ASUS เปิดตัว Vivobook ในรุ่น Pro กันอย่างต่อเนื่องและเน้นสายทำงานหนักหน่วงมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน และครั้งนี้มาในรุ่น 14X OLED ที่ต้องบอกว่าดึงฟีเจอร์แบบรุ่น Proart กันมาเลยทีเดียว รวมถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องใช้งาน Ryzen 9 5900HX ตัวแรงและมาพร้อมกับ RTX 3050 ด้วยเช่นกันครับ อีกทั้งในรุ่น 14 ที่ราคาถูกกว่าก็จะไม่มีฟีเจอร์ Asus Dial หรือ ว่าการ์ดจอแยก แต่ก็ยังได้ Ryzen 9 5900HX เหมือนกันรวมถึงได้หน้าจอระดับเทพเหมือนกัน รวมถึงทั้งงานออกแบบ ช่องต่างๆนั้นมีความใกล้เคียงกันอย่างมาก แต่จะแตกต่างกันเรื่องฟีเจอร์ ดีเทลบางส่วนนั้นเองครับ ทำให้ทั้ง 2 ตัวนี้ทำได้น่าสนใจในสายทำงานเป็นอย่างมาก แต่มันจะมีอะไรแตกต่างกันบ้างนั้นเราไปอ่านรีวิวกันได้เลยในตัว ASUS VIVOBOOK PRO 14 / PRO 14X OLED พร้อม Ryzen 9 5900HX

ทางด้าน ASUS VIVOBOOK PRO 14 OLED และ 14X OLED ในหลายๆส่วนคล้ายกัน แต่ก็มีจุดที่น่าสนในเป็นจุดหลักๆที่แตกต่างกันไปเช่นกัน ซึ่งถ้ามองถึง CPU แน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นนี้จะใช้งานตัวเดียวกันในสเปกที่เรารีวิวจะเป็น AMD Ryzen™ 9 5900HX Processor 3.3GHz (16M Cache, up to 4.6GHz, 8 cores) พร้อมกับ หน้าจอ 14.0 นิ้ว 2.8K (2880 x 1800) OLED 16:10 aspect ratio, 0.2ms response time, 90Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut , 1,000,000:1, 1.07 billion colors, PANTONE Validated ซึ่งจะเป็นจุดหลักๆที่เหมือนกัน และ ทางด้าน RAM 16GB  DDR4 on board รวมถึง 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD นั้นเอง และพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆก็ให้มาเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น แต่จะมีจุดต่างกันหลักๆ ในรุ่น X จะมี การ์ดจอแยกเสริมเข้ามา นอกเหนือจาก AMD Radeon™ Graphics นั้นเองครับจะได้ NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050Ti Laptop GPU เลยทีเดียว รวมถึงรองรับ 1x M.2 2280 PCIe 3.0×4 และจะมีฟีเจอร์ DialPad ที่ทำให้มันแตกต่างกับรุ่น PRO 14 ธรรมดา และแน่นอนส่งผลถึงการใช้งานที่แตกต่างกันด้วย

PRICE

  • Vivobook Pro 14X OLED (M7400, AMD Ryzen 5000 Series) CPU: AMD Ryzen™ 9 5900HX Mobile Processor GPU: NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050Ti RAM:16GB DDR4 on board 46,990 บาท
  • Vivobook Pro 14 OLED AMD Ryzen™ 9 5900HX Processor Intergrated GPU: AMD Radeon™ Graphics RAM: 16GB DDR4 on board 34,990 บาท 

DESIGN PRO 14 OLED 

งานออกแบบในรุ่น PRO 14 แน่นอนว่าบอดี้ภาพรวมถือว่ายังคงทำได้สวยงามและคล้ายๆกันไม่ต่างกันมาก แต่รุ่นนี้จะได้เรื่องของสีที่จะออกอมฟ้าเล็กน้อย ตัวเครื่องบางเบาพอสมควรและงานประกอบทำได้ดี พกพาได้ดีตามสไตล์ของ VIVOBOOK แต่หลังๆนั้นการออกแบบ คุณภาพเรียกได้ว่าเทียบกับพวก ZENBOOK กันได้เลยคุณภาพยกระดับขึ้นมาเยอะมากครับ และในด้านหลังจะเขียน ASUS VIVOBOOK แบบตัวนูนขึ้นมาบนฝาหลังของตัวเครื่องแบบโลหะ

งานออกแบบทำให้ตัวน้ำหนัก 1.4kg ขนาด 14 นิ้วในด้านหน้าจอถือว่าพกพาได้ง่ายและไม่ใหญ่มากเกินไปส่วนด้านในนั้นไม่แตกต่างกันทั้ง2 ตัวครับมมาพร้อมกับคีย์บอร์ด และ ทัชแพดขนาดใหญ่ ปุ่มต่างๆสีดำสวยงามและมีไฟบนคีย์บอร์ดให้มาครบ พร้อมกับหน้าจอขอบบางและมาพร้อมกับหน้าจอแบบเงา และกล้องหน้ามีที่ปิดกล้องหน้ามาให้ครบส่วนการกางต่างๆนั้นกางได้ระดับนึงแต่ก็จะไม่ได้สามารถราบไปกับพื้นได้และจะไม่มี Ergo Lift อะไรใส่เข้ามา

ทางด้านคีย์บอร์ดงานออกแบบภายในก็คล้ายๆกับรุ่นอื่นๆในตระกูลนี้ครับ ปุ่มต่างๆมองง่ายชัดเจนและใช้งานได้ดีพร้อมกับปุ่ม Power และ การระบายความร้อนออกจากด้านหลังเครื่อง และ ช่องดูดลมจากใต้เครื่องถือว่าจัดการได้ดีมากๆในตัวพัดลม เมื่อทำงานหนักๆระบายได้ไวเสียงดังระดับนึงและไล่ได้ไว แต่รุ่นนะจะไม่ได้มีการยกตัวเครื่องอะไรมากถ้ามองเทียบกับพวก Zenbook พวกนั้นจะมี Ergo lift แต่รุ่นนี้จะไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็จัดการใช้งานได้ดี

SPEC PRO 14 OLED 

  • หน้าจอขนาด 14.0 นิ้ว WQXGA+, อัตราส่วน 16:10, รีเฟรชเรท 90Hz
  • AAMD Ryzen™ 9 5900HX
  • AMD Radeon™ Graphics
  • RAM DDR4 16GB SSD 512GB (M.2 NVMe™ PCIe® 3.0)
  • Windows 10 Home ที่อัปเกรดเป็น Windows 11 Home ได้เมื่อพร้อมใช้งาน
  • คีย์บอร์ด Backlit ระยะปุ่มกด 1.35 มิลลิเมตร
  • ลำโพง harman/kardon และไมโครโฟนแบบ Built-in
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A 1x USB 3.2 Gen 1 Type-C 2 x USB 2.0 Type-A 1 x HDMI 1.4 1x 3.5mm Combo Audio Jack 1x DC-in เครื่องอ่านการ์ด Micro SD
  • ขนาดตัวเครื่อง: 31.74 x 22.85 x 1.92 ~ 1.93 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก 1.40 กิโลกรัม

DESIGN PRO 14X OLED

งานออกแบบบอดี้ต่างๆนั้นไม่ต่างกันแต่ในรุ่น X เราจะเห็นการเสริมดีเทลหลายๆส่วนเข้ามา หรือแม้แต่รูปทรงการตัดขอบตัวบอดี้มีแตกต่างกันบ้าง และ บรรดาช่องลมในหลายๆส่วนแตกต่างกันครับแต่ขนาดหน้าจอต่างๆนั้นเหมือนกันทั้งหมด รวมถึงทางด้านโทนสีรุ่น X มีความเข้มดำมากกว่าเดิม และด้านหลังตรงโลโก้แตกต่างกับรุ่นทั่วไปเราจะเห็นว่าจะเป็นสีดำเข้ม เขียน ASUS VIVOBOOK #BeExplores ต่างๆ ซึ่งจะเป็นจุดที่แตกต่างเยอะระหว่าง 2 ตัว

เมื่อเปิดฝามาด้านในเราจะเห็นจุดต่างคือปุ่ม ESC สีส้มที่โดดเด่นทิ่มตาเมื่อเปิดและการออกแบบ Layout นั้นเหมือนกันครับไม่ได้หนีกันมากนัก แต่เราจะเห็นเส้นสายอะไรที่แตกต่างรวมถึงการเสริมฟีเจอร์ตรง Touchpad เข้ามาที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าสเปกก็จะหนีกันเยอะมากเช่นกัน ส่วนด้านหลังฝาหลังเราจะเห็นว่ามีขีดเสริมเข้ามาเหนือขอบฝาหลังและ โลโก้ที่จะดำเข้มมากกว่าตัวทั่วไป และ ไม่มีใส่โครเมียมสีเงินอะไรเข้ามาทำให้ดุดันและเข้มกว่ารุ่นทั่วๆไปส่วนน้ำหนักนั้นต่างกับรุ่นทั่วไปคือ 1.45 กิโลกรัม ถ้ามองเทียบกับรุ่น 14 คือ 1.4 กิโลกรัมนั้นเองไม่ได้ต่างกันเยอะ

ในตัวปุ่ม ESC จะเป็นสีส้มแดงสวยงามและโดดเด่น และ นอกเหนือจากนั้นตัวปุ่ม POWER จะรองรับสแกนนิ้วมือได้ด้วย อีกทั้งมีการเล่นลวดลายต่างๆเสริมเข้ามาเหนือปุ่มจะเห็นว่ามีการเขียนหรือขีดตกแต่งเข้ามาทำให้ดูมีลูกเล่นกว่าตัวทั่วๆไป และมีการเล่นลวดลายตามขอบเครื่องที่จะเป็นส่วนระบายความร้อนด้านหลังนั้นเอง ทำให้แตกต่างกันแค่ลวดลายส่วนใหญ่ครับ ส่วนการระบายความร้อนด้านหลังก็มีช่องอะไรเยอะกว่าเล็กน้อยและมีลวดลายมากกว่ารวมถึงการรับลมได้มากกว่าเพราะว่ารุ่นนี้จะมีการ์ดจอแยกเสริมเข้ามา RTX 3050TI ทำให้ต้องใช้งานมากกว่ารุ่นอื่นๆ

SPEC PRO 14X OLED

  • หน้าจอ OLED ขนาด 14 นิ้ว 2.8K, อัตราส่วน 16:10, รีเฟรชเรท 90Hz
  • AMD Ryzen™ 9 5900HX AMD Radeon™
  • Graphics, NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050Ti Laptop
  • RAM DDR4 16GB SSD 512GB (M.2 NVMe™ PCIe®)
  • Windows 10 Home ที่อัปเกรดเป็น Windows 11 Home ได้เมื่อพร้อมใช้งาน
  • คีย์บอร์ด Backlit ระยะปุ่มกด 1.35 มิลลิเมตร
  • ลำโพง harman/kardon และไมโครโฟนแบบ Built-in
  • Asus Dial 
  • Fingerprint Reader
  • พอร์ตการเชื่อมต่อ 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A 1x USB 3.2 Gen 1 Type-C 2 x USB 2.0 Type-A 1 x HDMI 1.4 1x 3.5mm Combo Audio Jack 1x DC-in เครื่องอ่านการ์ด Micro SD
  • ช่องเสียบ M.2 2280 PCIe 3.0×4 จำนวน 1 ช่อง
  • ขนาดตัวเครื่อง: 31.74 x 22.85 x 1.79 ~ 1.79 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก 1.45 กิโลกรัม

ASUS DIAL PAD PRO 14X OLED

แน่นอนว่าตัว DIAL PAD ที่เสริมเข้ามาเราจะเห็นในตัว PROART และได้มีการใส่เข้ามาในตัว VIVOBOOK PRO 14X OLED ด้วยเช่นกันครับ แต่จะมีการใช้งานแบบเสมือนหรือว่าใช้งานบน TOUCHPAD ที่สามารถเปิด/ปิดได้ ถ้าเปิดจะมีไฟขึ้นมาทำให้เราใช้งานแตะตรงนั้นได้เลยนั้นเองเพราะเป็นปุ่มเสมือนพิเศษอย่าง ASUS Dial เข้ามาช่วยให้เราทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นเหมือนดวงไฟวงแหวนกลมๆ ที่สามารถให้เราควบคุม หมุน กดลงไปได้ แบบสัมผัสทั้งหมดตามคำสั่งที่เราตั้งค่าไว้ ออกแบบมาเพื่อให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อการใช้งานร่วมกับโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Premiere Pro, Lightroom Classic และ After Effects ใช้งานได้ดีมาก

เพียงใช้นิ้วแตะและเลื่อนหมุนไปมา ถ้าเราตั้งค่าตัว ASUS Dial ให้เหมาะกับงานที่ทำก็จะช่วยเราได้อีกเยอะเลย ใช้เป็นคีย์ลัดในการทำงานไม่ว่าจะเป็นการปรับสี ปรับความเข้มต่างๆ ในตัวโปรแกรมที่รองรับของทาง Adobe และสามารถเพิ่มตัวเลือกอื่นๆให้ ใช้งานได้ สะดวกมายิ่งขึ้นตามแบบของเราได้ด้วย แม้จะไม่ได้ใช้งานแบบปุ่มเหมือน Proart แต่ก็สามารถรองรับการทำงานได้ดีครับ ปรับตัวไม่ยากและสามารถปรับแต่งได้เหมือนกันและพัฒนาได้ดี

PRIVACY 14X OLED

ในเรื่องของความปลอดภัยจริงๆทั้ง 2 รุ่นให้มาดีมากๆคือตัว WEBCAM ที่สามารถปิดหรือเปิดม่านได้เมื่อปิดเราจะเห็นสีส้มนั้นเอง แต่ที่รุ่น 14X OLED นั้นเราจะได้สแกนนิ้วมือใส่เข้ามาให้ตรง POWER รองรับการใช้งานได้สบายๆ

SCREEN

หน้าจอในทั้ง 2 รุ่นเราจะได้หน้าจอตัวเดียวกันในความละเอียดแบบ 2.8K เลยทีเดียวและมีค่าสีที่ตรงและแม่นยำมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ และสามารถใช้งานทำงานได้สบายๆในสเปก 14.0 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880 x 1800) OLED 16:10 aspect ratio, 0.2ms response time พร้อมกับ 90Hz refresh rate, 100% DCI-P3 color gamut และ ค่าคอนทราส 1,000,000:1, รองรับสี 1.07 billion colors,  และมาตรฐาน PANTONE Validated  พร้อมกับใช้งานกระจกแบบเงา Glossy display และแน่นอนว่า การันตี Pantone และไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวก็สวยสมจริงดุจมีชีวิตด้วยคุณภาพของสีที่ได้การรับรองคุณภาพโดย Pantone validated ซึ่งเป็นระบบสีที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก เป็นมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งด้านงานออกแบบ, กราฟิกดีไซน์, แฟชั่น, บรรจุภัณฑ์, สถาปัตยกรรมและอีกมากมาย และการใช้งานหน้าจอนี้จะช่วยตัดแสงสีฟ้าถึง 70% เพราะว่าจอ OLED ของ VIVOBOOK PRO  ผ่านการรับรองคุณสมบัติเพื่อการถนอมสายตา จากสถาบันชั้นนำ TÜV Rheinland-certified ลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้มากถึง 70% ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคนในทุกลักษณะการใช้งาน และรุ่นนี้ก็จะได้มาตรฐานแบบเดียวกันทั้งหมดแม้จะเป็น Vivobook Pro ก็ทำได้ดีไม่แพ้รุ่นพี่เลยทีเดียวและสีจอทำได้ดี และได้ทั้ง ความคมชัดมากกว่าเดิม และ 90Hz บอกเลยว่าลงตัวและน่าสนใจมาก

และด้วยระดับ contrast 1,000,000:1 สีดำ ดำสนิท ให้ภาพดูลึกมีมิติ Contrast Ratio โดยสามารถให้ค่าคอนทราสต์เรโชสูงถึง 1,000,000 : 1 ทำให้ภาพที่แสดงบนจอ OLED ดูลึกมีมิติสมจริงทุกรายละเอียด อัตราการตอบสนองของภาพที่เร็วเพียง 0.2 มิลลิวินาที ให้ภาพลื่นไหลไม่มีกระตุกถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของหน้าจอแบบนี้  90Hz  ค่าตอบสนองที่ไวแบบนี้เหมาะแก่การทำงาน ตัดต่อ หรือสายกราฟิกได้ดีครับ แม้จะเป็นหน้าจอแบบเงาก็ตามแต่หน้าจอตัวนี้ในการใช้งานจริง แอบเจอแสงสะท้อนบ้างแต่ก็สามารถสู้แสงได้ดีกว่าที่เคยเจอในแบบจอทั่วไปหรือแบบ LCD นั้นเองครับรวมถึงค่าความดำเวลาใช้งานจริง ดูหนังต่างๆบอกเลยว่าสีมิติภาพดีและสวยมาก จนแค่เปิดใช้งานทั่วไปหลายๆคนก็มาทักกันเลยว่ามิติภาพสวยมากจริงๆ และเป็นประสบการณ์ที่ได้แค่ในบรรดา OLED นี้

KEYBOARD 

แป้นพิมพ์ตัวนี้มาพร้อมกับแบบเต็มที่เราคุ้นเคยพร้อมกับไฟ Led Backlit 3 ระดับเช่นเดิมแน่นอนว่าตัวปุ่มนั้นเป็นสีดำทั้งหมด แต่ถ้ารุ่น 14X จะได้สีส้มมุมซ้ายบนเสริมเข้ามา แต่ปุ่มเหมือนกันทั้งหมดครับ และมีระยะการกด 1.35มม. ถือว่ากำลังดีในการใช้งานทั่วไป รวมถึงการออกแบบปุ่ม Enter แบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้จะเห็นในด้านนอก และ ด้านในตัวเครื่องเช่นกัน ถือว่าระยะห่างการใช้งานต่างๆนั้นจัดการได้เป็นอย่างดีปรับตัวไม่ยาก และระยะการกดต่างๆเวลาพิมพ์งานกำลังดีเช่นกัน แม้ระยะเดินทางอาจจะไม่ได้ลึกมากแต่ก็รองรับการใช้งานได้ดีสำหรับพิมพ์ยาวๆ หรือแม้แต่เล่นเกมก็ตามครับถือว่าการออกแบบทำได้ดีและไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะจากรุ่นก่อนๆของค่าย

ปุ่มที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแต่สามารถคุมระยะห่างในแต่ละปุ่มได้ดีทำให้การปรับตัวจากรุ่นก่อนๆไม่ยากมากนัก และรองรับการเล่นเกมทำงานได้แบบสบายๆเช่นกัน แน่นอนว่านอกเหนือจากระยะกดแล้วความห่างของปุ่มแต่ละปุ่มก็สำคัญและขนาดของแต่ละปุ่มก็มีผลด้วยเช่นกันครับ ตัวนี้อยู่ในระดับที่เขียนงานได้ดี และชอบเรื่องของการออกแบบที่สแกนนิ้วในปุ่มเปิด/ปิดมุมขวาบน และห่างไกลการใช้งานไม่เผลอไปโดนบ่อยแน่นอน และการใช้งานสีดำตัวอักษรขาวนั้นมองเห็นได้ชัดเจนและสว่างในยามค่ำคืน รวมถึงปุ่มลัดต่างๆนั้นให้มาครบไม่ได้ตัดออกไปไหน และแน่นอนว่าปุ่มลูกศรด้วยเช่นกัน แม้จะไม่ได้ใหญ่แต่ก็พยายามให้พื้นที่เยอะที่สุดในปุ่มของมันออกไปในแนวยาวแบนขนาดใหญ่มากกว่านั้นเอง และ เมื่อดูดีเทลในรุ่น 14X เราจะเห็นปุ่ม ESC สีส้มและการเขียนเหนือปุ่มเป็นการตกแต่งที่สวยและดูเท่ขึ้น

CONNECTOR 

พอร์ตเชื่อมต่อทั้ง 2 รุ่นเหมือนกันในด้านซ้ายนั้นจะมาพร้อมกับ USB 2.0 Type-A ซึ่งต้องบอกเลยว่าให้มาทั้ง 2 พอร์ตถือว่าแอบน่าตกใจในรุ่นนี้เพราะว่าในปี 2021 แบบนี้ไม่น่ามีมาให้แล้วเช่นกันน่าจะเป็น 3.1 มาตรฐานได้แล้วครับแต่ยังไงไม่น่าให้มาถึง 2 พอร์ตในตัวนี้ พร้อมกับไฟสถานะต่างๆพร้อมใช้งาน และลำโพงเองนั้นจะอยู่ในด้านหน้ายิงออกด้านซ้ายขวา ยิงออกเฉียงๆได้ดีครับ ถือว่าตำแหน่งวางกำลังดีและความหนาก็กลางๆไม่ได้หนามาก

ส่วนทางด้านขวานั้นเราจะเห็นพอร์ตเชื่อมต่อครบจัดเต็มให้มาทั้ง  USB 3.2 Gen 1 Type-A และ USB-C 3.2 GEN 1 TYPE C และ พร้อมกับ  HDMI 1.4 และ รูหูฟัง 3.5มม Combo Audio Jack และช่อง DC-IN รวมถึงรุ่นนี้ยังคงให้  Micro SD card reader พร้อมใช้งานถือว่าเพียงพอมากๆครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเองนั้น Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.0 (Dual band) 2*2 พร้อมใช้งาน แต่จะไม่มี Thunderbolt แบบฝั่ง Intel

SPEAKER 

ทั้ง 2 รุ่นแม้การออกแบบช่องลำโพงจะต่างกันแต่เสียงทำได้ดีทั้งคู่ ไม่ต่างกันมากนักในแง่ของความดัง และ นอกเหนือจากไมค์ที่มีระบบ  AI Noise-Canceling แล้วนั้นรุ่นนี้เรื่องของลำโพงก็ทำได้ดีเช่นกันมาพร้อมกับลำโพงคู่ที่รองรับเสียงได้ดี และปรับแต่งเสียงจากทาง Harman/Kardon ที่เป็นแบรนด์ที่ทางค่ายใช้งานหลากหลายตัวและเริ่มใส่เข้ามาในตัว Vivobook ในหลายๆรุ่นเร็วๆนี้ถือว่าเรื่องของเสียงไว้ใจได้เรื่องความดังสบายและสามารถสู้เสียงเวลาใช้งานทั่วไปได้ดังดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆหน้าชัดเจนแม้เสียงเบสอาจจะไม่ได้เด่นมากนัก แต่มิติเสียงทั่วไปทำได้ดีเมื่อฟังเพลง เล่นเกมต่างๆรองรับได้ดี แยกซ้ายขวาชัดเจน แค่อาจจะไม่ได้แน่นมากนักในย่านเสียงต่ำต่างๆในรุ่นนี้ครับ

WORKING 

การทำงานสามารถทำได้ดี ทดสอบในตัว PREMIRE PRO ก็เรนเดอร์ได้ดีเช่นกันความลื่นไหลในการทำงาน การตัดต่อ พรีวิวคลิปต่างๆนั้นไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนเวลาเรนเดอร์อันนี้จะเริ่มแตกต่างกันชัดเจนครับเพราะว่าตัว 14 OLED ทำไป 54 นาทีต่อคลิป และ ทางด้าน 14X OLED ทำได้ไป 20 นาทีต่อคลิป แตกต่างกัน นานพอสมควรครับอาจจะด้วยพลัง การ์ดจอ ที่ใส่เข้ามาในการเรนเดอร์อาจจะมีผลด้วยเช่นกันครับ แต่ถ้าทำงานทั่วไปจังหวะสลับแอป หรือ ตัดต่อไม่เจอปัญหาหน่วงหรือค้างอะไร แต่ต่างกันแค่ เวลาเรนเดอร์นาทีต่างกันเท่านั้นครับ

GAMING 

การเล่นเกมจริงๆทั้ง 2 รุ่นอาจจะไม่ได้ออกมาเพื่อเล่นเกมตรงๆแต่ก็สามารถทำงานได้ดีเพราะว่าให้ทั้ง RAM 16GB และ RYZEN 9 5900HX บอกเลยว่าไม่ธรรมดา และในรุ่น 14X OLED เองนั้นสามารถใช้งานได้ดีขึ้นด้วย RTX 3050TI ที่ใส่เข้ามาบอกเลยว่าแรงมากครับ ในการทดสอบเปิดภาพเท่ากันในความละเอียด 2.8K เหมือนกันแน่นอนเลยว่าตัว14 OLED ที่ไม่มีการ์ดจอแยกอาจจะลำบากในการเล่นเกม แต่ก็ขับได้20-25 FPS ในภาพระดับกลางแบบ 2.8K ครับ แต่ถ้าอยากให้ลื่นแนะนำ FHD ก็เพียงพอแล้วและขับได้ 30+ เหมือนกัน บอกเลยว่า CPU ตัวนี้จัดการได้ดี และ ความร้อนไม่สะสม ส่วนทางด้าน 14X OLED ที่มาพร้อม RTX 3050TI สามารถขับได้สบายๆ 70+ FPS ในความละเอียด 2.8K ได้ไม่มีปัญหา ภาพลื่นสวยและขับได้ดี แถมมิติของภาพยังสวยและคมชัดมากๆ

ASUS VIVOBOOK PRO 14X / PRO 14 OLED 

” ประสิทธิภาพเด่น หน้าจอสวยและมาตรฐานครบ พร้อมพกพาง่ายและงานออกแบบที่สวย “

ในทั้ง 2 รุ่นทำได้ดีกันคนละแบบถ้าเน้นใช้งานแบบโหดแน่นอนว่าตัว 14X OLED ทำได้เต็มที่กว่าเยอะมาก แต่ถ้าคนที่เน้นแค่ขอภาพสวยๆ เน้นพกพาได้ง่าย และ CPU RAM ที่รองรับการทำงานได้แบบสบาย ไม่เน้นเกมอะไรมากนักจริงๆตัว 14 OLED ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเน้นทำงานแบบโหดขึ้น เล่นเกมได้โหดขึ้น และมี ASUS DIAL เสริมเข้ามาอันนี้ถือว่าเป็นจุดแตกต่างกันหลักๆเลยนั้นเองว่า เราจะเหมาะไหมหรือสมควรเพิ่มงบเข้าไปไหมจากที่เราใช้งานครับ เพราะว่า CPU RAM นั้นเหมือนกัน หรือแม้แต่หน้าจอ 2.8K 90HZ ก็ได้เหมือนกัน รวมถึงพอร์ตและงานออกแบบทั้งหมด กับงบที่เพิ่มมาถ้าเงินมากพอแน่นอนว่าแนะนำ 14X OLED ใช้งานยาวๆเล่นเกมก็สบายครับ

ข้อดี

  • หน้าจอทำได้ดีสวย และคุณภาพสูง มาตรฐานสีตรง และคมชัด
  • หน้าจอ 90Hz และ ความละเอียดมากถึง 2.8K ขนาด 14 นิ้ว
  • งานประกอบ คุณภาพวัสดุทำได้น่าสนใจและแข็งแรง
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบ พร้อมใช้งานหลากหลายส่วน
  • ลำโพง มิติเสียงดี ดังพอประมาณ
  • ประสิทธิภาพ RYZEN 9 5900HX ทำได้ดีทั้ง ความแรง และ ประหยัดพลังงาน
  • รองรับการทำงาน เล่นเกมได้สบาย รวมถึงระบายความร้อนได้ดี

ข้อสังเกต

  • ยังคงให้ USB-A 2.0 มามากถึง 2 ช่อง
  • งานออกแบบไม่ได้ต่างกันมากนัก
  • ไม่สามารถชาร์จไฟผ่าน USB-C ได้

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares