ASUS ในตระกูล VIVOBOOK นั้นต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาค่อนข้างคุ้มค่า คุ้มราคาพอสมควรครับทั้งเรื่องสเปคและวัสดุสีสันที่พัฒนาขึ้นเยอะ ถ้าใครจำกันได้ในรุ่นก่อนหน้าก็ถือว่าเปิดตัวมาได้ดี สเปคเทียบราคาดีมากๆพร้อมกับสีสันที่สวยและหลากหลายอย่างมาก มาในปีนี้เปิดตัวมาด้วยดีไซน์ใหม่อีกครั้ง พร้อม CPU AMD Ryzen 4000 Series รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งหมดครับทั้ง 5 และ 7 ถือว่าเป็น CPU ที่น่าจับตามองมากๆในปีนี้และมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ทั้งตัดขอบเครื่องแบบสวยๆคมๆ และ สีสันใหม่ รูปทรงอะไรใหม่ทั้งหมดเลยครับในรอบนี้ ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ทำได้น่าสนใจ ส่วนหน้าจอมีมาให้เลือกทั้ง 14-15 นิ้วใสเปคเดียวกัน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น New Vivobook Series แล้วเรียกตัวเดียวชื่อเดียว แต่รุ่นย่อยมีทั้ง 2 ขนาด และ 3 รุ่นย่อยปกติครับ  New VivoBook series (D433/D533/D413) ทั้ง 3 ขนาด และ มีสเปคแตกต่างกัน ด้วยเช่นกันครับ 

ASUS  NEW VIVOBOOK  SERIES  ในรุ่นที่เรารีวิวนั้นจะเป็น D413 ครับเป็นซีรีส์ใหม่ที่มาพร้อมกับ ขนาด 14 นิ้ว จะมาพร้อม CPU AMD Ryzen 5 4500U วางจำหน่าย 3 สี (Hearty Gold/ Transparent Silver/ Indie Black) และมี CPU AMD Ryzen 7 4700U ในสี Indie Black วัสดุทำจากพลาสติกเคลือบเมทัล ซึ่งของเราจะเป็นตัว  AMD Ryzen 7 4700U  นะครับ แน่นอนว่าจัดเต็มเอาเรื่องเลยแหละสำหรับตัวนี้  พร้อมกับ การ์ดจอ Onboard RADEON  และให้ RAM 8 GB DDR4  พร้อมกับ SSD PCle NVMe 512GB และ มาพร้อมหน้าจอ 14 นิ้ว FHD IPS ด้วยเช่นกันเป็นหน้าจอแบบด้านครับ และด้านลำโพงยังคงใช้งาน จากค่ายดัง HARMAN/KARDON และ มาพร้อมกับ USB-C และการเชื่อมต่อนั้นรองรับ WIFI 6 – Bluetooth 5 ด้วยครับ ส่วนการอัพเกรด RAM นั้นไม่รองรับนะครับในรุ่นนี้จะไม่เหมือนรุ่นก่อนหน้านั้น รวมถึงไม่มี Ergo Lift ด้วยครับ

ทางด้านราคาของทาง ASUS VIVOBOOK NEW SERIES นั้นมาพร้อมกับ สเปค หลักๆ 3 รุ่นย่อยครับ

  • D433 ขนาด 14 นิ้ว  CPU AMD Ryzen 5 4500U (มีวางขายเฉพาะสี Indie Black) วัสดุโลหะ
  • D533 ขนาด 15 นิ้ว  CPU AMD Ryzen 7 4700U และ Ryzen 5 4500U (มีวางขายเฉพาะสี Indie Black)
  • D533 อีก 3 สี (Dreamy White/ Resolute Red/ Gaia Green) จะมาพร้อม Ryzen 5 4500U
  • D413 ขนาด 14 นิ้ว  CPU AMD Ryzen 5 4500U วางจำหน่าย 3 สี (Hearty Gold/ Transparent Silver/ Indie Black) และ CPU AMD Ryzen 7 4700U ในสี Indie Black ตัวที่รีวิว
  • ตัวที่ รีวิวจะเป็น  D433 ขนาด 14 นิ้ว CPU AMD Ryzen 7 4700U ในสี Indie Black ซึ่งเอาประสิทธิภาพไปอิงในตัว D413 RYZEN 7 ได้ และ วัสดุงานออกแบบ จะเป็นโลหะ แทนพลาสติก 

UNBOX

  • ตัวเครื่อง VIVOBOOK  NEW SERIES
  • สายชาร์จและ ADAPTOR
  • สติกเกอร์สำหรับตกแต่งตัวเครื่อง
  • คู่มือ ใบรับประกัน

DESIGN 

ในเรื่องของการออกแบ ดีไซน์ในรุ่นนี้จริงๆมันอาจจะไม่ได้ใหม่อะไรมากครับเพราะมันจะเป็นเหมือนกับรุ่น S433 ก่อนหน้าที่ออกมาเป็นสเปค intel นั้นเองทั้งเรื่องงานออกแบบอะไรหลายๆอย่างมันเหมือนกันเลยนั้นเองครับ ในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหลากหลายสีสันแบบเดิม และมาพร้อมทั้ง 14 15 นิ้ว และมีทั้งแบบวัสดุ โลหะ และ พลาสติกให้เลือกซื้อ ซึ่งในรีวิวจะเป็นแบบโลหะครับ D433 เลยทำออกมาได้ดีในเรื่องการสัมผัส วัสดุความแข็งแรงเลยครับ ขนาดอยู่ในกำลังดี พกพาได้ง่ายและ โทนสีอะไรยังคงโดดเด่นและยังมีการออกแบบตัดขอบเงินๆสวยงามมาให้ด้วยครับตัวนี้

ครั้งนี้เราเอามาให้ชมกัน 2 สีครับ คือ indie Black โทนสีดำ และ สีเขียว Gaia Green มีความแตกต่างกันพอสมควรทั้งโทนสีข้างนอก และ ข้างในรวมถึงพวกแป้นพิมพ์ครับ แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีสี  Hearty Gold/ Transparent Silver มาให้เลือกด้วยครับ แน่นอนว่ารองรับได้หลากหลายความต้องการ ฝาหลังนั้นเรียบๆมีการออกแบบเส้นสายขอบบน พร้อมกับโลโก้แบบ Diamond Cut สีเงินมาให้ด้วยรวมถึงขอบเครื่องของก็ตัดขอบเช่นกัน ส่วนฝาข้างในก็มีการเล่นสีตรงปุ่ม Enter ต่างๆให้สวยงามครับ และขอบหน้าจออะไรทำได้บางมากๆเลยครับ

3 ภาพด้านบนนั้นเป็นจุดเด่นของงานออกแบบหลักๆในรุ่นนี้ทั้งเรื่องของโลโก้ และการออกแบบแถบข้างบนรวมถึงการใช้งานโลโก้ที่ตัดคมสวยแบบ Diamond Cut ทำให้มันมีมิติและเด่นขึ้นมา และยังมีการออกแบบปุ่ม Enter ที่มีการเล่นสีเขียวเด่นสวยงามใส่มาให้ในหลายๆรุ่นของตระกูลนี้โดดเด่นกว่าตัวอื่นเอาเรื่องครับ และ ยังมีตรงขอบเครื่องรอบๆทั้งเครื่องนั้นจะเป็นการตัดขอบแบบ Diamond Cut ทำให้มันเป็นสีเงินเงาทำมุมเฉียงทั้งเครื่อง ทำให้สะท้อนกับแสงและเงาได้สวยงามและดูดีมากขึ้นและในรุ่นนี้ใช้งานวัสดุ โลหะเลยทำให้มันดูพรีเมี่ยมมากกว่าเดิมครับ

ข้อพับ ข้อต่อในรุ่นนี้ถือว่ามีความแข็งแรงและมีน้ำหนักกำลังดีครับ แต่จะยกจอขึ้นมาแบบมือเดียวไม่ได้นะครับเครื่องมันเบาบางพอสมควรเลยทำให้ยกทั้งเครื่องขึ้นมาเลยส่วนในรุ่นนี้หน้าจอมันจะไม่ได้มีระบบ Ergo Lift แล้วครับเลยทำให้ตัวเครื่องไม่ได้ยกขึ้นมาสูงแบบรุ่นก่อนๆ ส่วนตัวช่องระบายอากาศในส่วนข้างหลังนั้นจะเห็นว่ามีช่องเรียงแนวยาวครับแต่ช่องที่สามารถระบายได้จริงๆนั้นจะเป็นในด้านซ้ายของภาพที่มีช่องระบายใหญ่ๆครับ เลยทำให้มีช่องระบายเดียวเป็นหลักเป็นพัดลมเดียวแน่นอนว่าเป็นปกติของ Ultrabook หลายๆรุ่นครับเนื่องจากไม่มีการ์ดจอแยกเลยไม่ได้ต้องใส่พัดลมคู่มาแบบพวกคอมพิวเตอร์สายเกมมิ่งอะไรแนวนั้นครับ

ขอบหน้าจอในรุ่นนี้มีความบางพอสมควร แต่ก็ยังใส่กล้องหน้ามาให้ครับแม้จะไม่ได้มีการใส่สแกนใบหน้ามาให้ก็ตาม มีไมค์อะไรใส่มาให้เรียบร้อยครับ ส่วนขอบหน้าจอข้างๆนั้นมีความบางอยู่ระดับนึงเลย ขอบหน้าจอทั้งหมดจะเป็นสีดำครับไม่ว่าสีตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบไหนแต่ส่วนขอบหน้าจอนั้นจะเป็นสีดำเหมือนกันทุกรุ่นย่อย แต่จะไม่มียางรองมาให้

ส่วนบริเวณแป้นพิมพ์และที่รองมือนั้นเป็นวัสดุโลหะเช่นกันครับ ไม่ได้มีลวดลายอะไรแต่มีเว้าลงไปนิดหน่อย โทนสีแป้นพิมพ์เป็นสีดำ ตัวหนังสือขาวพร้อมไฟขาว และ ปุ่ม Power ไว้มุมขวาบนครับ ส่วนด้านข้างนั้นเราจะเห็นว่ามันมีการยกตัวเครื่องสูงขึ้นในด้านหลังแต่จะเป็นตัวยางรองใต้เครื่องที่ยกแทน ไม่ใช่ระบบ Ergo lift แบบรุ่นก่อนๆที่เปิดหน้าจอแล้วจะยกขึ้นไปครับเลย ทำให้องศาอะไรพวกนี้มันจะสูงไม่เท่ารุ่นก่อนๆแต่ก็ยังมีความง่ายต่อการใช้งานอยู่เช่นกัน

SPEC 

  • Windows 10 Home
  • AMD RYZEN 7 4700U 7nm (8 Core 8 Threads 2.0GHz-4.1GHz) TDP15W
  • AMD Radeon™ Graphics
  • หน้าจอขนาด 14” LED-backlit Full HD (1920 x 1080) 16:9  NanoEdge display with 88% screen-to-body ratio  รองรับมุมมองกว้าง  178° wide-view technology
  • RAM 8GB  2400 MHz DDR4
  • STORAGE  PCIe SSD 512GB
  • พอร์ตเชื่อมต่อ 1 x USB 3.1 Gen 1 Type-C™  1 x USB 3.1 Gen 1 Type-A 2 x USB 2.0  1 x Standard HDMI  1 x Audio combo jack 1 x MicroSD card reader 1 x DC-in
  • Keyboard  Full-size พร้อมไฟ backlit, with 1.4mm key travel
  • ASUS Sonic Master ระบบเสียง stereo พร้อมรองรับ  surround-sound; และ smart amplifier  Certified by Harman Kardon
  • Array microphone with Cortana voice-recognition support
  • 3.5mm headphone jack
  • กล้องหน้า HD Camera
  • Wi-Fi  Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
  • Bluetooth®   Bluetooth V5.0
  • รองรับ Fast charging: 60% in 49 minutes  42wh 3-cell lithium-prismatic battery  90W power adapter  (Output: 19V DC, 4.74A, 90W)   Plug Type: ø4 (mm)  (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)

PERFORMANCE

ทางด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน ตัว CPU AMD RYZEN 7 4700U เทคโนโลยี 7nm ตัวล่าสุดครับ ความเร็ว 2.00 GHz Boost ถึง 4.10 GHz  แบบ 8 คอร์ 8 เทรด  ที่ 7nm ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ AMD RADEON VEGA  ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลยและแรงไม่แพ้ MX250 เลยก็ตามครับ และ ให้ RAM 8GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ และในเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD  512GB ครบๆเลยแหละ ครับสำหรับรุ่นนี้แน่นอนว่าในส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควรครับ และเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งานเลยครับไม่ได้ต้องซื้ออะไรต่างหาก

PCMARK คะแนนทำได้  4545 ถือว่าตามระดับของ CPU เป็นการเรนเดอร์ในหลายๆอย่างที่เสมือนกับทำงานจริงๆในแง่ของการใช้งานทั้งหมดเวลาใช้งานคอมพิวเตอร์คะแนนเอาจริงๆถือว่าไม่แย่เลยนะถ้าเรามองในราคาแค่นี้ และทำคะแนนออกมาได้ประมาณนี้แน่นอนว่าดีกว่า CPU รุ่นก่อนเยอะครับ ทำให้ตัวนี้ถือว่าน่าพอใจครับทำงานทั่วไปสบายๆไม่ต้องกังวลอะไร และทำคะแนนรวมๆนั้นถือว่ารองรับการทำงานทั้งหมดได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพกว่าแบบชัดเจนครับ ทางด้านความร้อนนั้น CPU 78 และ GPU 79 ครับสำหรับการทดสอบนี้ให้สภาพอากาศปกติ

3D MARK เราทดสอบแบบพื้นฐานกันในส่วนของ Sky driver / Night Raid ถือว่าทำคะแนนได้ดีเอาเรื่องเลยคะแนนในส่วนของ Night Raid ตัวนี้ทำได้ 1541 คะแนนดีกว่ารุ่นเดิมอีกนะ การประมวลผลของรุ่นนี้ในแบบ 3 มิติ ทำได้ดีมากๆแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกเข้ามาช่วยด้วยแต่ทำคะแนนได้เท่ากับพวก MX เลยครับ และ ใช้งานได้ในแง่ของการเรนเดอร์พวก 3 มิติทั้งหลายครับ ถือว่าสบายๆไม่ต้องกังวลทำให้การทำงานต่างเรนเดอร์เริ่มต้นอะไรสบาย ส่วนเรื่องคะแนน Sky Driver นั้นแตะ 9227 ได้เลยครับ  ความร้อนที่ทดสอบนั้น CPU  70 และ GPU 72 ครับสำหรับตัวนี้ สภาพอากาศปกติครับ ถือว่าเป็นการ์ดจอติด CPU ที่ทำได้ดีมากๆ และคะแนนก็แสดงให้เห็นว่าดีมาก

CINEBENCH R20 -15 ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 1076 ทำได้ดีมากครับ อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาขึ้นเยอะ ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 12692 cb ถือว่าคะแนนดีเลยแหละในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่าตอนรุ่นที่แล้ว i5 แบบชัดเจนเลย ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ SSD ทำคะแนนการอ่านไปได้  1621 ส่วนเขียนที่ 967 ครับจากทดลองหลายๆรอบ และอ่านเขียนนั้นถือว่าธรรมดากลางๆครับและครั้งนี้ให้มา 512GB ครับ ถือว่าเพียงพอและความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป รวมถึงทำงาน

SCREEN

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว LED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9  การออกแบบขอบบางแบบ NanoEdge display รองรับมุมมองกว้าง  178° ทำให้มุมมองของภาพนั้นไม่แพ้กับพวกหน้าจอ IPS เลยและตัวคุณภาพหน้าจอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆครับหน้าจอสามารถสู้แสงได้ดีกว่าเดิม คุณภาพหน้าจอที่ดีขึ้นรวมถึงพวกสีสันและมิติของตัวภาพครับ และใช้งานหน้าจอแบบด้านด้วยสะดวกพอสมควร หน้าจอเมื่อมองจากด้านข้างเนื่องจากมันเป็นจอที่รองรับมุมมองภาพได้กว้างมากๆจึงให้ความรู้สึกเหมือนจอ IPS เลยแหละเพราะไม่เจออาการดรอปของสีหน้าจอ แต่จะเป็นแค่เรื่องความสว่างนิดหน่อย เป็นหน้าจอของ Vivobook ที่เรียกได้ว่าดีอันดับต้นๆของตระกูลทั้งในแง่ของคุณภาพ ตัวมุมมอง สีสันต่างๆนั้นทำได้ค่อนข้างแม่นยำในการทำงานมากขึ้นด้วยครับ

เมื่อใช้งานกลางแจ้ง นั้นถือว่าทำได้ดีครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ในเรื่องของมุมมอง การสู้แสงที่รู้สึกว่าดีขึ้นการเป็นหน้าจอแบบด้านทำให้ไม่เจอแสงสะท้อนรบกวนเท่าไร หน้าจอทำขอบหน้าจอต่างได้ค่อนข้างบางเหมือนกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้และยังไม่ตัดกล้องหน้าทิ้งไปไหนด้วย หน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดในเรื่องของสีสันต่างๆซึ่งถือว่าเอามาทำงานได้สบายครับแม่นยำระดับนึงและดีกว่าพวกสายเกม และ รุ่นที่ต่ำกว่านี้แบบชัดเจน ซึ่งในงบประมาณนี้จอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีครับทั่วไปโอเคเลยแหละ แม้ความแม่นยำอาจจะไม่ได้สูงมากแต่ก็ใช้งานได้และมุมมองดีกว่าเดิมด้วย

TOUCHPAD

ตัวทัชมีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้งานได้ดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง 15 นิ้ว ขอบตัดสี่เหลี่ยมและเต็มอัตราส่วนกับตัวเครื่องได้ดีกว่าเดิมนิดหน่อย ตัวทัชเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่อง วัสดุมีการทำให้ลื่นและติดนิ้วมากกว่าในการสัมผัสต่างๆ ตัวทัชสามารถกดลงไปได้เลยขอบซ้ายขวาล่าง ซึ่งจากที่ใช้งานไม่ได้ติดปัญหาอะไรครับในส่วนนี้ ตัวระบบทัชนั้นใช้ Software ของ Precision นะรองรับการใช้งานหลายๆนิ้วได้สบายครับโทนสีอะไรแบบเดียวกับตัวเครื่องเลยมีการตัดขอบคล้ายๆสีเงินล้อมรอยตัวทัชแพดนิดหน่อย และรองรับการใช้งาน 4 นิ้ววางได้กำลังดีไม่ได้เล็กเกินไปครับ

KEYBOARD 

แป้นพิมพ์นั้นมาพร้อมกับขนาดที่เราคุ้นเคยแน่นอนว่าพวกหน้าจอ 14 นิ้วก็จะไม่มี Numpad ครับแต่รุ่นนี้ก็มีปุ่มลัดมาให้พวก PGUP DN ที่ให้มาด้านขวาสุดครับรวมถึง มีเอกลักษณ์งานออกแบบตรงปุ่ม Enter ที่มีการเล่นสีเหลืองเด่นๆล้อมรอบทำให้ดูมีอะไรมากขึ้น การวางปุ่มอะไรนั้นเป็นมาตรฐานของค่ายนี้ครับ เหมาะกับการใช้งานอย่างมากครับพร้อมกับไฟปรับได้ 3 ระดับปกติ และระยะปุ่มอะไรที่ดีขึ้นรวมถึงตัวอักษรและการเว้นของแต่ละโซนอะไรนั้นคุ้นเคยกันแน่นอน ระยะปุ่มกดนั้นมีระยะ 1.4 มม. เท่าเดิมกำลังดีกับการใช้งานการพิมพ์เขียนทั่วไปได้ด้วยครับ

ตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่ายและความรู้สึกดีกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย เพราะการออกแบบมีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นแต่ระยะอะไรนั้นไม่ได้แตกต่างกับของเดิมเท่าไรครับแต่ทรงปุ่ม ระยะเว้นต่างๆนั้นทำได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการยกตัวเครื่องรุ่นนี้เหมือนจะไม่ได้มีระบบนี้มาให้แล้ว แต่ก็มีตัวยางรองที่ยกสูงขึ้นมาแทนครับทำให้มันเอียงขึ้นอยู่บ้างก็มาทดแทนกันไปครับ ส่วนเรื่องของสีนั้นยังคงต้องบ่นเหมือนเดิมเพราะเวลาใช้นอกสถานที่มันเป็นปัญหาเหมือนกันในรุ่นสีสว่าง แต่ถ้าในตัวที่เรารีวิวนั้นเป็นสีดำเลยทำให้มันค่อนข้างเห็นได้ชัดพอสมควรเลยครับและใช้งานได้ดีทั้งกลางวันกลางคืน

SPEAKER 

Harman/Kardon เช่นกันจะเหมือนกับพวก Zenbook เลยนั้นเองเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์ว่าสมควรที่จะแปะชื่อลงไปด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวายิงลงพื้นที่มุมเครื่องทั้ง 2 เสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ อาจจะไม่ได้ดังสะใจมากครับ แต่เสียงที่รู้สึกแตกต่างกันเลยก็คือมิติเสียง เบสพวกนี้นุ่มและมาดีกว่าเดิมเนื่องจากรุ่นก่อนๆนั้นเสียงจะค่อนข้างแห้งๆแบนๆครับ แต่รุ่นนี้คุณภาพเสียงมาดีขึ้นเยอะ แต่ความดังไม่ได้หนีจากเดิมมากเท่าไร เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบายครับ รวมถึงการดูหนังต่างๆนั้นเสียง Effect  ก็รู้สึกถึงความแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยแหละก็ถือว่าเข้าถึงทุกระดับแล้วสำหรับแบรนด์เครื่องเสียงนี้

CONNECTOR

พอร์ตเชื่อมต่อในรุ่นนี้ก็ถือว่าให้มาค่อนข้างเพียงพอต่อการใช้งานครับมาดูในด้านขวากันก่อนจะเป็น ไฟสถานะ และช่อง TF Card  หรือ Micro-SD นั้นเอง รวมถึงมี USB-A 2.0 มาให้ทั้ง 2 ช่องในด้านนี้ครับ จริงๆน่าจะเป็น 3.0 ทั้งหมดได้แล้วในจุดนี้แอบเสียดายครับ และจะเห็นว่าตัวเครื่องไม่ได้ยกสูงแบบรุ่นก่อนๆที่มี Ergo Lift แล้วด้วย

ในด้านนี้จะเป็นในตัว ช่องจ่ายไฟเข้า DCIN พร้อมกับ HDMI และ USB-A 3.2 และ USB-C 3.2 และ รู 3.5มม. Combo ไมค์ และ หูฟังครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นจะเป็น WIFI 6 + Bluetooth 5.0 นั้นเองครับ

WORKING 

Ryzen 7 4700U นั้นแน่นอนว่ารองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา และ RAM 8 GB ก็เพียงพอ ส่วนของ ADOBE รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop แบบเบาๆ ไม่ได้หลายเลเยอร์เยอะหรือไฟล์ไม่หนัก จริงๆ CPU มันไหวสบายๆ ทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันอาจะต้องไม่เยอะมากครับเพราะ RAM 8GB เท่านั้น ไม่สามารถเพิ่มได้ แต่ถ้ามองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงานรวมๆทำได้ดีกว่าตัวเดิมนะ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วิดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา หลักๆจะเน้นทำงานเบาๆจะดีกว่าครับในรุ่นนี้ หรือต่อภาพออกพรีเซนต์งานอะไรก็ทำได้สบาย มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ แต่งานหนักๆแนะนำว่าเน้นทำงานแบบด่วน หรือ ฉุกเฉินจะเหมาะกว่า

จากที่ได้ทดสอบจริงๆครับในการทำงานพวก ADOBE ทั้งแต่งภาพ ตัดต่อ หรือ เรนเดอร์ เท่าที่ทดลองการทำงานถ้าใช้งานแค่โปรแกรมเดียวมันสามารถตัดต่อวิดีโอ 4K ได้ด้วยในความยาวไม่เยอะมากนักอันนี้ถือว่าดี แต่เวลาเรนเดอร์จะนานพอสมควรถ้าเทียบกับรุ่นสูงกว่านี้ครับ ตัวนี้เลยกินเวลาไป 1 ชั่วโมงกว่าๆเลย แต่ช่วงการตัดต่อพวกนี้คือรับไหวสบายๆครับ ส่วนตัว Photoshop – Illustrator  พวกนี้รองรับได้สบายๆเท่าที่ลองไม่เจอหน่วงเลยครับถือว่าตัว CPU ประสิทธิภาพมันรองรับพวกนี้ได้ แต่ RAM แอบน้อยไปหน่อย แต่ก็อย่างว่ามันไม่ได้เน้นทำงานหนักมากครับ

GAMING 

RYZEN 7 4700U + VEGA 8 เดิมๆ Onboard ครับใน การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS  60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ  63 องศา และ CPU แตะไป  64 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ  และจากที่ทดสอบนั้นเลยของลองตัว PUBG นั้นได้ FPS 30+  ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม และ COD MW ก็พอไหวด้วยครับถือว่าน่าสนใจเลยในตัว การ์ดจอในตัวแบบนี้ ความร้อนระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม รับได้ในการเล่นเกมทั่วไปพื้นฐานปรับลื่นได้สบายครับผม   คุณภาพนั้นปรับภาพระดับต่ำนะครับทุกเกม และ ที่แอดมินทดสอบคือเล่นในสภาพอากาศปกติ ไม่ได้เปิดแอร์ และ ไม่ได้มีพัดลมช่วยครับ ก็ถือว่าเล่นเกมได้ลื่นและไม่ได้แย่ครับเล่นได้ปรับภาพกลางได้ไม่ติดขัด และทำได้ไม่แพ้พวก การ์ดจอแยกที่มี MX250 เลยครับ ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นสูสีและสู้ได้สบาย แต่ที่ชอบคือความร้อนและการกินพลังงานนั้นน้อยกว่า แต่ได้แรงเท่ากันถือว่าครั้งนี้มาโหดมากๆครับ 

ASUS NEW VIVO BOOK SERIES 

” เปลี่ยนดีไซน์ใหม่อัพเกรดสเปค +RYZEN เร็วแรงขึ้น ลงตัวขึ้น สีสันยังสวยเช่นเดิม “

เป็นการเปลี่ยนแปลงมาใช้งาน AMD รุ่นใหม่ที่ยกระดับเครื่องได้ดีในแง่ของประสิทธิภาพของตัวเครื่องครับแน่นอนว่าทำให้การทำงานเล่นเกมอะไรนั้นยกระดับไปอีกขั้นได้เลย ส่วนทางด้านสเปคในภาพรวมถือว่าเหมาะสำหรับการทำงานเล่นเกม และ ตัดต่อระดับเริ่มต้นเวลามีงานด่วนได้ แต่ก็ไม่ได้เน้นทำงานานๆใหญ่ๆเท่าไรนักครับ ทางด้านหน้าจอสีระดับกลางๆ เน้นในเรื่องมุมมองได้ดีแต่ความแม่นยำอาจจะไม่ได้ดีเท่าไรนัก ส่วนวัสดุทำได้ดี และงานออกแบบเด่นและมีความแข็งแรงระดับนึง พร้อมกับลำโพงที่ใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิมครับ ส่วนที่น่าเสียดายนั้นจะเป็น การที่เพิ่ม RAM ไม่ได้ และในเรื่องของ USB-A ที่ยังคงให้มาพร้อมกับ 2.0 อยู่เลยทั้ง 2 ช่องครับรุ่นนี้

ข้อดี

  • RYZEN 7 4700U ทำได้ดี เร็ว และ แรง ทำงานได้หลากหลายอย่างมาก
  • แม้ไม่มีการ์ดจอแยก แต่ก็รองรับการทำงานเล่นเกมได้ดีไม่แพ้กัน
  • ลำโพงทำได้ดีในเรื่องของคุณภาพเสียง
  • คีย์บอร์ด แป้นพิมพ์ ระยะกำลังดี
  • หน้าจอสวย มุมมองรองรับได้หลากหลาย และ ขอบจอบาง
  • วัสดุคุณภาพทำได้ดี โลหะตัดขอบ Diamond Cut
  • ควบคุมความร้อนทำได้ค่อนข้างดี
  • อายุแบตการใช้งานนั้นทั้งวันได้สบาย กินไฟน้อยมาก
  • มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นแรกของ Asus ที่ลงโปรแกรม office home & student พร้อมใช้งาน

ข้อสังเกต 

  • ไม่มี Ergo Lift ในรุ่นนี้
  • ไม่สามารถเพิ่ม RAM ได้
  • ยังมี USB-A 2.0 มาให้อยุ่ถึง 2 ช่อง

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares