AVATAR เป็นหนังที่หลายๆคนน่าจะเคยดูกันในภาคแรกเมื่อ 13 ปีก่อนซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกๆที่เปิดประสบการณ์ 3 มิติ ให้แก่วงการภาพยนต์ และ VFX CG ที่ยกระดับเหนือบรรดาหนังหลายๆเรื่องในยุคนั้น เป็นหนังที่ป๋า james cameron ของเราทำไว้อลังการและงานภาพคือที่สุดในยุคนั้น จนมาถึงปัจจุบันก็หาหนังที่ ทำ VFX ได้เนียนและคุณภาพแบบนั้นได้ยากมากๆแม้หนังจะเก่าแล้วก็ตาม แต่มิติของภาพ ฉากหลังทุกฉากไม่มี หลุด หรือ ลอยแม้แต่นิดเดียว รวมถึงความยาวหนัง 2-3 ชั่วโมง แต่เล่าเรื่องราวได้ไม่น่าเบื่อทั้ง ความรัก แอคชั่น ดราม่า มาครบทำให้ผมเองก็คิดว่า ภาค 2 มันจะเล่าอะไรได้อีก มันจะซ้ำซาก จำเจไหม และ งานภาพมันจะไปได้อีกหรอ แต่หลังจากที่ดูขอพูดยืนยันตรงนี้เลยละกันว่า ป๋า เค้าทำได้ งานภาพที่ยกระดับไปอีก 10 ปีข้างหน้าก็หาเรื่องที่ตั้งใจทำและใส่ใจทำได้แบบนี้ยากมากๆ รวมถึง การเล่าเรื่องราวต่างๆก็ทำได้ประทับใจไม่แพ้ภาคแรก รวมถึงความเป็นภาพยนต์ เพราะหลังๆ ภาพยนต์ หนัง หลายๆเรื่องมักจะทำเน้น แอคชั่น หรือความหวือหวา แต่เมื่อมามองดูบท เนื้อหา หรือ งานภาพ กลับโดนทำแบบไม่ได้เน้นดีเทลให้ลึก ไม่ได้ใส่ใจงานภาพ หรือ ความเป็นหนังได้ดีเท่ากับหนังที่ควรจะเป็น
![]()
แน่นอว่าด้วยความยาว 3 ชั่วโมง การที่จะเล่าไม่ให้คนดูเบื่อถือว่ายาก แต่เรื่องนี้มีการเล่าเรื่องถ้าใครดูภาคแรกก็อาจจะสนุกไปกับเนื้อเรื่องได้แน่นอน แม้ว่ามีหลายๆส่วนอาจจะดูยาวและยืดไปแต่มันกลับไม่น่าเบื่อ จริงๆผมรู้สึกเหมือนกำลังดู สารคดีที่เล่าไปเรื่อยๆแต่เราเห็นอะไรที่มันตื่นเต้น งานภาพสวยๆตลอดทั้งทางทำให้มันลุ้นว่าจะมีอะไรให้เราดูอีกไหมเรื่อยๆตลอด และเรื่องนี้ก็เล่าไปในแนวทางนั้น เส้นตรงไปเรื่อยๆไม่ได้มีหักมุมหรือฉีกแนวอะไร แต่เสริมความ ดราม่าที่ค่อยๆเยอะขึ้น ผสมกับแอคชั่นที่อลังการและมีเหตุผลของมัน รวมถึงแทรกความรักเข้ามาเหมือนเดิมนั้นเอง ทำให้ในเวลา 3 ชั่วโมงกลับไม่รู้สึกเบื่อ หรือ ว่ายาวเลยแม้แต่น้อย ในการเล่าเรื่องทำให้มีความน่าติดตามมากๆอยู่ ตัวบท เนื้อหา การกระจายบทแบ่งจังหวะได้ดี และ มีปมประเด็นให้เล่าไปอีก 5-6 ภาคอย่างที่ ผกก ตั้งใจได้แบบสบาย
![]()
รวมถึงการแสดงเองนั้นแน่นอนว่าอาจจะด้วยท่าทาง หรือ หน้าตาที่เน้นไปทาง CG ล้วนๆเป็นหลักแต่ก็อิงมาจากนักแสดงจริงก็ถือว่าเน้นท่าทาง การแสดงอารมณ์ และ จังหวะการพูดได้แบบเดิมกับตัวละครของเรื่องนี้ในหลายๆนักแสดงเองเราแทบจำหน้าตาไม่ได้เลยในเรื่องนี้และอาจจะเป็นผลดีที่เราจะค่อนข้างเปิดโลกไปพร้อมกับในหนังเรื่องนี้ แต่ขอชมทั้ง พระเอก นางเอก รวมถึงทีมเด็กๆที่แสดงผ่านตัวละครได้ดีกว่าที่คิดแม้จะเป็นตัว AVATAR เองก็ตามครับ
![]()
ที่สุดคืองานภาพ ต้องบอกก่อนว่า AVATAR หลายๆฉากคือสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ล้วนไม่มีของจริงแม้แต่นิดเดียว แต่มันกลับทำได้เนียนตาทุกส่วน และงานภาพที่ยากที่สุดคือ ฉาก CG กลางวัน และ มีน้ำ แต่เรื่องนี้เอาทั้ง 2 อย่างที่ยากที่สุดในวงการงานภาพยนต์ VFX ที่ยากที่สุดมาเจอกัน และทำได้แบบอลังการที่สุดเท่าที่เคยดูหนังมาในรอบ 10 กว่าปีเลยจริงๆ และ ถ้าใครดู IMAX ภาพจะคมชัด และ เต็มจอกว่าโรงภาพยนต์ทั่วไป ทำให้เราเห็นดีเทลของงานภาพได้สุดตามากๆครับแนะนำ ไม่มีฉากไหนที่รู้สึกว่า ภาพลอย หรือ หลอกตาเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการเล่นมุมกล้อง 3 มิติ แสงสีของงานภาพคือสุด ธรรมชาติ สวย และ มิติสมจริง ไม่มึนหัว ไม่หลอก และ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในหนังได้ดีจริงๆ เป็น 3 มิติ ที่ไม่ค่อยเจอในภาพยนต์เรื่องอื่นๆ อีกทั้ง FPS ของตัวหนังมีสลับ 24-48 หลายๆฉากทำให้มันไหลลื่นแต่ก็มีความเป็นภาพยนต์อยู่ ไม่เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ใช้ FPS สูงๆแล้วภาพจะไม่ค่อยเหมือนดูหนังเท่าไร
![]()
รวมถึงทางด้านงานเสียง บรรเลง เพลงเองทุกจังหวะเราจะได้กลิ่นอายของ ป๋า James อยู่ ดนตรีที่คุ้นเคย จังหวะที่ใช้อารมณ์แบบนิ่งๆเรียบๆ แต่เสริมบรรยากาศได้ดี แต่จังหวะต่อสู้ หรือ ลุ้นก็เร่งเร้าได้แบบเนียนๆ ไม่มีจุดไหนให้ติในส่วนนี้ อีกทั้ง ดีเทลเสียง กระสุน ต้นไม้ ฝนตก ใส่เข้ามาทิศทางดี และ แม่นสมจริงในโรง IMAX จริงๆครับถ้ามีเวลาอยากแนะนำให้ไปชมโรง IMAX LASER ตัวใหม่นะ คือราคามันแพงเวอร์ไปก็จริงครับ ถ้าที่นั่งที่ทางผมดูประมาณ 700 บาทแถว 3 แถวบน แต่ประสบการณ์แบบนี้แนะนำให้ดูโรงภาพยนต์นี้เท่านั้นเลยแหละ ขอยอมเสียตังให้กับเรื่องนี้ กับ 3 ชั่วโมงกว่า ถือว่าหาเรื่องที่คุ้มกว่านี้ไม่ได้แล้วแน่ๆในเร็วๆนี้ ยังไงเรื่องนี้ ไม่ควรพลาดจริงๆถ้า อยากรู้ว่าทำไม ภาพยนต์ ควรดูในโรงภาพยนต์ และ หนังที่ลงตัว และใส่ใจมันเป็นยังไง เรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้แบบชัดเจนที่สุด






