคาของมันก็ถือว่ารองรับได้แบบสบายๆไม่มีปัญหาเลย มุมมองแอบทำได้ดีกว่าที่คิดไว้รวมถึงคุณภาพการสู้แสง และ การเพี้ยนของสีในการเปลี่ยนมุมมองค่อนข้างน้อยมากๆในการใช้งานหน้าจอด้านนั้นทำให้รองรับการใช้งานในสภาพแสงข้างนอกตามร้านกาแฟ หรือว่าพกพาได้เป็นอย่างดี การสู้แสงดีระดับของ IPS ปกติครับมุมมองทำได้ดีมาตรฐาน แต่สีดำหรืออะไรนั้นทำได้ดีกว่าที่คิดในการเอียงมองเพราะว่าในราคาถูกมากๆบางค่ายนั้น เวลาเอียงมองจอจะออกเทาๆไม่สดไม่สวยแล้ว แต่ตัวนี้ยังทำได้ดีอยู่ถือว่า ในการใช้งานจริงสบายๆไม่มีปัญหารวมถึงสีสันก็พอใช้งานได้ในการทำงานพื้นฐานดูหนังต่างๆครับ

KEYBOARD

คีย์บอร์ดนั้นมาพร้อมกับโทนสีดำพลาสติกดำทั้งหมดมีความเว้าลงไปพร้อมกับลึกพอสมควร ถ้าหากมองเทียบกับบรรดา Ultrathin หรือ คอมพิวเตอร์สายพกพาต้องบอกว่ารุ่นนี้ระยะปุ่มความลึกของมันถือว่าลึกกว่าหลายๆตัวทำให้เวลากดนั้นรู้สึกดีและไม่เมื่อยแบบรุ่นอื่นๆที่บางและปุ่มตื้นนั้นเอง แต่การออกแบบสีดำเป็นแผงแบบนี้กลับทำให้ดูย้อนยุคไปก่อนหน้าเยอะเหมือนกันถ้ามองในส่วนคีย์บอร์ดนั้นไม่ได้ทันสมัยเท่าไรนักแอบเสียดาย แต่ก็แล้วแต่ชอบในการออกแบบครับ ปุ่มมาตรฐานมาพร้อมกับขนาดใหญ่ และ ปุ่มเปิดปิดเครื่องมุมขวา และ สแกนนิ้ว แต่น่าเสียดายว่าสแกนนิ้วน่าจะรวมกับปุ่ม Power และแยกออกไปจะดีกว่าเพราะว่าใช้งานแบบนี้ปุ่ม Power แอบไปโดนได้ง่ายมากๆ

ในเรื่องของระยะกดนั้นไม่ได้บอกว่าสเปกนั้นให้มาเท่าไร แต่รู้สึกเลยว่ามันลึกกว่ามาตรฐานที่เราเคยลองกันมาในหลายๆค่ายทั่วไปอีกทั้งระยะห่างก็ทำออกมาได้ดี การใช้งานพื้นหลังสีดำทำให้ปุ่มแยกแต่ละชิ้นได้ยากไปนิดนึงครับ ถ้าออกแบบมาให้เป็นสีเดียวกับตัวเครื่องและปุ่มสีดำน่าจะสวยและดูเด่นชัดมากกว่านี้เหมือนกัน ส่วนทางด้านไฟนั้นให้มาพร้อมกับสีขาว ปรับได้ 3 ระดับ คือ สว่าง กลาง และ ปิด รองรับการใช้งานเวลากลางคืนหรือสู้แสงได้ดีครับ แต่ทั้งนี้การออกแบบปุ่มสีดำตัวหนังสือขาวก็ทำได้เด่นชัดอยู่แล้วแม้จะไม่ได้เปิดไฟถือว่าเป็นจุดที่ดีในการออกแบบสีดำ

TOUCHPAD 

ทัชแพดใหญ่ถือว่าดีและเมือเทียบกับสัดส่วนตัวเครื่องรุ่นนี้ถือว่าให้มาใหญ่มากก เมื่อมองเทียบกับมือผู้ชายแบบแอดเอง 5 นิ้วสบายๆพร้อมกับยังเหลือพื้นที่ในการใช้งานได้ดีเยอะ ทำให้การควบคุมพื้นฐาน หรือ multigesture นั้นเหลือๆมากๆและมีความลื่นไหลสบายๆ แต่การใช้งานแบบใหญ่มากๆแบบนี้ก็แอบมีข้อเสียในการพกพาเพราะว่าถ้าเราไปนั่งทำงานข้างนอกและวางมืออาจจะทำให้อุ้งมือบางส่วนนั้นไปโดนได้ง่ายเหมือนกันครับ ต้องระวังกันนิดๆเรื่องนี้นะเพราะตัวเครื่องเองก็ไม่ได้มีระบบป้องกันเวลาพิมพ์อะไรเท่าไรเหมือนบางค่าย ทำให้ส่วนนี้ระวังกันเล็กน้อย ไม่ก็ปิดไปก่อน แต่ถ้าถามว่าใช้งานใหญ่ๆแบบนี้สบายมากๆ มันสะดวกจริงๆแอดชอบนะแต่แค่ตอนพิมพ์ต้องระวังกันเล็กน้อย

SPEAKER 

ลำโพงรุ่นนี้ให้มา 2 ตัวซ้ายขวาอยู่ในส่วนฐานตัวเครื่องในด้านหน้าครับมาพร้อมกับ กำลังขับ 1 วัตต์ 2 ตัว ก็ต้องบอกกันตรงๆว่ารุ่นนี้ลำโพงไม่ได้เด่นอะไรมากนักในการใช้งาน ทั้งความดัง มิติเสียงหรือความแน่น ลำโพงมาตรฐานตามระดับเรทราคาของมันเสียงใสๆ ดังๆแหลมนิดๆแต่ไม่ได้มีเบสหรือความนุ่มอะไรมากนัก เน้นใช้งานฟังเพลงทั่วไป หรือ คุยงานได้ปกติ แต่ถ้าจะเอามาดูหนังหรือทำอะไรเยอะๆอาจจะไม่ได้เด่นมากเท่าไร ใส่หูฟังจะดีที่สุดยังมีรู 3.5มม. มาให้ใช้งานครับ แน่นอนว่าด้วยระดับเรทราคาหมื่นกลางๆแบบนี้ไม่ค่อยเจอลำโพงที่ดีๆเน้นๆมาอยู่แล้วนะ

CONNECTOR

ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อเองนั้นแม้จะเป็นตัวเครื่องที่บางมากๆเองนั้นก็ตามแต่เรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อให้มาค่อนข้างครบพร้อมใช้งานทั้ง HDMI และ Micro-SD Card Reader ด้วยเช่นกันครับ มาดูกันที่ด้านขวาตัวเครื่องนั้นทาง AVITA LIBER V1 จะมาพร้อมกับ HDMI แบบเต็ม และ USB-C 3.0 ที่รองรับ PD 3.0 charging, Display out และ ในการชาร์จมีพอร์ต ชาร์จแบบ 2.5มม. ให้มาพร้อมกับไฟสถานะ ทำให้รองรับชาร์จทั้ง PD และ มาตรฐาน

ทางด้านฝั่งซ้ายนั้นเราะจะเห็น Kensington lock มาตรฐานพร้อมกับ USB-A มาให้ 1 ช่อง แบบ USB 3.0 พร้อมกับ รูหูฟัง 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้ใช้งานและ MicroSD card slot ถือว่าเป็นรุ่นที่พอร์ตพร้อมใช้งานมากๆตัวนึง แต่น่าเสียดายว่าในเรื่องของไร้สาย นั้นเราจะเห็นว่าเป็น Bluetooth 4.2 และ Wifi5 อยู่แอบล้าสมัยไปนิดๆ

WORKING 

ทางด้านการทำงานตัวนี้แน่นอนว่า CPU นั้นรองรับได้สบายใช้งาน AMD RYZEN 5 4500U มาพร้อมกับ  แบบ 6 คอร์ 6 เธรด ความเร็ว 2.3-4.0GHz  TDP 15W และเป็นการ์ดจอ Onboard นะครับไม่มีการ์ดจอแยกอะไรใช้งานตัว AMD Radeon RX Vega ให้มาที่ 6 Core ถือว่ารองรับการทำงานได้ดีอยู่แล้วในสเปกและเทคโนโลยีจาก AMD ตัวนี้ แต่ที่น่ากังวลคงจะเป็นสเปก RAM 8GB ที่อาจจะไม่เพียงพอถ้าใครที่เอาไปใช้งานหนักๆก็เป็นไปได้เพราะว่าค่อนข้างแน่นมากๆแล้วถ้าทำงานในบรรดาตระกูล ADOBE พวกนี้ รวมถึง SSD ที่ให้มาการอ่านเขียนอยู่ในระดับแค่ 500MB/S เท่านั้นถือว่าทำให้การทำงานนั้นดรอปไปเยอะมากๆถ้าใช้งานบรรดา Photoshop – Lightroom – Premire Pro พวกนี้ครับ แต่ถ้าใช้งานทั่วไปในการทำ งานเอกสาร Word – Excel และอื่นๆนั้นสบายๆหรือว่าจะเป็นการดูหนัง เก็บไฟล์ ทำงานทั่วไปเข้าเว็บ ประชุมออนไลน์ต้องบอกว่าตัวนี้เหลือๆสบายๆครับ

GAMING 

การเล่นเกมตั้งนี้อาจจะต้องบอกว่าไม่ได้เน้น แต่ด้วยพลัง AMD RYZEN 5 ตัวใหม่ พร้อมกับการ์ดจอ OnBoard ของมันบอกเลยว่าสบายๆครับ ในการเล่นเกมออนไลน์เบาๆทั่วไปรองรับได้ไม่มีปัญหา เท่าที่ลอง Overwatch ในการปรับภาพ Medium นั้นรองรับได้สบาย สามารถเล่นได้ต่อเนื่องระยะเวลายาวๆทดสอบ 2 ชั่วโมงในการเล่นนั้นถือว่าจุดที่ต้องชมคือในเรื่องของการระบายความร้อนนั้นไม่เจอแตะ 80+ นะครับทั้ง GPU CPU และ ทางด้าน FPS  สามารถขับได้สบายๆที่ 67FPS-70FPS เลยนั้นเอง ทำให้การเล่นเกมเบื้องต้นรองรับได้ แก้ขัดได้แบบไม่มีปัญหา และความร้อน นั้นก็จัดการได้ดีกว่าที่คิดถ้ามองว่าเป็นเครื่องขนาดบางครับ ไม่เจออาการคอขวดหรือหน่วงด้วยเช่นกัน

AVITA LIBER V1

” แบรนด์ทางเลือก คุณภาพงานประกอบดี ราคาเริ่มต้นจับต้องได้ง่าย พร้อม RYZEN 5 ! “

ถือว่าเป็นแบรนด์ทางเลือกที่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักและไม่ค่อยคุ้นตากันมากนักแต่จริงๆแล้วนั้นถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพแบรนด์นึงจากทาง อเมริกา ทั้งเรื่องของงานประกอบที่โดดเด่นกว่าตัวอื่นๆในคู่แข่ง การใช้วัสดุอลูมิเนียมเข้ามาค่อนข้างเยอะ และพลาสติกที่เป็นพลาสติกแบบแข็งเนื้อหนาจับแล้วรู้เลยว่าแข็งแรงหรือว่าการทำน้ำหนักฝาทำให้เราสามารถดึงฝาเปิดมือเดียวได้แบบสบายๆด้วยเช่นกันครับทำให้ตัวนี้ออกมาน่าสนใจเลยทีเดียว ในราคาเริ่มต้นแค่ 15K เท่านั้นถือว่าคุ้มค้าและยังได้ Ryzen 5 4000 Series รุ่นใหม่และสเปกภาพรวมนั้นไว้ใจได้ใช้งานได้ดี และงานออกแบบที่แปลกตา แต่ก็ได้รับรางวัลงานออกแบบประจำปี 2021 Reddot ด้วยนะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่มันจะมีจุดที่ต้องดูคือ ไม่สามารถอัพเกรดอะไรได้เลยทำให้ซื้อต้องเอาตัวที่มันจบและคิดแล้วว่าจะเพียงพอครับในการใช้งาน ทั้ง RAM SSD ต้องดูว่าเราใช้งานมากน้อยแค่ไหนด้วยเช่นกัน แต่ส่วนอื่นๆนั้นไม่มีปัญหาเท่าไรนะครับ

ข้อดี 

  • มาพร้อมกับ AMD RYZEN 5 4500U ประสิทธิภาพการทำงานเหลือๆ
  • หน้าจอขอบบาง 14 นิ้ว พร้อม  IPS รองรับมุมมองกว้าง และ จอแบบด้าน
  • งานออกแบบสวย แข็งแรงแน่นกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน
  • จัดการความร้อนทำได้ดีกว่าที่คิด  พัดลมไม่ดัง
  • ราคาเริ่มต้น ทำได้ดีขับต้องได้ง่าย เน้นใช้งานทั่วไป
  • มาพร้อม สแกนนิ้วมือในการปลดล็อกตัวเครื่อง
  • USB 3.0 Type-C ให้มารองรับการชาร์จ และ ใช้งานทั่วไป
  • คีย์บอร์ดมองเห็นได้ชัดเจน มีไฟปรับได้ 3 ระดับ
  • ทัชแพดมีขนาดใหญ่ และ กว้างมากๆตัวนึงในตลาด
  • พร้อม ศูนย์บริการในไทย และ รับประกันตัวเครื่อง 2 ปีสบายๆ

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับการ อัพเกรดทั้ง SSD – RAM ไม่สามารถแกะเปลี่ยนได้
  • Wifi 5 และ Bluetooth 4.2 ยังค่อนข้างตกยุคไปนิดหน่อย
  • งานออกแบบกล้องหน้าต้องระวังในการพกพา
  • ลำโพง ตัวเครื่องไม่ได้เด่นเท่าไรนัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares