AUDI นั้นถือว่าเป็นค่ายที่ต้องบอกว่าในไทยก็พยายามลุยตลาดกันอย่างต่อเนื่องจริงจังขึ้นเรื่อยๆและจุดที่สังเกตได้เลยก็คือในเรื่องของราคาที่แอบทำได้ดีจับต้องได้ง่ายขึ้นรวมถึงหน้าตาก็สวยงามจัดเต็มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทางด้าน AUDI ในไทยเองก็เรียกได้ว่าเปิดตัวตามตลาดโลกกันแบบติดๆไม่ว่าจะเป็น e-Tron รุ่นใหม่ หรือจะเป็น A5 A7 ก็เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง และในตระกูล RS ก็เป็นครั้งแรกที่เปิดตัวขายในไทยแบบทางการหลากหลายตัวครับต้องบอกว่าพยายามเปิดตัวกันให้มีความหลากหลายมากขึ้น และในรุ่น A5 เองนั้นในไทยก็เอาตัวปรับหน้าตาใหม่เข้ามาทั้ง Sportback และ Coupe เช่นกัน โดยที่จะมารีวิวนี้จะเป็นในรุ่น A5 COUPE ที่มีราคาเริ่มต้น 2.699 ล้านบาท แต่ในรุ่นที่เรารีวิวนี้จะเป็นรุ่น สูงสุดในรุ่น A5 COUPE 45TFSI QUATTRO S-Line BlackEdition นั้นเอง ต้องบอกว่าในรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ดีไซน์สวยและจัดเต็มพอสมควรอีกทั้งในเรื่องประสิทธิภาพเครื่องยนต์ก็ไม่ธรรมดา

AUDI A5 COUPE S LINE BLACK EDITION นั้นจะเป็นรุ่นที่ออฟชั่นจัดเต็มที่สุดในตระกูล มาพร้อมกับรหัส 45TFSI และ ยังคงใช้งานระบบขับเคลื่อน QUATTRO 4 ล้อที่มีชื่อเสียงของค่ายนี้ครับ จะใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Direct Injection ขนาด 2.0 ลิตร 1,984 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ + Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว พละกำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with ultra technology ความจุถังน้ำมัน 58 ลิตร เป็นรุ่นที่สเปกแรงและใช้งานขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งถ้ารุ่นเริ่มต้นจะเป็นขับเคลื่อนล้อหน้านะครับ และ แรงม้านั้นจะน้อยกว่า ส่วนทางด้านออฟชั่นฟีเจอร์ งานตกแต่งก็มีความแตกต่างกันทั้งหมดโดยในรุ่น Black Edition นั้นจะเป็นการตกแต่งโทนสีดำในหลากหลายส่วน รวมถึงตัวล้อก็จะมี คาลิปเปอร์เบรก สีแดงตกแต่งเพิ่มเติมเข้ามาด้วย จะได้ใช้งาน ล้ออัลลอย 19 นิ้ว 8.5J x 19″ ลาย 5-Cavo-Spoke และ ใช้งาน ช่วงล่างแบบสปอร์ต Sports พร้อมกับ คาลิปเปอร์เบรก ด้านหน้า-ด้านหลัง สีแดง ชุดตกแต่งภายนอก Black Edition รวมถึง ชุดตกแต่งภายในห้องโดยสาร S-Line และจะได้หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร Matte Brushed Aluminium เบาะนวดไฟฟ้า และพวงมาลัยแบบตัด รวมถึง ระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยม Bang & Olufsen ระบบเสียง 3 มิติ และได้ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับสีได้ ส่วนทางด้าน หน้าจอสัมผัส หน้าจอ Virtual Cockpit ก็ใส่เข้ามาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นครับ  รวมถึงงานออกแบบไฟหน้า ไฟท้ายนั้นจะเป็นแบบเดียวกัน รวมถึงความปลอดภัยในหลายๆส่วน แต่น่าเสียดายว่าทาง AUDI เองก็ยังไม่มี Active Safety ใส่เข้ามาให้ในไทยเท่าไรนัก เพราะว่าต้องทำราคาในไทยด้วยเช่นกันครับ เช่นพวก Blind Spot หรือ Adaptive Cruise Control หรือ เตือนการชนพวกนี้จะไม่มี

สำหรับทางด้านราคานั้น ในรุ่นนี้ AUDI A5 COUPE  จะมาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นย่อย คือในรุ่นเริ่มต้นรหัส 40 TFSI ที่จะเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ในรุ่น 45TFSI QUATTRO S LINE BLACK EDITION ที่เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ และเครื่องยนต์รหัส 45TFSI นั้นเอง จะมีราคาแตกต่างกันประมาณ 9 แสนบาท รวมถึงงานออกแบบด้วยครับ

  • A5 Coupe’ 40 TFSI S-Line  2,699,000 บาท
  • A5 Coupe’ 45 TFSI quattro S-Line Black Edition  3,599,000 บาท

EXTERIOR

งานออกแบบในรุ่น A5 นั้นจะเป็นรุ่นที่ปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ทั้งหมด อาจจะยังไม่ได้ใช้งานดีไซน์ยุคใหม่ 100% แบบตระกูล A7 พวกนั้นทำให้รูปทรงสัดส่วนนั้นจะมีความคล้ายของเดิมอยู่บ้างเป็นปกติของ Minorchange ครับแต่ค่ายนี้ก็ถือว่าเป็นค่ายที่เปลี่ยนหน้าตา Minorchange หรือ Facelift เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆก็ว่าได้ครับด้านหน้าเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด กันชนหน้า รูปทรงเปลี่ยนใหม่ยกชุด รวมถึงด้านข้าง และ ไฟท้าย กันชนท้ายนั้นเอง และรายละเอียดภายในโคมไฟหน้า ไฟท้ายก็เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดทำให้รุ่นนี้ถือว่ามีความทันสมัยมากขึ้นชัดเจน และการตกแต่งแบบ S-Line Black Edition จะไม่มีโครเมี่ยมแต่ทดแทนด้วยสีดำทั้งหมด และ สปอร์ตมากขึ้นทั้งคัน

จะเห็นเลยว่ารูปทรงตัวรถในภาพรวม รวมถึงด้านข้างนั้นจะไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าแต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงกันชนหน้าหลัง ชุดแต่งรอบคันซะมากกว่าในรุ่นนี้จะเป็นสีเขียว District Green Metallic สวยงามพอสมควรครับและ เล่นกับชุดแต่ง Black Edition สีดำทั้งคันได้ลงตัวทำให้ตัวรถมีความดุดันมากขึ้น และ ล้อลาย 19 นิ้ว 5 ก้านแบบนี้ทำให้ดูดุดันขึ้นเยอะ และ คาลิปเปอร์เบรก สีแดงทำได้เด่นขึ้นชัดเจน รูปทรงคันนี้ถือว่าเป็นรถยนต์ Coupe ที่ทรงสวยมากๆคันนึงในตลาดตอนนี้มีความเหลี่ยม เป็นมัดกล้ามมากๆเข้ากับตัวรถได้ค่อนข้างดีและไม่ตกยุคเลย การเปลี่ยนแปลง ไฟหน้าไฟท้ายแบบใหม่ทำให้เข้ากับ ดีไซน์ยุคใหม่ของค่ายได้ง่ายมากขึ้น และหลังคากระจกที่เสริมเข้ามาทำให้ตัวรถนั้นดูกว้างขวางเมื่อนั่งข้างในด้วยเช่นกัน เป็น Coupe ที่ออกแบบมาได้ลงตัวมากๆคันนึงเลย

กันชนหน้าในรุ่น S-Line Black Edition นั้นจะเป็นการออกแบบใหม่ที่จะอิงความดุดันและสปอร์ตมากขึ้น จะเห็นว่ามีช่องดักลม 3 ช่องบนสุดเล็กๆเป็นเอกลักษณ์ของ AUDI ในรุ่น Supercar ตัวแรงๆนั้นเองเป็นเอกลักษณ์งานออกแบบที่ส่งมายังรุ่นเล็กๆ และ กระจังหน้าจะเป็นสีดำทั้งหมดเล่นลวดลายรังผึ้ง แต่โลโก้จะยังคงเป็นสีโครเมี่ยม ไม่ใช่สีดำนะครับ เพราะสีดำยังคงให้มากับตัว RS เช่นเดิมทางด้านกันชนล่างอะไรก็เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดมีเซนเซอร์รอบคัน มีช่องดักลมข้างๆเข้ามาเสริม และที่เห็นกลมๆนั้นจะเป็นที่อยู่ของเซนเซอร์ Radar ต่างๆแต่ในไทยไม่มีนะครับ เลยเป็นแค่งานออกแบบกลมๆเท่านั้น ส่วนกระจกมองข้างนั้นไม่มีกล้องอะไร แต่ยังคงมีไฟเลี้ยวและเล่นสีดำใส่เข้ามาให้พร้อมกับระบบพับไฟฟ้า ไม่มีแจ้งเตือนมุมบอด หรือกล้องรอบคันนะครับสำหรับ A5 Coupe รุ่นนี้

งานออกแบบชุดกันชนหลังเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ส่งผลถึงตัวไฟท้ายด้วยเช่นกัน กันชนแบบ S-line ใส่เข้ามาให้ดุดันและท่อไอเสียทรงใหม่ที่ดูสวยงามขึ้นเยอะมาก จากที่รุ่นก่อนจะแอบหรูแต่พอมาเป็น Black Edition ทุกอย่างดุดันมากขึ้น เล่นโทนสีดำ ท่อไอเสียทรงใหม่และกันชนแบบดำเงาทำให้ตัดกับสีเขียวได้เป็นอย่างดี พร้อมกับ ทับทิมท้าย และ ครีบ รีดอากาศด้านหลังเล็กๆในส่วนล่างของกันชนส่วนทางด้านล้อนั้น จะเป็นล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว  8.5J x 19″ ลาย 5-Cavo-Spoke ลายใหม่พร้อมกับ คาลิปเปอร์เบรก ด้านหน้า-ด้านหลัง สีแดง เป็นล้อที่สวยจบ และไม่ต้องเอาไปเปลี่ยนเลยจริงๆ ถือว่าเป็นลายติดรถที่สวยและลงตัวรวมถึงดีกว่าล้อติดรถของ TT ชัดเจน

ด้านท้ายตรงๆในรุ่นนี้จะเห็นชัดเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากขึ้นในส่วนของกันชนล่าง และไฟท้าย แต่ส่วนไฟเบรกแนวยาวและทรงอื่นๆนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มี Spoiler ด้านหลังเสริมเพิ่มเติมแต่อย่างใด รวมถึงมีครีบฉลามมาให้ด้านบน ส่วนด้านล่างมี ครีบรีดอากาศมาให้เล็กน้อยพร้อมกับท่อไอเสียคู่ทรงเหลี่ยม จากของเดิมเป็นวงกลม ส่วนด้านหน้านั้นเส้นสายอิงความคล้ายเดิม แต่เปลี่ยนกันชนหน้าดุดันมากขึ้น กระจังหน้าดุดันขึ้นทรง S line Black Edition รวมถึง ลิ้นด้านหน้าและ เส้นสายที่แตกต่างกับของเดิมชัดเจนดูลงตัวและเข้มมากขึ้น ตัดกับสีเขียวได้ชัดเจน

ส่วนที่ชอบจริงๆในบรรดา Coupe หลากหลายค่ายคือเมื่อเปิดประตูแบบ ไร้กรอบทำให้ตัวรถนั้นดูเท่มากๆเป็นจุดนึงที่ชอบมากๆครับเวลาเปิดกระจกแล้วเปิดประตูทำให้ตัวรถดูเท่ขึ้นมากจริงๆ ส่วนอีกจุดเด่นของรุ่นนี้จะเป็นหลังคา Panoramic ที่สามารถเปิดออกมาได้ แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวรถความโค้งของหลังคา และ เสาอากาศหลังทำให้การเปิดอาจจะไม่ได้เปิดได้สุดเยอะมากแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานและไม่ได้แหงนต้านลมอะไรมากด้วยครับถือว่าทำได้ดี

ไฟท้ายมาพร้อมกับทรงเดิมแต่เปลี่ยนงานออกแบบภายในใหมทั้งหมด แน่นอนว่าค่าย AUDI เป็นค่ายที่ทำเรื่องของไฟท้ายไฟหน้ามาได้เด่นมากๆนำหน้าคนอื่นมาโดยตลอดและไฟท้ายทรงใหม่นี้อัปเดตให้เข้ากับยุคใหม่ การแบ่งเป็นช่องๆพร้อมกับ ไฟเลี้ยวแบบ Dynamic วิ่งก็ยังใส่เข้ามาให้ทั้งหน้าและหลัง พร้อมกับ ไฟเบรก ไฟตัดหมอกหลังทั้งหมดถือว่าเปลี่ยนเยอะมากๆครับ และ ไฟหน้านั้นเป็น LED ทั้งหมดเช่นกันและมาพร้อมกับ Matrix LED และ  Daytime Running Lights แบบ LED พร้อมกับไฟเลี้ยวแบบวิ่งเช่นกัน เป็นงานออกแบบใหม่ทั้งหมดครับ

ยามค่ำคืนนั้นถือว่าโดดเด่นเพราะตัวไฟ AUDI ทำเส้นสายรายละเอียดออกมาค่อนข้างสวยและด้วยที่ไฟเบรกเป็นเส้นยาวทำให้มีความโดดเด่นมากๆในการขับขี่จริงๆ รวมถึงไฟหน้าด้วยเช่นกันครับ มีตัดหมอกในตัวทำให้ไม่ต้องมีตัดหมอกแยกมาเสริมด้านล่าง ส่วนความสว่างของตัวไฟนั้นใช้งานได้ดียามค่ำคืน ทดสอบในการขับลงใต้กลางคืนนั้นสามารถเปิดไฟปกติก็เก็บระยะได้ทั้งหมด รวมถึงไฟ Matrix LED ก็ทำงานไม่ให้รบกวนแสงได้ดีด้วยเช่นกันเวลามีรถสวนมา และเมื่อปลดล็อกนั้นไฟจะติด หน้าและหลัง และมีไฟส่องพื้น และ มือจับใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันถือว่าดีมากๆ

INTERIOR

งานออกแบบภายในรุ่นนี้ถ้าหลากหลายคนที่เห็นก็อาจจะคิดว่าทำไมดูไม่ทันสมัยหรือเป็นหน้าจอแบบรุ่น A7 พวกนั้น ก็ต้องบอกกันเลยครับว่ามันเป็นรุ่นที่ปรับเปลี่ยนหน้าตา Minorchange ทำให้ภายในอาจจะไม่ได้เปลี่ยนมากนัก แต่ถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อน ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แสงสีมากขึ้น วัสดุงานออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดก็ถือว่ายังพอรับได้กับยุคสมัยนี้ครับ  รวมถึง มาตรวัด Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3″ แสดงผลได้ 3 รูปแบบ และ หน้าจอกลางนั้น MMI Radio Plus เป็นระบบสัมผัส (MMI touch) ขนาด 10.1 นิ้ว อันนี้รองรับ Android Auto Apple Carplay ได้ทันทีพร้อมกับสัมผัสใช้งานได้ด้วย และแสงสีไฟ Ambient Light ปรับแต่งได้เยอะขึ้นสวยงามขึ้น รวมถึงพวงมาลัยทรงสปอร์ต ปาดขอบล่างก็ดูทันสมัยขึ้นจากรุ่นเดิมครับ แต่ Layout งานออกแบบอะไรนั้นคล้ายเดิม

กุญแจนั้นยังคงเป็นทรงเดิมยังไม่ใช่รูปแบบใหม่ครับพร้อมกับ ปลดล็อกและเปิดฝาท้ายปกติ ส่วนทางด้านการใช้งานสามารถ พกแค่กุญแจ และกดเปิดประตูอะไรได้ทั่วไป เอื้อมมือเปิดได้ปกติเลยไม่ต้องกดอะไรก่อน และใช้งานปุ่ม Start ทั่วไปสะดวกต่อการใช้งานมากๆ ส่วนทางด้านระบบควบคุมแอร์นั้นให้มาแยก ซ้าย ขวา รองรับการ Sync และ แยก 3 โซน หน้า 2 ฝั่ง และ ด้านหลังได้ทั้งหมด ยังคงเป็นการปรับแบบปุ่มทั่วไปไม่ใช่จอสัมผัส ส่วนหน้าปัดนั้นจะเป็นหน้าปัดแบบ  Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3″ แสดงผลได้ 3 รูปแบบสวยงามและแสดงผลได้ชัดเจนเช่นเดิมครับ ส่วนการปรับแต่งก็รองรับได้นิดหน่อยเปลี่ยนหน้าตาได้ว่าจะเอาแบบคลาสิกหรือ Sport ในภาพ

ภายในนั้นการวางตำแหน่งปุ่มใช้งานอะไรนั้นถือว่าใช้งานได้ง่ายและไม่ยุ่งยากมาพร้อมกับงานออกแบบที่เน้นความเรียบๆเป็นเส้นสายตรงๆพร้อมกับหน้าจอตรงกลางจะเห็นว่ามีงานออกแบบแนวนี้ค่อนข้างเยอะในยุคหลังๆ ทำให้มีความเรียบง่ายแต่สวยงามมากขึ้นปุ่มอะไรไม่เยอะแบบสมัยก่อนแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนวัสดุนั้นจะเป็นอลูมิเนียมปัดลายด้านสวยงาม ยังคงแทรกไฟ Ambient Light เพิ่มเข้ามาให้แต่อาจจะไม่ได้เยอะมากนัก มีที่วางแก้วน้ำมาให้พร้อมใช้งานในด้านหน้า และ คันเกียร์ทรงเดิม เป็นทรงที่จะเห็นได้ในหลายๆรุ่นของค่ายนี้ ส่วนตำแหน่งเมื่อมองจากนั่งด้านหลังก็โปร่งโล่ง ต้องยกความดีให้กับหลังคา Panoramic ที่เปิดให้มีความโปร่งมากขึ้น รวมถึงที่นั่งด้านหลังนั้นมีแอร์แยกโซนเข้ามาให้ใช้งานทำให้คนนั่งด้านหลังนั้นสามารถปรับ ความร้อนเย็นใช้งานได้อิสระจากข้างหน้า

เบาะนั่งในคู่หน้านั้นจะได้เบาะนั่งทรงสปอร์ตแบบ Bucket Seat เลยทีเดียวทำให้มีความดุดัน และกระชับมากๆในการใช้งานจริงรวมถึง Audi ยังใจดีให้เบาะนวดมาใช้งานทั่ง2 ฝั่งเลยอีกทั้งยังปรับได้ค่อนข้างอิสระมากๆในการใช้งานเป็นเบาะนั่งที่กระชับมากๆตัวนึงที่เคยนั่งมา และสามารถรองรับบริเวณหลังและต้นขาได้ดีทำให้นั่งได้กระชับแม้จะขับความเร็วสูงหรือเลี้ยวเทโค้งหนักๆครับ  การขึ้นลงนั้นด้วยรถยนต์ทรงนี้ทำให้ไม่ได้ลำบากหรือเตี้ยเท่ากับ Sport Car เตี้ยๆ เป็นทรงที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ ขึ้นลงได้แบบไม่ยุ่งยากหรือปวดขาครับ รุ่นนี้จึงตอบโจทย์ใช้งานทั่วไปได้ดีแต่ก็สปอร์ตได้ไปในตัว ส่วนเบาะหลังนั้นเป็นเบาะที่นั่งได้ระดับนึงในระยะทางไม่ไกลมาก พื้นที่กำลังดีสำหรับคนตัวไม่ใหญ่ แต่ถ้าสำหรับแอดมินนั้นถือว่านั่งได้ในการใช้งานทั่วไปมีแอร์ ที่วางแก้วพร้อม แต่พื้นที่ขาแอบอึดอัดนิดๆ

ส่วนตัวถือว่างานออกแบบภายในทั้งหมดก็ไม่เชิงจะตกยุคไปซะทีเดียวแต่ถ้าเมื่อมีตัวใหม่มาเทียบของค่ายตัวเองก็อาจจะดูไม่ทันสมัยเท่านั้นเอง แต่ถ้ามองเทียบกับการใช้งานหรือค่ายอื่นๆก็ถือว่าดีไซน์นี้ยังไปได้อีกยาวๆครับ การที่เพิ่มหน้าจอเข้ามาใหม่และแสงสีช่วยทำให้ภายในดูทันสมัยใช้งานได้จริงมากขึ้นกว่าเดิมส่วนถึงงานออกแบบที่คอนโซลเองนั้นไม่ได้ชันสูงมากนักทำให้โปร่งโล่งเวลาขับขี่มากขึ้น และการขึ้นลงประตูบานใหญ่สะดวกและง่ายมากๆ

พวงมาลัยพร้อมกับ Multi Function ยังคงใช้งานได้เต็มรูปแบบ และ ก้านควบคุมCruise Control นั้นยังคงแยกออกไป จริงๆอยากให้รวมมาใช้งานบนพวงมาลัยให้หมดจะดีกว่าครับ ส่วนพวงมาลัยตัวนี้เปลี่ยนใหม่เป็นแบบปาดขอบทรงใหม่ทั้งหมดพร้อมกับเล่นหนังแบบเจาะรู ทรงสปอร์ตพร้อมกับ S-line ตรงด้านล่างพวงมาลัยจริงๆพวงมาลัยค่อนข้างกระชับและแน่น รวมถึงชอบเรื่องของการขับขี่มีความคมและแม่นยำมากๆทำให้ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว ส่วนปุ่มควบคุมเป็นมาตรฐานทั่วไปของค่ายนี้ใช้งานได้ยากครับด้านซ้ายปรับหน้าจอ และ ด้านขวาปรับระดับเสียง เพลงต่างๆ แต่ชอบทรงพวงมาลัยที่มันไม่กลม และขอบข้างๆมีปาดเหลี่ยมเข้ากับมือเวลาขับขี่มากๆครับ รวมถึงมี Paddle Shift มาให้พร้อมเล่นใช้งานบนพวงมาลัย และตรงเกียร์ก็ยังมี D-S + / – เสริมเข้ามาด้วยเช่นกันครับพร้อมกับ เบรกมือไฟฟ้า ส่วนตัวเกียร์ทันสมัยแล้ว ใช้งานแบบปุ่มกด เวลาจอดตัว P และ มีขนาดสั้นๆกำลังดีใช้งานได้ถนัดมือครับ

ที่เก็บสัมภาระเห็นว่าเป็นรถยนต์ทรงนี้แต่บอกเลยว่าความจุด้านหลังนั้นเหลือๆอีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้ดีครับสามารถรองรับ ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย  450 ลิตร อีกทั้งยังสามารถปรับพับเบาะหลังได้อีกเป็น 3 ส่วน ทำให้รองรับการใส่ของยาวๆทะลุไปห้องโดยสารได้แน่นอน รวมถึงมียางอะไหล่มาให้พร้อมใช้งานไม่ได้ตัดออกไปไหนครับและเป็นยางแบบขอบบางมาตรฐานครับ ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ห้องสัมภาระใช้งานได้จริงรุ่นนึงขนของ กระเป๋าเดินทางสบายๆ

ENGINE DRIVING 

ทางด้านเครื่องยนต์ในรุ่นนี้จะเป็นตัวแรงสุดแล้วจะใช้งาน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Direct Injection ขนาด 2.0 ลิตร 1,984 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ + Mild Hybrid 48V ช่วยในการออกตัว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.5 x 92.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.65 : 1 พละกำลังสูงสุด 249 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 7 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro with ultra technology ความจุถังน้ำมัน 58 ลิตร เพราะว่าถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นจะเป็น 40TFSI และเป็นขับล้อหน้านะครับ แน่นอนว่าตัวนี้จึงเป็นรุ่นที่แรงสุดแล้วตระกูล A5 COUPE แล้ว มาพร้อมกับการเร่ง 0-100 ได้แค่ 5.9 วิเท่านั้นที่ทดสอบในการขับเวลาจริง ถ้ามองตรงๆเร็วกว่าคู่แข่งชัดเจนครับ และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 แต่ในการใช้งานจริงมีแต่ 255 ได้เลยครับ แน่นอนว่าตัวเลขการใช้งานบอกเลยว่าดีกว่าเดิมชัดเจน การเปลี่ยนเกียร์ของค่ายนี้พัฒนามาเนียนและต่อเนื่องแม้จะเป็นแค่ 7 Speed แต่กลับทำเวลา การลากรอบ การต่อเกียร์อะไรได้สนุกและทันใจอย่างมาก พร้อมกับ ช่วงล่างแบบ 5 ลิงก์ที่ลดน้ำหนักลง มีอัลลอยผสมเข้ามามากขึ้นเป็นช่วงล่างที่ดีและแน่นมากๆในการใช้งาน ยึดเกาะกับถนนได้ดีมากๆ มีความคล่องตัวและยึดติดถนนจริงๆ พร้อมกับ ระบบขับเคลื่อนที่ เป็นตัวชูโรงของทางค่ายครับ มาตรฐานนั้นการกระจายจะเป็น ล้อหน้าและล้อหลังในสัดส่วน 40:60 จะทำให้ขับขี่สนุกแบบขับหลัง แต่ก็ปรับตามสภาพถนนได้สามารถจ่ายกำลังไปล้อหน้าได้สูงสุด 60% และด้านหลังสูงสุด 80%

การขับขี่นั้นอัตราเร่งจัดจ้านมากๆเมื่อเทียบกับคู่แข่งถ้ามองตัวแรก 0-100 นั้นทำได้ดีที่สุดถ้าเทียบกับหลายๆตัวในเซกเมนต์หรือคลาสเดียวกัน สามารถเร่งได้ 5.8-6 วิเท่านั้นครับและการลากรอบเกียร์ในโหมด Dymanic ทำออกมาได้สนุกและดุดัน หรือถ้ายังไม่พอใจสามารถเล่นได้และลากรอบสูงๆได้แบบสะใจจนเสียงเครื่องได้ยินชัดเจนขึ้นกว่าเดิมทำให้การขับขี่ในทางไกลนั้นมีความสนุกมากขึ้นชัดเจน ตัวเกียร์และเครื่องยนต์นั้นถูกจูนออกมาตอบโจทย์สายซิ่งเป็นต้นทุนเดิม แต่ก็รองรับการใช้งานแบบทั่วไปรอบต่ำๆประหยัดน้ำมันได้ดีเช่นกันถือว่าเป็นการขับขี่ที่ฉลาดมากๆ

ช่วงล่างค่ายนี้ขึ้นชื่อเรื่องของความมั่นใจ ความนิ่งได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้สายมุด สายปาดแบบค่าย BMW แบบนั้นแต่ถ้ามองเทียบในเรื่องของความเร็วสูง ความดูดเกาะถนน AUDI ทำจุดนี้ได้ดีกว่าเยอะมากๆครับอาจจะเรียกได้ว่าคนละแนวกัน ช่วงล่างค่ายนี้จะเหมือนกับมีแม่เหล็กมาดูดติดกับถนนไว้จริงๆมันดูมั่นใจดูเกาะแม้จะขับความเร็วสูงๆก็ตามช่วงล่างสามารถเอาอยู่กับช่วงคอสะพานหรือว่าถนนที่ไม่เรียบในความเร็วสูงได้โดยที่รถไม่มีอาการโยนหรือเหวี่ยงอะไรเท่าไร และด้วยการทำงานร่วมกันกับระบบขับเคลื่อนที่กระจายได้ดีทำให้ตัวรถนั้นคุมได้อยู่ในหลายๆสถาณการณ์แม้จะเจอถนนที่เป็นถนนร่วนๆหรือจะเป็นถนนเปียกคันนี้บอกเลยว่า Quattro ช่วยได้เยอะมาก

พวงมาลัยจัดว่าคมและนิ่ง เป็นเอกลักษณ์แบบที่เราเคยขับในทั้งรุ่น TT A7 พวงมาลัยนั้นเอาอยู่ในหลากหลายความเร็ว ทั้งการเลี่ยวเข้าโค้งหรือจะเป็นการเปลี่ยนเลนพวงมาลัยทำน้ำหนักออกมาได้ดีอย่างมาก รวมถึงในความเร็วสูง 200+ ก็ไม่ต้องมาแก้อะไรเยอะ พวงมาลัยทางตรงจัดว่านิ่งและแม่นยำที่สุดตัวนึงทำให้การขับขี่นั้นเป็นไปได้ด้วยดีในโหมด Dynamic ตอบสนองได้คมไม่มีเกินหรือไม่ทันใจเลยแม้แต่น้อยเรียกได้ว่าเซ็ทมาได้ลงตัวแล้วไม่ต้องปรับ

เก็บเสียงในรุ่นนี้แน่นอนว่าเป็นรถยนต์สายซิ่ง ในเรื่องของการเก็บเสียงกลับทำได้ดีกว่าที่คิดไว้เสียงจาก ถนน ลม หรือในการขับขี่ความเร็วสูงมากๆ 160-200 บอกเลยว่าทำได้เงียบกว่าที่คิดมากๆในเรื่องของเสียงยาง เสียงลมต่างๆเป็นคันนึงที่เสียงเงียบและเก็บรอยต่ออะไรได้ดีคันนึง แต่ที่ชอบอย่างนึงแม้จะเก็บเงียบแต่ก็แอบได้ยินเสียงเครื่อง ลากรอบได้แบบสนุก สะใจอยู่คือพยามทำให้คนขับได้ยินเสียงเครื่อง เสียงท่ออยู่บ้างทำให้ไม่ได้เงียบจนหมดสนุกไปซะทีเดียวแต่เก็บเสียงส่วนนี้ไว้ได้ดีครับ อีกทั้งพวกเสียงเครื่องรอบต่ำก็เงียบแต่พอรอบสูงๆนั้นก็ทำให้สะใจได้เหมือนกัน

และ ด้วยการขับขี่ทั้งหมดบอกเลยว่าเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกมากๆคันนึงในคู่แข่งทั้งหมด และด้วยการออกแบบที่เน้นเรื่องค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน ต่ำเพียงแค่ 0.25 เท่านั้นบอกเลยว่าต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่งทั้งหมด และน้ำหนักตัวรถที่พยายามรีดให้เบามากขึ้นทำให้ภาพรวมเป็นรถยนต์ที่เบา เครื่องแรง แน่น ช่วงล่างหนึบและพวงมาลัยคม เป็นอะไรที่คนชอบขับขี่นั้นสนุกแน่นอนอันนี้กล้ารับประกันจริงๆครับ ลงตัวในหลายๆส่วนและได้เรื่องขับเคลื่อน4 ล้อบอกเลยว่าได้เปรียบในหลายๆสภาพถนนของคันนี้ เจอฝนตกอะไรก็ขับได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก และเรื่องระบบความปลอดภัยนั้นมาพร้อมกับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system) ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization function) เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด ประมาณนี้ แต่ไม่มีกล้องรอบคันอะไรใส่เข้ามาให้นะครับ

CONSUMPTION

อัตราสิ้นเปลืองนั้นเท่าที่ทางทีมงานได้ทดสอบทั้งการขับขี่ในเมืองเจอรถติด รวมไปถึงการใช้งานต่างจังหวัดโดยเปิด Dynamic Mode และ Sport ในส่วนของเกียร์และเน้นขับแบบเท้าหนักมากๆนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าที่คิดไว้ครับสามารถ ใช้งานในเมืองทั่วไป รถติดบ้างโหมดปกติ AUTO ครับสามารถทำอัตราสิ้นเปลืองได้ที่ 13 กิโล/ลิตร และถ้าหากใช้งานนอกเมืองในโหมดปกติจะได้ประมาณ 15 กิโล/ลิตรครับ ในแบบการขับขี่ทั่วไปไม่ได้เร่งแซงหรืออัดหนักๆอะไรเท่าไรครับ แต่ถ้าทดสอบแบบสุดโหดขับเร็วและอัดไปเยอะๆนั้นจะได้ประมาณ 10 กิโล/ลิตรครับ แน่นอนว่าอันนี้ทดสอบโดยการคำนวณแบบเต็มถังทั้งหมดและจับระยะทางและลิตรที่ใช้ไปนะครับเอาจริงๆถือว่าประหยัดเอาเรื่องอยู่เหมือนกันในการใช้งานจริงๆถ้าขับแบบทั่วไปก็ถือว่าสบายๆเลยและอัตราเร่งนั้นไม่ธรรมดา 0-100 แค่ 5.9 วิเท่านั้นในการทดสอบถือว่าเอาเรื่องเลยทีเดียว และในการขับขี่โหมด Dynamic นั้นทำให้ตัวรถพุ่งได้ทันใจมากๆ และเมื่อเทียบกับความแรง กับรถยนต์ขนาดนี้บอกเลยว่า A5 ตัวนี้จัดจ้านแต่ก็ยังทำได้ประหยัดในการขับขี่ทั่วไปแบบชัดเจน

AUDI A5 COUPE S LINE BLACK EDITION 

” A5 COUPE ที่ลงตัวที่สุด พละกำลังช่วงล่าง พวงมาลัย ขับสนุก หนีคู่แข่งได้แบบสบายๆ “

ต้องบอกเลยว่าถ้าใครที่เน้นเรื่องของการขับขี่ ช่วงล่างหรือการขับขี่ที่สนุกเร้าใจค่าย AUDI ต้องเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆแน่นอนและทางด้าน  A5 Coupe รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย ยังคงความโดดเด่นทั้งเรื่องของ ช่วงล่าง การขับขี่ ระบบขับเคลื่อนหรือจะเป็น พละกำลังที่สามารถรีดออกมาได้เยอะมากๆคันนึง และด้วยรูปทรงอะไรเป็นรถที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ แต่ก็มีพละกำลัง ช่วงล่างที่พร้อมจะสู้กับทุกคันบนท้องถนนได้ทันที การเร่ง 0-100 5.8 วิบอกเลยว่าไม่ธรรมดา ทำงานร่วมกันกับขับ 4 สบายๆในการใช้งานจริง รวมถึงงานออกแบบ อะไรภายนอกมีความสวยจบมากขึ้น ลายล้อ เบรก การตกแต่งทั้งหมดรวมถึงสีเขียวทำให้มันโดดเด่นบนท้องถนน และมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครเท่าไรบนท้องถนนครับ และด้วยราคาที่ทำได้ดีกว่าเดิมทำให้มันเป็น Coupe ที่น่าเล่นที่สุดถ้าใครที่เน้นเรื่องของการขับขี่ แต่ถ้าเน้น ฟีเจอร์เแน่นๆหรือการตกแต่งภายในหวือหวา ตัวนี้อาจจะไม่ได้เน้นพวกนั้นมากนักอันนี้ก็ต้องเข้าใจทั้งเรื่องของ ราคา ที่ต้องเป็นรถนำเข้าเยอรมันทั้งคัน ฟีเจอร์อาจจะสู้รถประกอบไทยได้ยาก แต่ถ้าเทียบกับยุคก่อนๆ หรือรุ่นก่อน บอกเลยว่าราคาทำได้ดีขึ้นและฟีเจอร์ทางค่ายก็พยายามใส่เข้ามาให้เยอะขึ้นมากแล้วครับตรงนี้

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares