ASUS EXPERTBOOK B9 ในปี 2021 นี้มาพร้อมกับสเปกที่ดีขึ้นแต่ดีไซน์เหมือนเดิมครับ และยังคงเป็น โน้ตบุ๊กสายทำงานหน้าจอ 14″ ที่เบาที่สุดในโลกทันทีครับ ด้วยขนาด และน้ำหนักรวมถึงใช้งานวัสดุแบบเทพๆทำให้มันมีความเป็นที่สุดในโลกได้ทันที 880 กรัมเท่านั้น หลักๆเลยคือเรื่องของวัสดุ แมกนีเซียมลิเธียมอัลลอย นั้นเอง ส่วนสเปกตัวนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น แน่นอนว่าตอบโจทย์สายทำงานเน้นๆ ที่เน้นการพกพา เน้นการใช้งานที่สเถียรแม่นยำ ตัวนี้เลยออกมาตอบโจทย์แน่นอน และ การรับประกัน การทดสอบ การเพิ่มความแข็งแรงที่โหดขึ้นกว่ารุ่นทั่วไปทำได้ดีกว่าเยอะมากๆ เวลาสัมผัสตัวเครื่องงานออกแบบรู้เลยว่าออกแบบมาเพื่อสายธุรกิจเน้นๆครับ  และใช้งาน CPU Intel Core i7 Gen 11 บน Tiger Lake และ มาตรฐาน intel EVO นั้นเอง ถือว่าแรงขึ้นแน่นอนครับ

ASUS EXPERTBOOK B9 9400 นั้นที่รีวิวจะมาพร้อมกับ Intel Core i7-1165G7 ที่ใช้งาน 4 คอร์ 8 เธรด ที่ความเร็ว 2.80 GHz – 4.70 GHz พร้อมกับ Tiger Lake 11 nm SuperFin ตัวล่าสุด และ ทางด้านการ์ดจอเป็น Intel Iris Xe Graphics ไม่ได้มีการ์ดจอแยกนะครับ เป็นปกติของ เน้นพกพา และ ใช้งานหน้าจอ 14 นิ้ว เป็นจอแบบด้าน FHD (1920 x 1080 ) ความสว่างสูงสุด 300nits ขอบบาง 4มม. พร้อมกับอัตราส่วนต่อตัวเครื่องที่ 94% ครับถือว่าบางมากๆแต่ก็มีกล้องหน้าให้มาเน้นๆ ทางด้านสเปก RAM 16GB LPDDR4x Bus 4266MHz และใช้งาน SSD M.2 NVMe PCIe ความจุ 1TB พร้อมกับ Wi-Fi 6 AX และ Bluetooth 5.0 และใช้งานแบต 4-Cell 66Wh แน่นอนว่าสายงานธุรกิจนั้นจะรองรับการใช้งาน VDO Call ที่เน้นมากกว่าเดิม พร้อมไมค์ 4 ตัว ที่รองรับระบบตัดเสียงพิเศษ และรองรับ สแกนนิ้ว รวมถึง การสแกนใบหน้าแบบ IR 3 มิติ ที่ใช้งานร่วมกับ Windows Hello และแน่นอนว่าใช้งาน Windows 10 Home ถือว่าเป็นสายคอมพิวเตอร์ทำงานเน้นๆ และที่สำคัญคือมาพร้อมกับ ทดสอบความทนทาน MIL–STD 810H Military Standard ที่ใช้งาน แมกนีเซียมลิเธียมอัลลอย ที่เป็นวัสดุที่เทพมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ รวมถึงมีความสวย แข็งแรงและทำให้ตัวเครื่องเบาที่สุดได้เลย

ASUS EXPERTBOOK B9 นั้นมาพร้อมกับ ราคา 44,990 บาท และ 49,990 บาทในรุ่นWindows 10 Pro  มาพร้อมกับการรับประกันที่เทพกว่ารุ่นทั่วไป ให้มาเต็มๆที่ การรับประกัน 3 Year Onsite Service: บริการตรวจซ่อมฟรีถึงที่ 3 ปี และ ประกัน 3 Year Global Warranty: ครอบคลุมการรับประกัน 3 ปีทั่วโลก  และ 1 Year Perfect Warranty: เพิ่มการรับประกันอุบัติเหตุให้ใน 1 ปีแรก ถือว่าครบๆเลยครับตัวนี้สมกับเป็นคอมพิวเตอร์สายงาน ธุรกิจ และ เน้นความแข็งแรง และปลอดภัย

UNBOX

ตัวกล่องนั้นมีขนาดใหญ่และมีหลากหลายกล่องทั้งตัวกล่อง เครื่อง Expertbook และ ตัวกล่องที่ชาร์จที่สามารถปรับมาใช้งานเป็นที่วางเครื่องได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงมีซองใส่เครื่องใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกันพร้อมกับตัวแปลง RJ45

  • EXPERTBOOK B9
  • ตัวซองใส่เครื่อง EXPERTBOOK
  • ที่ชาร์จ USB-C
  • ตัวแปลง  micro HDMI port ไป RJ45
  • คู่มือ
  • กล่องเก็บที่ชาร์จ สามารถแปลงเป็นที่วางเครื่องได้

ตัวกล่องนั้นต้องบอกว่าเป็นกล่องที่ใส่ ที่ชาร์จมาให้พร้อมกับตัวแปลง RJ45 แน่นอนว่านอกเหนือจากเป็นกล่องที่ใส่ของมาให้แล้วนั้นสามารถเปิดออกมาและทำเป็นที่วางเครื่องที่ทำให้มีองศาเอียงมากขึ้นและใช้งานได้ถนัดมากขึ้น

เมื่อวางคอมพิวเตอร์ลงไปนั้นเราจะเห็นว่ามีการยกเครื่องขึ้นมาสูงมากๆในการใช้งาน แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับการวางมือพิมพ์อะไรเท่าไรครับ และ จะเน้นเป็นการตั้งโชว์หรือว่านำเสนองานต่างๆให้มีมุมมองที่ดีขึ้นได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

DESIGN

งานออกแบบนั้นเราจะเห็นเลยว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงถ้ามองเทียบกับรุ่น 9450 ก่อนหน้าเหมือนเป็นแค่การเปลี่ยนปรับสเปกเท่านั้นครับ ซึ่งจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่รับได้เพราะว่ารุ่นก่อนนั้นก็มีการออกแบบมาได้ดีและตอบโจทย์ต่อการทำงาน สายธุรกิจต่างๆได้ครบอยู่แล้วนั้นเองทำให้ตัวนี้ไม่ต้องไปปรับอะไรเยอะมาก ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี ทั้งความเบา และ บางทำให้มันเป็นคอมพิวเตอร์ที่เบาที่สุดในโลกในขนาด 14 นิ้วสำหรับสายธุรกิจนั้นเองครับ ส่วนวัสดุงานประกอบต้องบอกเลยว่าสมกับชื่อ Expertbook แน่นอนทั้ง แมกนีเซียมลิเทียมอัลลอย และหน้าจอที่ยืดหยุ่นมากๆในการใช้งานทั้งหมด อิสระเต็มที่ กางได้มากสุดที่ 180 องศาแบบในภาพข้างบนวางนอนราบไปทั้งหมดเลย

เมื่อมองในเครื่องทั้งหน้าและหลังเราจะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นมีขนาดกระทัดรัดมากครับ ทั้งขอบหน้าจอที่บางมากๆและตัวเครื่องที่บางรวมถึงเมื่อมองเราจะเห็นว่าเนื้อวัสดุหรือพื้นผิวจะสัมผัสแตกต่างกับรุ่นทั่วไปทันทีครับ ทั้งด้านนอกและด้านใน ข้อดีนอกเหนือจากบาง เบาและแข็งแรงยังเป็นจุดที่ทำได้ดีมากๆทั้งเรื่องของการป้องกันรอยนิ้วมือ เวลาสัมผัสใช้งานรู้สึกพรีเมี่ยมจริงๆ ทางด้านการเก็บขอบงานทำได้ดีครับส่วนด้านหลังจะเป็นโลโก้ ASUS ตรงกลางเช่นเดิม

วัสดุตัวเครื่องแน่นอนว่าจะมาใช้งานในสี Star Black ที่จะเป็นพื้นสีดำแต่ก็มีความแววๆเป็นจุดๆคล้ายกับดวงดาวเสริมเข้ามาละเป็นผิวสัมผัสแบบด้านแต่ไม่สะสมรอยนิ้วมือ จริงๆอยากให้มือถือหรือเครื่องอื่นๆใช้งานแบบนี้บอกเลยว่าพรีเมี่ยมมากๆ เพราะว่านอกจากสวยแล้วยังมีความแข็งแรงและไม่เป็นรอยนิ้วมือด้วยจุดนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวครับ พร้อมกับได้ MIL–STD 810H US Military Standard  ความแข็งแรง ปกป้องต่างๆนั้นจัดเต็มรวมถึงการขึ้นรูปชิ้นงานแบบชิ้นเดียวในหลายๆส่วนทำให้มันมีรอยต่อน้อยกว่าทั่วไปรวมถึงเวลาใช้งานก็มีความแน่นหนามากกว่าปกติ

ฐานด้านหลังดีไซน์แบบเรียบๆพร้อมกับช่องระบายอากาศในด้านหลังตรงกลาง รวมถึงลำโพงในขอบเครื่องด้านหน้าเราจะเห็นเลยว่าช่องระบายอากาศด้านหลังค่อนข้างน้อยมากๆและมีเน้นๆในส่วนด้านหลังเท่านั้น และเมื่องมองทะลุไปเราจะเห็น Heatpipe 1 เส้นในการระบายพร้อมกับ พัดลม 1 ตัวในด้านซ้ายเท่านั้นส่วนการอัพเกรดรองรับแค่การอัพ M.2 SSD เท่านั้น ซึ่งมีมาให้ 2 ช่อง แต่อีกช่องนึงนั้นจะใส่มาให้แล้วนั้นเอง ส่วน RAM เป็นแบบฝังมาเลยไม่สามารถเปลี่ยนหรืออัพเกรดได้นะครับ แต่การถอดนั้นจะต้องใช้หัว แฉกดาวแบบเล็กเท่านั้นถึงจะถอดออกมาได้นะครับ

หน้าจอขนาด 14 นิ้วเต็มๆตาพร้อมกับขอบหน้าจอที่ถือว่าบางและสวยงามมากๆตัวนึงทำให้ตัวนี้เป็นจอที่สวยและลงตัวเมื่อเทียบกับขนาดของตัวเครื่องของมัน และยังคงไม่ตัดออกทั้งในเรื่องของกล้องหน้า และ การสแกนใบหน้ารวมถึงมีไมค์มาให้มากถึง 4 ตัวกระจายตามตำแหน่งไป ส่วนด้านบนจะมี 2 ตัวครับ และกล้องหน้ามีที่ปิดมาให้ด้วย

ช่องระบายอากาศนั้นเราจะเห็นว่าขอบส่วนบนนั้นจะเป็นช่องระบายอากาศทั้งหมด รวมถึงยิงออกมาตรงขอบหน้าจอเหมือนรุ่นอื่นๆที่เราเห็นทั้งหมดในบรรดา Ultrabook ของค่ายนี้และการยกตัวเครื่อง Ergo Lift เองนั้นก็ถือว่าช่วยในเรื่องของการระบายหรือดูดอากาศได้ดีกว่าแบบเรียบๆเป็นจุดเด่นของ Asus Ergo Lift เลยก็ว่าได้ ส่วนวัสดุข้างในเป็นเหมือนกับทั้งเครื่องทั้งหมด แบบด้านแต่ไม่ติดรอยนิ้วมือครับ รวมถึงมีตำแหน่งการวางอะไรทำได้ดีเช่นกัน และสแกนนิ้วมาให้ในมุมขวาล่าง และปุ่มเปิดปิดเครื่องนั้นจะเป็นวัสดุที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆและมีสีดำทำให้เด่นแตกต่างขึ้น

ตัวขอบหน้าจอ Ergo Lift ทำให้คีย์บอร์ดทำมุม 5 องศายกขึ้นมาจะทำงานเมื่อกางหน้าจอประมาณ 145 องศาทำให้เวลาพิมพ์ใช้งานต่างๆนั้นตัวนี้จะไม่เมื่อยข้อมือ และพิมพ์งานอะไรได้สะดวกขึ้นเยอะมากๆถ้าเคยใช้งานแบบปกติมาก่อนครับ รวมถึงการเอียงขึ้นช่วยในเรื่องของการระบายอากาศที่เยอะมากๆ เวลาใช้งานจะเห็นช่องขนาดใหญ่ในด้านหลังและเพิ่มพื้นที่เหนือช่องระบายส่วนขอบบนตัวเครื่อง ใต้หน้าจอเพิ่มขึ้นด้วยจากการยกตัวเครื่องนั้นเอง ในด้านหน้านั้นเราจะเห็นว่ามีไฟสถานะแถบสีเด่นๆขึ้นมาซึ่งจริงๆตรงนี้จะเป็นไฟสถานะเวลาใช้งาน Alexa จะติดเป็นจังหวะสีต่างๆ แต่ถ้าไม่ได้ใช้งานก็จะเป็นสีขาว หรือถ้าเสียบชาร์จแบตเองนั้นจะเป็นสีเขียวแบบในภาพเด่นชัดเลย

SPEC

  • CPU Intel Core i7-1165G7 (4C/8T : 2.80 – 4.70 GHz)
  • GPU Intel Iris Xe Graphics
  • RAM 16GB LPDDR4X 4266 MHz
  • หน้าจอขนาด 14” LED-backlit, IPS Full HD (1920 x 1080), 16:9 aspect, anti-glare screen, 300nits brightness display ขอบบาง 4mm-thin bezel with 94% screen-to-body ratio

    Wide 100% sRGB color gamut (NTSC: 72%) ใช้งาน IPS-level wide-view technology
  • STORAGE SSD M.2 NVMe PCIe 1TB
  • OS Windows 10 Home (64 Bit)
  • มาตรฐานรองรับ MIL-STD 810H
  • Keyboard Full-size, backlit, spill-resistant, with 1.5mm key travel
    Fingerprint sensor with Windows Hello support TouchPad 127 x 65mm
    Glass-covered with integrated NumberPad; intelligent palm-rejection
    Precision Touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
  • 2 x Thunderbolt 3 USB-C (up to 40Gbps, DisplayPort and power delivery support)
    1 x USB 3.1 Gen 2 Type-A
    1 x HDMI
    1 x RJ45 LAN via micro HDMI port
    1 x Kensington® lock slot
    1 x Audio combo jack
  • Warranty : 3 Years On-site Service + 1 Year Perfect Warranty
  • ลำโพง 2 integrated stereo speakers และ ลำโพง Certified by Harman Kardon
  • Trusted Platform Module TPM 2.0 embedded security chip
    Windows Hello with facial recognition / Fingerprint sensor / Webcam shield
    Kensington lock slot / ASUS Business Manager with secure drive setting and lock control to USB storage devices
  • 65W AC adapter with fast charging support ใช้งาน 4 -Cell 66Wh lithium-polymer long life rechargeable battery

PERFORMANCE

ASUS EXPERTBOOK B9 9400 ตัวใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัพเกรดที่มาพร้อมกับ i7 Gen11 ตัวล่าสุด ที่ได้มาตรฐาน intel EVO และแน่นอนว่า ใช้งาน Intel Core i7-1165G7 พร้อมกับ 4 คอร์ 8 เธรด และ 2.40 – 4.70 GHz มีค่า TDP  12W – 28W และใช้งานออกแบบ 10nm  Tiger Lake รวมถึงมี SuperFin + AI ช่วยทำงาน มาพร้อมกับ RAM  16GB แบบฝังบอร์ด LPDDR4x Bus 4266 MHz และใช้งานตัว SSD M.2 NVMe PCIe  1TB พร้อมกับ Windows 10 ถือว่าเรื่องสเปกนั้นพัฒนาขึ้นจากเดิมและแรงขึ้นแน่นอนครับ ทำให้ภาพรวมนั้นเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลง สเปกภายใน และความแรงในการใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้คะแนน PC MARK นั้นรุ่นนี้จะทำไปได้ที่ 4700-4800 คะแนนเลยทีเดียวมากกว่าเดิมแบบชัดเจน และประมวลผลได้โหดมาก

3D MARK

ตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าคะแนนอาจจะสูงกว่านี้ได้อีกครับเพราะว่าตัว BIOS ตอนนี้ยังไม่ใช่ตัวล่าสุด และ อาจจะยังไม่รองรับเต็มที่ ในส่วนของ CPU ตัวนี้จะใช้งานตัวการ์ดจอในตัวเป็นตัว Intel Iris Xe Graphics นั้นเอง ทำคะแนนในส่วน Wild Life Extream ไปได้ที่ 2346 คะแนน และ Wild Life ที่ 8185 คะแนน และ Night Rail ที่ 7826  แต่ส่วนตัวแอดเองรู้สึกว่าตัว CPU ตัวนี้น่าจะทำได้โหดกว่านี้ครับอาจจะต้องรอดูตอนขายจริงอีกทีนึงส่วนนี้

CINEBENCH R15 / CINEBENACH R20

ตัวนี้คะแนนวัดที่ CPU ล้วนๆเลยแหละทำไปได้ 817 ทำได้ดีมาก ในตัว R15 อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้คือมาแรงมากและพัฒนาดีขึ้น ในคะแนนของตัว R20 ที่โหดกว่าเดิมนั้นทำไปได้ 2067  ถือว่าคะแนนดีเลย ในแง่การประมวลผลของ CPU แอบดีกว่า i5 Gen 11 แน่นอนว่ารหัสแตกต่างกัน แต่ถ้ามองเทียบกับ R5 5500U บอกเลยว่า AMD แอบทำได้ดีกว่า คะแนนดีกว่าในหลายๆส่วน และในเรื่องของหน่วยความจุ ส่วนตัวนี้มาพร้อมกับ 1TB แบบ M.2 NVMe PCIe ระดับสูง ทำคะแนนการอ่านไปได้  3533 ส่วนเขียนที่ 3022 จากทดสอบหลายๆครั้ง การอ่านเขียนนั้นถือว่าแรงเอาเรื่องส่วนแรมให้มา 16GB Bus 4266 MHz ถือว่าแรงและทำความเร็วความจุนั้นสบายๆในการใช้งานทั่วไป

SECURITY FEATURE 

แน่นอนว่าด้วยความเป็น คอมพิวเตอร์สานทำงาน หรือว่า สายธุรกิจ เรื่องของความปลอดภัยต้องจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น Hardware หรือว่า Software ครับทำให้ตัวนี้มีการใช้งาน Trusted Platform Module ด้วยเช่นกันทำให้ทุกอย่างที่จะ ลงเครื่อง หรือเสียบเข้าเครื่องต้องมีการตรวจสอบ และ ตั้งค่าการอ่านเขียนอะไรได้ทั้งหมด รวมถึง ล็อก USB ช่องเสียบต่างๆให้แค่อ่านอย่างเดียว หรือว่าไม่ให้เข้าถึงอะไรได้ทั้งหมดเลยบอกเลยว่าทำได้ดีมากๆ และยังมีฟีเจอร์อื่นๆเข้ามาเสริมแบบเต็มที่ และ ระบบสแกนใบหน้า สแกนนิ้วต่างๆ การปิดกล้องเว็บแคมทำได้น่าสนใจทั้งหมดรวมถึง ฟีเจอร์การตรวจจับหน้า และตรวจจับว่าเราเดินออกจากคอม แล้วจอจะปิด รวมถึงเดินกลับมาจอจะติดให้เอง

  • Fingerprint Sensor  สแกนนิ้วใช้งานปลดล็อกตัวเครื่อง ต่างๆ 
  • IR Camera  รองรับการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ พร้อมกับ ตรวจจับการเคลื่อนไหว เวลาลุก หรือ กลับมานั่ง
  • Trusted Platform Module (TPM) การเช้ารหัสก่อนใช้งาน ตัวหน่วยความจำทั้งหลาย
  • Webcam Shield  แถบเลื่อนปิดตัวกล้อง Webcam
  • Kensington lock ตัวล็อกเครื่องมาตรฐาน
  • ควบคุมพอร์ต USB แบบเบ็ดเสร็จ  ควบคุมหรือล็อกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ USB เพื่อความปลอดภัย
  • McAfee® LiveSafe ™ 
  • ASUS Business Manager ชุดโปรแกรมอรรถประโยชน์ เพื่อการบำรุงรักษาตัวเครื่อง และซอฟต์แวร์ภายในได้อย่างมี ประสิทธิภาพ สามารถบริหารจัดการตัวเครื่องแบบรวมศูนย์ รวมทั้งสนับสนุนการควบคุมจากระยะไกล

MY ASUS SOFTWARE 

เป็นโปรแกรมที่คอยจัดการตัวเครืองแน่นอนว่าถ้าฝั่ง ROG จะเป็น ARMOURY CRATE  แต่พอมารุ่นสายทำงานทั่วไปนั้นจะเป็นการใช้งาน MY ASUS ครับซึ่งจุดมุ่งหมายนั้นไม่ได้ต่างกันแต่การใช้งานตัว MY ASUS จะเน้นไปที่ความปลอดภัยและใช้งานหลายๆส่วนได้ด้วยเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นส่องสเปกตัวเครื่อง อัปเดตเครื่องต่างๆรวมถึงการเข้าถึง พัดลม หน้าจอโทนสี การตั้งค่าอื่นๆ รวมถึงการตั้งค่าการล็อก หรือ การตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ทั้งหมด อีกทั้งยังมีในเรื่องของการเชื่อมต่อ กับมือถือไม่ว่าจะเป็นการโยนไฟล์ โยนข้อมูล URL หรือว่าจะดูแจ้งเตือนมือถือ บนคอมได้ทันทีเลย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีงามมาก และ ยังสามารถใช้งานติดต่อ ศูนย์ได้ 24 ชั่วเมงสำหรับการดูแลเต็มๆจากระยะไกลครับ อีกทั้งการตั้งค่าปรับแต่งเยอะมากๆ ทางเราเลยขอแคปมาให้ดูกันว่าตัวนี้จะสามารถทำอะไรได้บ้าง

จะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นสามารถตั้งค่าได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นสีหน้าจอว่าจะเป็นแบบไหน ปรับตามอิสระหรือว่าปรับหน้าจอแบบถนอมสายตาได้ รวมถึงในเรื่องของแบตต่างๆ และ การตั้งค่า Walk Away Lock ที่สามารถใช้งานตั้งค่าได้ว่าจะล็อกเครื่องเร็วแค่ไหนอันนี้ใช้งานได้ดีมากจริงๆ แค่เดินมาใกล้คอมก็ติดให้เลยถ้าเป็นใบหน้าของเราก็จะปลดล็อกให้ทันที ถือว่าดีมากไม่ต้องมากดเครื่องแม้แต่น้อย หรือว่าจะเป็นการกดเช็กตัวเครื่องในภาพรวมแบบง่ายๆว่ามีอะไรมีปัญหาบ้างนั้นเองครับถือว่าล้ำเลยแหละ และ การลิงก์กับมือถือก็ทำได้ดีมากๆเลยทีเดียวครับในรุ่นนี้ของ ASUS

SCREEN

รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 14 นิ้ว LED-backlit Full HD (1920 x 1080) อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9  การออกแบบขอบบางแบบ NanoEdge display รองรับมุมมองกว้าง 178° ทำให้มุมมองของภาพนั้นไม่แพ้กับพวกหน้าจอ IPS เลย ตัวคุณภาพหน้าจอตัวนี้ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ หน้าจอสามารถสู้แสงได้ดีกว่าเดิม คุณภาพหน้าจอที่ดีขึ้นรวมถึงพวกสีสันและมิติของตัวภาพ ใช้งานหน้าจอแบบด้านด้วยสะดวกพอสมควร หน้าจอเมื่อมองจากด้านข้างเนื่องจากมันเป็นจอที่รองรับมุมมองภาพได้กว้างมากๆ เพราะไม่เจออาการดรอปของสีหน้าจอและแน่นอนว่าจอในตระกูล Expertbook ถือว่ามีความสวยและสีค่อนข้างตรงใช้งานได้ดี แตะ 90% sRGB ได้เลย แน่นอนว่ายังคงเป็นหน้าจอแบบด้านอันนี้ถือว่าตอบโจทย์ สามารถเอาไปแต่งภาพ ตัดต่อ รุ่นนี้ต้องบอกว่าสีตรงและมีคุณภาพทำงานได้ดี

เมื่อใช้งานกลางแจ้ง นั้นถือว่าทำได้ดีครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ในเรื่องของมุมมอง การสู้แสงที่รู้สึกว่าดีขึ้นการเป็นหน้าจอแบบด้าน ทำให้ไม่เจอแสงสะท้อนรบกวนเท่าไร หน้าจอทำขอบหน้าจอต่างได้ค่อนข้างบางเหมือนกับรุ่นอื่นๆก่อนหน้านี้และยังไม่ตัดกล้องหน้าทิ้งไปไหนด้วย หน้าจอในรุ่นนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดในเรื่องของสีสันต่างๆซึ่งถือว่าเอามาทำงานได้สบายครับแม่นยำระดับนึงและดีกว่าพวกสายเกม และ รุ่นที่ต่ำกว่านี้แบบชัดเจน ซึ่งในงบประมาณนี้จอตัวนีถือว่าทำได้ดีครับทั่วไปโอเคเลยแหละ ความสว่างแม้จะเป็น 300Nits แต่การใช้งานภายในอาคารต่างๆนั้นสบาย

KEYBOARD 

การวางออกแบบ อะไรต่างๆเป็นแบบเดียวกับพวกรุ่น 14 นิ้วก่อนหน้าทั้งหมดถ้าเทียบในตระกูล EXPERTBOOK ครับเพราะว่ามุมขวาจะมีส่วนที่แตกต่างกับพวก Zenbook อยู่บ้าง แต่ทั้งเรื่องของการสัมผัส รวมถึงการวาง ระยะห่างอะไรนั้นทำได้ดีเช่นเคย รวมถึงการกดต่างๆ ตัวแป้นพิมพ์นั้นใช้งานดีกว่าตัวอื่นๆ ด้วยการยกตัวข้างหลังขึ้นมานั้นทำให้มันพิมพ์ได้ง่าย และระยะองศาไม่เมื่อยมือคือจุดเด่นของมัน ส่วนปุ่มต่างๆใช้โทนสีเดียวกับตัวเครื่องและมีไฟ Blacklit สีขาว ปุ่มนั้นจะเป็นสีเข้มแบบเดียวกับวัสดุเครื่อง และไฟสีขาวมองเห็นชัดเจนและใช้งานได้ดี และมาพร้อมกับปุ่ม Power ที่สีเข้มและวัสดุพื้นผิวแตกต่างกับส่วนอื่น รวมถึงมีสแกนนิ้วใส่เข้ามาในมุมขวาล่างของตัวเครื่องด้วย

แน่นอนว่าจุดเด่นๆของบรรดา Expertbook จะเป็นเรื่องของความทน รุ่นนี้คียบอร์ดจึงรองรับการทำน้ำหก หรือ กระเด็นได้สบายๆครับ ไม่ต้องห่วงเลยในจุดนี้ รวมถึง การออกแบบที่จะเป็นการยกตัวเครื่องในรุ่นนี้ยกขึ้นมาสูงแบบชัดเจนมากๆ และสูงกว่ารุ่นปกติ ใช้งานสะดวกและถนัดขึ้น โดยรวมนั้นในความรู้สึกของตัวปุ่มรวมๆนั้นกดได้ง่าย และความรู้สึกเหมือนกับรุ่นของปีก่อนเป๊ะๆครับ ตรงแป้นพิมพ์นั้นจะเป็นตัวอักษรสีขาวตัดกับสีปุ่มชัดเจนดี ส่วนระยะในการกดปุ่มของตัวคีย์บอร์ดระยะการกดที่ 1.5 มม.ใครที่ใช้ค่ายนี้มาบ่อยๆคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากครับเพราะ Zenbook หรือพวก Expertbook นั้นจะใกล้ๆกันทั้งหมด และให้ NumberPad 2.0 มาให้ครบ พร้อมใช้งาน

NUMBERPAD

ตัว Numpad จริงๆนั้นถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆเพราะว่าค่ายนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนา ทั้งการใช้งาน Number pad ที่รวมกันกับ Touchpad ทำให้สามารถแตะใช้งาน Number Pad และ กดเลขอะไรได้ทันที และเมื่อเปิดแล้วก็ยังสามารถใช้งาน Cursor ได้ปกติครับ ส่วนทางด้านไฟนั้นสามารถปรับระดับแสงสีได้ 3 ระดับจะแยกกับคีย์บอร์ดทั้งหมดนะครับ ส่วนการสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหาเลย เพราะค่ายนี้ยังคงพัฒนาอะไรมาได้ต่อเนื่องจริงๆ

ส่วนทางด้านขนาดตัว Touchpad นั้นต้องบอกว่ามีขนาดกำลังดีเมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่องครับ รองรับการใช้งานหรือว่าวางนิ้วได้ดีเอาจริงๆ ถือว่ามีความยาวมากๆเพราะว่าสามารถวางทั้ง 5 นิ้วลงไปได้เลยเมื่อเทียบกับขนาด 14 นิ้วรองรับได้สบายมากๆ แม้ตัวเครื่องจะเล็กก็ตาม ส่วนทางด้านระบบตอบสนองอะไรนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ

SPEAKER 

Harman/Kardon เช่นกันจะเหมือนกับพวก B9 ก่อนหน้านี้ลยนั้นเองเสียงที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของแบรนด์ว่าสมควรที่จะแปะชื่อลงไปด้วยนั้นเอง เสียงตัวนี้มาพร้อมกับลำโพงหลักๆ 2 ตัวซ้ายขวายิงลงพื้นที่มุมเครื่องทั้ง 2 เสียงที่ได้นั้นดังพอประมาณ และดีกว่าพวก Zenbook ชัดเจน เสียงแน่น มิติดี คุณภาพดีมาก กังวานมากจริงๆครับ ทิศทางเสียงอะไรทำได้ดี เสียงที่ได้รู้สึกแตกต่างกันเลย คือมิติเสียง เบสพวกนี้นุ่มและมาดีกว่าเดิมเนื่องจากรุ่นก่อนๆถ้าเทียบ Zenbook รุ่นเก่าหรือปีก่อนๆนั้นเสียงจะค่อนข้างแห้งๆแบนๆ แต่รุ่นนี้คุณภาพเสียงมาดีขึ้นเยอะ  เสียงแยกซ้ายขวาได้ดี เสียงเพลงฟังสบาย รวมถึงการดูหนังต่างๆนั้นเสียง Effect  ก็รู้สึกถึงความแน่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอื่นๆแบบรู้สึกได้เลยแหละ ก็ถือว่าเข้าถึงทุกระดับแล้วสำหรับแบรนด์เครื่องเสียงนี้ และทำออกมาได้โดดเด่นดีกว่าเดิม

CONNECTOR

ในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อตัวนี้แม้จะเป็นคอมพิวเตอร์ที่เบาที่สุดในโลกก็ตาม รวมถึงความบางที่บางมากๆแต่ก็ยังใจดีให้พอร์ตเชื่อมต่อมาครบทั้งด้าน ซ้าย และ ด้านขวาของตัวเครื่องรวมถึงให้ตัวแปลงมาด้วยในกล่องที่รองรับ RJ45 ส่วนในด้านหน้านั้นจะเป็นไฟสถานะที่รองรับการแสดงเวลาชาร์จ หรือว่าจะเป็นสถานะตัวเครื่องหรือใช้งาน ALEXA

ส่วนพอร์ตในด้านขวานั้นเราจะเห็นไฟสถานะตัวเครื่องทั้ง แบต และ ระบบ รวมถึงมีรู 3.5มม. Combo Audio Jack และ มาพร้อมกับ รู USB 3.2 Gen 2 Type-A พร้อมกับ ตัวล็อก Kensington Lock ให้มาครบ ในเรื่องความปลอดภัย

ทางด้านซ้ายแน่นอนว่าเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C 2 x Thunderbolt 3 USB-C (up to 40Gbps, DisplayPort and power delivery support)  และมาพร้อมกับ HDMI และ  RJ45 LAN via micro HDMI port สำหรับเสียบสาย LAN ซึ่งต้องใช้งานตัวแปลงที่ให้มาในกล่องนะครับก็ถือว่ายังใจดีให้พอร์ต ตัวแปลงมาครบ

WORKING

ในการพัฒนาขึ้นของทาง i7 Gen11  นั้นแน่นอนว่ารองรับการทำงานทั่วไปเช่น Microsoft ทั้งหมด อันนี้รองรับได้สบาย Excel Word สบายครับพวกนี้ไม่มีปัญหา รวมถึง Adobe ก็สามารถทำงานใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาครับมาพร้อมกับที่ได้มาตรฐาน intel EVO และแน่นอนว่า ใช้งาน Intel Core i7-1165G7 พร้อมกับ 4 คอร์ 8 เธรด และ 2.40 – 4.70 GHz มีค่า TDP  12W – 28W และใช้งานออกแบบ 10nm  Tiger Lake รวมถึงมี SuperFin + AI ช่วยทำงาน มาพร้อมกับ RAM  16GB แบบฝังบอร์ด LPDDR4x Bus 4266 MHz และใช้งานตัว SSD M.2 NVMe PCIe  1TB พร้อมกับ Windows 10 รองรับได้สบายอยู่ครับในส่วนของ Photoshop  CPU มันไหวสบายๆ ทำงานหลายๆอย่างพร้อมกันได้ไม่มีปัญหาเพราะว่าในตัว RAM 16GB มองในมุมทำงานได้ค่อนข้างดีเลยแหละเพราะ ทำงานรวมๆทำได้ดีกว่าตัวเดิมนะ แรงขึ้นแบบรู้สึกได้เลยแหละ รองรับการทำงาน 3 มิติระดับเริ่มต้น การตัดต่อไฟล์วีดีโอ หรือ เรนเดอร์ได้แบบไฟล์ไม่หนักมาก ส่วนการดูหนังฟังเพลงทั่วไปสบาย โปรแกรมดูหนัง อื่นๆที่รองรับได้สบายไม่มีปัญหา มีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ และ USB มาให้ค่อนข้างครบเลยแหละ รองรับงานระดับกลาง ไปสูงได้แบบไม่มีปัญหา พรีเซนต์งานแก้งานหรือว่าจะเป็นทำงานเช็กไฟล์ต่างๆได้ทั้งหมดในตัว i7 นี้

GAMING 

แน่นนอนว่าตัวนี้อาจจะไม่มี การ์ดจอแยกอะไร แต่ด้วยการพัฒนา การ์ดจอในตัวรวมกับเทคโนโลยี 10nm Tiger Lake นั้นถือว่าพัฒนาขึ้นพร้อมกับ IRIS Xe Graphic  Onboard ครับใน การทดสอบเล่นเกม Overwatch ได้ค่อนข้างลื่นและ FPS 60+ สบายๆ ความร้อนนั้นประมาณ 70+องศา และ CPU แตะไป 85 องศา ครับถือว่าปกติของพวก Ultrabook เล่นในสภาพอากาศไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมครับ และจากที่ทดสอบนั้นเลยของลองตัว PUBG นั้นได้ FPS 40+  ส่วนความร้อนนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากครับในการเล่นเกม และ COD MW ก็พอไหวด้วยครับถือว่าน่าสนใจเลยในตัว การ์ดจอในตัวแบบนี้ ความร้อนระบายได้กลางๆเพราะมันเป็น Ultrabook ไม่ได้สายเกม และเรื่องการระบายความร้อนไม่ได้ทำออกมาสำหรับเล่นเกมมากนักเ ลยอาจจะมีสะสมและร้อนได้ง่ายขึ้นกว่าทั่วไปอยู่บ้าง

ASUS EXPERTBOOK B9 

” ULTRABOOK สายธุรกิจ 14 นิ้วเบาที่สุดในโลก วัสดุดี ประสิทธิภาพแรง ปลอดภัยสุด “

สายงานธุรกิจนั้นที่เด่นๆคงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งาน การปกป้องข้อมูลส่วนตัวหรือว่าจะเป็น ความปลอดภัยต่อตัวเครื่องทั้ง การรองรับการตกหล่น หรือ เวลาเผลอน้ำหกพวกนี้ก็ถือว่าสำคัญเพราะ ว่าจะมีทั้งข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง และทางด้านวัสดุตัวนี้บอกเลยว่าใช้งานวัสดุที่เทพมากๆตัวนึงในตลาดตอนนี้ ทั้งเรื่องของความเบา แช็งแรง และทนทานต่างๆอีกทั้งโทนสีอะไรก็ดูดีและสวยงามเช่นกันครับ ทางด้านสเปกเองก็จัดเต็มทั้งหน้าจอ ความบางเบา รวมถึงพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ อีกทั้งการปรับมาใช้งาน i7 Gen11 ทำให้การทำงานนั้นตอบสนองได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมรวมถึงในแง่ของการอ่านไฟล์งานใหญ่ๆก็ทำได้ดีกว่าเดิมด้วยเช่นกันถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อน แต่น่าเสียดายว่า งานออกแบบอะไรนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิมมากมาย ด้วยราคาที่สูงกว่าทั่วไปเราจะเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก ทั้งสแกนใบหน้า สแกนนิ้ว การตรวจจับการเคลื่อนไหว การตั้งค่าการอ่าน USB ต่างๆจุดนี้ทำให้มันสำคัญและสมราคาของมันถ้าแลกกับข้อมูลที่มีความปลอดภัยหลายสิบล้านก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ

ข้อดี

  • ตัวเครื่องใช้งานวัสดุที่ดีมากๆตัวนึงในตลาด แมกนีเซียมลิเธียมอัลลอย เบา ทน และ แข็งแรง
  • เป็น Laptop ที่เบาที่สุดในโลกในขนาด 14 นิ้ว และบางแค่ 14.9 มม.
  • งานออกแบบเน้นความเรียบหรู แข็งแรง  ป้องกันน้ำกระเด็น น้ำหกได้ ผ่าน MIL-STD-810H
  • Ergo Lift ทำได้โดดเด่นเช่นเดิม
  • หน้าจอสวย สีสันตรง ขอบจอบาง และ กางหน้าจอได้อิสระมาก
  • Nuberpad 2.0 เป็น Touchpad + Number ในตัว
  • มาพร้อม IR- สแกนนิ้ว และ ระบบความปลอดภัยแบบเต็มที่สุดในค่าย
  • ใช้งาน i7 Gen 11 พร้อมกับ RAM 16GB เพียงพอต่อการใช้งาน
  • ลำโพงยังคงโดดเด่น จาก HARMAN / KARDON
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบ ทั้ง USB-A และ HDMI
  • การรับประกันทำได้ดี  ให้มาเต็มๆที่ การรับประกัน 3 Year Onsite Service: บริการตรวจซ่อมฟรีถึงที่ 3 ปี และ ประกัน 3 Year Global Warranty: ครอบคลุมการรับประกัน 3 ปีทั่วโลก  และ 1 Year Perfect Warranty: เพิ่มการรับประกันอุบัติเหตุให้ใน 1 ปีแรก
  • Windows 10 พร้อมใช้งาน รวมถึงโปรแกรม My Asus จัดการได้ดี

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์บอดี้ ไม่เปลี่ยนจากรุ่นก่อนๆเท่าไรนัก
  • การอัพเกรดรองรับได้แค่ตัว SSD M.2 NVMe PCI

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares