SUBARU OUTBACK ถือว่าเป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าที่สุดของทางค่าย พรีเมียมและเป็นเรือธงสุดๆของค่ายนี้ด้วยเช่นกันซึ่งในประเทศไทยต้องบอกว่าเอาเข้ามาขายและเปิดตัวได้ไวมากๆเป็นประเทศแรกๆในโลกเลยแหละไวตามญี่ปุ่นมาติดๆครับ และเป็นรุ่นที่นำเข้าทั้งคัน จากประเทศญี่ปุ่นเรียกได้ว่าเอาคุณภาพแน่นๆจากประเทศบ้านเกิดมาเลยทีเดียว และทางด้านสเปก หรือ ว่าฟีเจอร์ในการใช้งานทั้งหมดก็ใส่เข้ามาแบบเต็มๆทั้งระบบการขับขี่ ระบบช่วยเหลือ Eyesight 4.0 ตัวใหม่ รวมถึงระบบสแกนใบหน้าต่างๆ ก็ใส่เข้ามาให้ครบอีกทั้งยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบภายในตัวรถครั้งใหญ่ของค่ายนี้ รวมถึงวัสดุการใช้งานหลายๆอย่างนั้นจัดเต็มมาก ซึ่งรุ่นที่ขายในไทยเองนั้นจะเป็นตัว 2.5 i-T Eyesight AWD ถือว่าเครื่องใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆที่ขายในไทยเลยทีเดียว

SUBARU OUTBACK 2.5 I-T EYESIGHT AWD นั้นจะใช้งานขุมพลังเครื่องยนต์เพียวๆ เครื่องยนต์เบนซิน Boxer 4 สูบ DOHC with Dual AVCS ขนาด 2.5 ลิตร Direct Injection พละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 3,400 – 4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive และยังคงมี X-MODE มาให้สำหรับการขับขี่ทางลุยๆได้เช่นกัน และแน่นอนว่าตัวนี้เครื่องยนต์ก็ยังคงวางต่ำมากๆตามสไตล์ค่ายนี้รวมถึงใช้งานบนพื้นฐานตัวรถ SGP แล้วเช่นกันครับ ที่สำคัญนอกเหนือจากระบบเครื่องยนต์แล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัย การช่วยเหลือการขับขี่ที่ใช้งาน EYESIGHT 4.0 และมาพร้อมระบบสแกนใบหน้าคนขับ ที่จะคอยเตือนเวลาง่วง หรือไม่มองถนน รวมถึงการจดจำผู้ใช้งานได้ 5 ใบหน้าแบบ 3 มิติว่าปรับที่นั่งแบบไหนยังไง รวมถึงการขับขี่ต่างๆด้วยเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถแบบนี้จะเป็นแนวทรงสเตชั่นแวกอนยกสูง ที่ต้องบอกว่าขนาดตัวรถ เซกเมนต์ของมันจะอยู่ในระดับ E-Class-AUDI A6 เลยทีเดียวครับเรียกได้ว่าความหรูรา ขนาดตัวรถนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว รวมถึงออฟชันอื่นๆที่ใส่เข้ามาให้นั้น ทั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 11.6 นิ้ว เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเครื่องเสียง Harmon/Kardon 11 ลำโพงและซัฟวูฟเฟอร์ รวมถึงการตั้งค่าตัวรถทุกย่างบนหน้าจอทั้งหมดเช่นกัน และวัสดุภายในต่างๆนั้นไม่ธรรมดาในเรื่องของหนังแท้ Nappa และการตกแต่ออกแบบใหม่ทั้งหมดในยุคใหม่ของค่ายนี้ รวมถึงมาพร้อมกับหลังคา Sunroof พร้อมกับราวหลังคาที่สามารถสลับวางแนวขวาง หรือ แนวยาวได้ด้วยเช่นกัน

PRICE

SUBARU OUTBACK รุ่นนี้จะเป็นการ นำเข้า CBU จากญี่ปุ่นทั้งคัน ในรุ่นย่อย
2.5 i-Touring Eyesight AWD  2,799,000 บาท และ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ด้วยเช่นกัน 

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่เปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดแต่ทางค่ายเองก็เหมือนจะพยายามคงเอกลักษณ์ในหลายๆส่วนถ้ามองเทียบกับรุ่นเดิม อาจจะไม่ได้เปลี่ยนทิ้งจากเดิมไปเยอะมากนัก เพราะเส้นสายหลายๆส่วนยังคงมีความคล้ายกับรุ่นก่อนเยอะมากเช่นกันจนบางทีอยากให้ค่ายกล้าเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้ได้เยอะมากเช่นกันครับ ซึ่งตัวรถถือว่ามีขนาดใหญ่อันดับต้นๆของค่ายถ้ามองเทียบกับความยาว หรือว่าความกว้างขวางตัวรถเพราะเป็นรูปทรงแนว WAGON นั้นเองแต่จะเป็นการยกสูงนิดหน่อยครับ มาพร้อมกับขนาด ยาว  4,870 มิลลิเมตร กว้าง  1,875 มิลลิเมตร สูง  1,675 มิลลิเมตร รวมถึง ระยะฐานล้อ  2,745 มิลลิเมตร และ Ground Clearance  213 มิลลิเมตร ถือว่าสูงกว่าแนว WAGON ทั่วไปและทำให้การลุยหรือว่าการขับขี่ทางลุยๆนั้นทำได้ง่ายมากขึ้นกว่าทั่วไป ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างชอบรถแนวนี้ และเหมาะกับสภาพถนนเมืองไทยมากเช่นกันรวมถึงเวลาลุยน้ำท่วมต่างๆก็สบาย

ถ้าเรามองดูเส้นสายแบบผ่านๆบอกเลยว่าเปลี่ยนแปลงไม่เยอะ แต่ถ้ามองเจาะรายละเอียดทุกๆจุดของตัวรถเปลี่ยนไปทั้งหมด ไฟหน้าเรียวยาวขึ้น ไฟท้ายสวยขึ้น และแน่นอนว่าทรงรถนั้นดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ก็ยังคงความลุยในบรรดาขอบล้อ กันชนหน้าหลังสีดำไว้ทั้งหมดที่มีขนาดใหญ่และเป็นสีดำ ดูดุดันและลุยไปในตัวและแน่นอนว่าเอกลักษณ์ด้านข้างทั้งหลังคา ราวหลังคาขนาดใหญ่สีดำ พร้อมกับ ชายล่างด้านข้างสีดำและเขียน OUTBACK ยังคงโดดเด่น ส่วนตัวถือว่าถ้ามองแค่รุ่นนี้มันก็ยังคงสวยและน่าสนใจ แต่ถ้าเรามองเทียบกับรุ่นก่อนนั้นมันน่าจะเปลี่ยนแปลงให้ได้มากกว่านี้ ทั้งเส้นสาย รูปทรง หรือแม้แต่หน้าตาเองที่ยังไม่ได้หนีจากรุ่น XV FORESTER เท่าที่ควรเมื่อเทียบราคา

เมื่อมองหน้าตรงเรายังคงมีกลิ่นอายของ XV นิดๆทั้งรูปทรงไฟหน้าต่างๆ แต่ที่เด่นๆจะเป็นกันชนล่างที่สูง และ กันชนหน้าที่มีการเล่นแถบ 2 ส่วนทำให้มันดูหรูหราขึ้น พร้อมกับ ราวหลังคาขนาดใหญ่ด้านบนที่มองตรงๆแล้วเด่นขึ้นมาทันที รวมถึงความสูงก็กำลังเหมาะสำหรับถนนในไทย หรือแม้แต่ขับเข้าสวน ลุยสวนต่างๆระบบขับ 4 ไว้ใจได้แน่นอน และในด้านหลังเราจะเห็นเลยว่าแถบกันชนล่างสีดำขึ้นมาแทบจะถึงไฟท้ายแล้วเช่นกันพร้อมกับ สีเงินด้านสวยงามเสริมให้ตัวรถดูลุยมากขึ้นพร้อมกับไฟตัดหมอกด้านหลังทั้ง 2 ดวงในด้านล่าง รวมถึงมีสปอยเลอร์หลังมาให้ครบ

เจาะมาที่กระจังหน้าเราจะเห็นการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นอื่นๆ รุ่นนี้จะมีความหรูหรามากขึ้น และรูปทรงเพรียวกว่าตัวอื่นๆ ซึ่งจะเป็นกระจังยุคใหม่ของทางค่ายแล้ว เพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะเห็นทรงบ้านๆพร้อมกับแถบบนสูงๆเส้นเดียวครับ แต่รุ่นนี้เปลี่ยนใหม่แล้ว สวย ลงตัวมากกว่าเดิมเยอะพร้อมกับ กล้องหน้าใต้โลโก้ รวมถึงกันชนล่างสีเงินเสริมเข้ามาให้เด่นขึ้นจากส่วนไฟเบอร์สีดำครับ ก็ถือว่าผสมผสานได้ลงตัวทั้ง สีดำ และ สีเงินด้าน ส่วนทางด้านไฟหน้าเองนั้นมาเป็นแบบจัดเต็มไฟเลี้ยว ไฟ DRL ขนาดใหญ่ LED ทั้งหมดที่มาพร้อมกับไฟหน้า LED ที่รองรับการเอียงตามเลี้ยว และไฟสูงอัตโนมัติก็ใส่เข้ามาให้ครบ ซึ่งมีระบบ เปิดปิดไฟสูงแยกซ้าย ขวาด้วย ทำให้ไม่แยงตาคันที่สวนและอีกฝั่งก็ยังคงติดใช้งานได้ถือว่าระบบฉลาด และแน่นอนว่ามีความสว่างและแสงคมมากๆตัวนึงในตอนนี้ และยังคงมาพร้อมที่ล้างไฟหน้า รวมถึงไฟตัดหมอกด้านล่างเองนั้นเป็นแสงสีขาว LED พร้อมกับกรอบโครเมียมเสริมให้โคมนั้นโดดเด่น

กระจกมองข้างขวานั้นจะมีกล้องมาให้ใช้งานสำหรับส่งด้านข้างเวลาจอดหรือเลี้ยว แต่จะไม่มีกล้องรอบคันนะครับแอบเสียดายมากๆ ซึ่งถ้าเทียบกับราคาของมันน่าจะใส่เข้ามาให้รอบคันได้แล้ว ส่วนกระจกมองข้างเองนั้นเล่นสีโครเมียมตัดกับสีเงินด้านสวยงามและดูเด่นกว่าทั่วไป และถ้ามองลงมาชายข้างล่างเราจะเห็นโลโก้ OUTBACK และชายล่างแบบลุยๆที่โค้งเข้าตัวรถที่จะสวยและช่วยให้เวลาลุยก็จะไม่ติดได้ง่ายขึ้นรวมถึงมีการเว้าเข้าไปเยอะมากเช่นกัน และเช่นเดียวกับขอบหลังคาที่จะเป็นราวหลังคาเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ที่สามารถใช้งานแนวยาวหรือว่าแนวขวางได้ด้วยครับ

ทางด้านล้อตัวนี้มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/60 R18 ลายที่เราอาจจะคล้ายกับในตัว XV GT แต่มีขนาดใหญ่และเส้นสายหนามากกว่าเดิม ซึ่งในส่วนของช่วงล่างก็ใช้แบบปีกนกอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แยกการทำงานแบบอิสระ ถือว่าโดดเด่นและสมราคาของค่ายนี้ที่จะเน้นไปในเรื่องของช่วงล่างและการควบคุมรวมถึงตัวรถที่สูง 213 มม.ด้วยเช่นกันครับจะเห็นว่าโล่งมากๆใต้ท้องและสูงกว่าทั่วไปชัดเจนและด้านหลังจะมีเซนเซอร์พร้อมไฟตัดหมอกหลังให้มาทั้ง 2 ข้าง รวมถึง ท่อไอเสียจะหลบข้างใน ไม่มีปลายท่อหลอกอะไรใส่เข้ามาให้นะครับ

หลังคาที่เราเห็นนั้นจะเป็นแนวขวางอยู่ในส่วนของราวหลังคา ซึ่งเราจะสามารถเปลี่ยนเป็นแนวยาวตามตัวรถได้ถอดสลับได้ง่ายๆเลยผ่านอุปกรณ์ในตัวรถครับ รวมถึงทางด้านกระจกด้านบน Sunroof ก็สามารถเปิดออกมาได้แม้จะไม่ได้กว้างหรือใหญ่แบบพวก Panoramic Sunroof แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่ได้ให้มา พร้อมกับกล้อง EYESIGHT 4.0 ที่ครั้งนี้ติดกับเนื้อกระจกแล้วทำให้ ติดฟิล์มบานหน้ามืดๆได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปิดบังตัวกล้องแล้วด้วยเช่นกันถือว่าพัฒนาขึ้นเยอะมากๆในเรื่องของระบบ หรือจะเป็นการรองรับที่มุมมองกว้างขึ้น ไกลขึ้น และสูงขึ้นกว่าระบบก่อนๆ

และยามค่ำคืนอันนี้แอบเสียดาย เวลาปลดล็อกรถ ไฟหน้าไฟท้ายไม่มีอะไรติดมาให้ รวมถึงไม่มีไฟส่องพื้นตรงกระจกมองข้างหรือว่าตามมือจับประตูมาให้เลยแม้แต่น้อยเวลาปลดล็อก จะมีฟีเจอร์แค่เดินเข้าใกล้ตัวรถไฟภายในจะติดให้เองอันนี้ก็ถือว่าน่าสนใจแม้จะไม่ต้องกดปลดล็อกแต่แค่เดินใกล้ๆก็ติดให้ทันทีครับ และแสงสีเส้นสายไฟท้ายสวยงามมากเวลากลางคืน แม้ไฟถอย ไฟเลี้ยวจะไม่ใช่ LED ก็ตามแต่ไฟเบรกอะไรนั้นเป็น LED ทั้งหมดรวมถึงไฟหน้าเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปิดประตูจะมีแค่ไฟส่องประตู คู่หน้าเท่านั้น แสงสีค่อนข้างน้อยมากๆและเป็นหลอดไส้ด้วยในจุดนี้ครับ

INTERIOR

ก่อนที่เราจะไปภายในนั้นเราจะเห็นว่าส่วนนึงที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรคือหน้าตากุญแจที่เหมือนกับทั้ง XV FORESTER ก่อนหน้านี้ทั้งหมด บอกเลยว่าหน้าตาของมันค่อนข้างธรรมดาและไม่สมกับเรือธงราคา 2.7 ล้านของค่ายนี้เท่าไรนัก จริงๆอยากให้เปลี่ยนหน้าตาใหม่ให้เข้ากับยุคนี้ได้มากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าถ้ามองในการใช้งานก็ไม่มีปัญหารองรับการใช้งานได้ดี เปิดประตูคู่หน้าได้แบบไม่ต้องกดอะไรแค่เอื้อมมือเข้าไปเปิดได้ทันที รวมถึงฝาท้ายกับระบบ เอามือไปใกล้โลโก้ก็สามารถเปิดได้ ไม่ต้องมายืนเตะฝาท้ายรถครับ ซึ่งแค่เอาอะไรก็ได้ไปใกล้โลโก้ก็จะเปิดได้ทันทีแอบสะดวกกว่าแบบเตะเหมือนกัน ส่วนทางด้านภายในถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของค่ายนี้เลยทีเดียว

 

งานออกแบบภายในเองนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทางค่ายเลยก็ว่าได้เพราะได้ใส่หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่มาให้ตรงกลางและใช้งานได้ดีด้วยเช่นกันพร้อมกับ วัสดุรูปทรงอะไรใหม่ทั้งหมดหุ่มด้วยหนังและผิวบุนุ่มในหลายๆส่วนเช่นกัน รวมถึงมุมมองของตัวรถถือว่าโปร่งโล่งสบายตาเช่นเดิมพร้อมกับการออกแบบตัดด้วยสีดำเงาและสีเงินรวมถึงสีส้มของเบาะหนังทำให้่ดูไม่น่าเบื่อเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าตำแหน่งการใช้งานต่างๆนั้นยังคงทำได้ดีเช่นกันเมื่อมานั่งด้านหลังเราจะเห็นเลยว่ากว้างนั่งสบาย และมีความโปร่งมากๆตัวนึง รองรับการปรับเอนเบาะได้สบาย

หน้าตาพวงมาลัยแน่นอนว่ายังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรถ้ามองเทียบกับรุ่นก่อนหน้าซึ่งส่วนนี้ไม่ได้น่าเสียดายเท่าไรแต่ถ้ามีการเปลี่ยนพวงมาลัยหรือว่าออกแบบใหม่น่าจะเข้ากับภายในสมัยใหม่ได้มากกว่านี้ แต่เรื่องของปุ่มการใช้งานต้องบอกว่าเยอะและใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมี Paddle Shift ใส่เข้ามาให้ใช้งานเหมือนเดิมเลยครับ ส่วนทางด้านหน้าปัดเองขอบ่นเลยแหละ เพราะเทียบกับราคาน่าจะได้หน้าปัด ดิจิทัลล้วนแบบตัวนอกได้แล้วครับ ซึ่งพอมาในไทยกลับมาเป็นหน้าจอเข็มเรียบๆธรรมดาเลย มาพร้อมกับจอกลางเท่านั้นที่จะแสดงข้อมูลเยอะๆมากๆทั้งระบบตรวจจับใบหน้า Eyesight หรือว่าจะเป็นพวก Cruise Control รักษาในเลน แจ้งเตือนความเร็ว ยัดมาจอกลางทั้งหมดเลยทำให้ดูแน่นไป และ ไม่ค่อยสวยทันสมัยเท่าไรกับราคา 2 ล้านปลายๆแบบนี้ครับเป็นจุดที่น่าเสียดายมากๆในคันนี้เลย

และแน่นอนว่ากล้องตัวนี้จะมีแค่ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้ายเท่านั้นไม่มีกล้องมองรอบคันมาให้เลย เสียดายมากๆครับ ส่วนระบบตรวจจับใบหน้าจะเป็นแสง IR แบบ 3 มิติคล้ายกับระบบในพวก iPhone-Huawei ที่ทำงานได้ดีมากๆคอยตรวจจับแจ้งเตือนเวลาไม่มองถนน หรือ ง่วงได้ทันที รวมถึงรองรับจดจำผู้ใช้งานได้ 5 คนว่าจะขับขี่ ปรับอะไรแบบไหน และเมื่อมาดูจอกลางนั้นเราจะเห็นหน้าจอขนาดใหญ่มาก  หน้าจอเครื่องเสียง ขนาด 11.6 นิ้ว ระบบสัมผัส Touchscreen รองรับ Apple CarPlay / Android Auto ระบบเสียง Harman Kardon ลำโพง 11 ตำแหน่ง พร้อม SubWoofer และรองรับ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ ซ้าย-ขวา Dual Zone ซึ่งนอกเหนือจากสัมผัส ทางค่ายเองก็ยังใจดีใส่ปุ่มปกติมาให้ซ้ายขวาทำให้กดใช้งานได้ง่ายด้วยเช่นกันครับ แต่ส่วนตัวไม่ชอบหน้าตา ไอคอนเท่าไรดูไม่ค่อยแพง ไม่พรีเมียมมากนัก และ จอที่เราคุ้นเคยกันในส่วนบน โดนย้ายมารวมเป็นจอหลักทั้งหมดแล้วในส่วนบนสุดนั้นเองที่จะเป็นการปรับ X-MODE และดูความร้อน องศาการเอียงของตัวรถย้ายมารวมกันหมดเลย

จริงๆถือว่าชอบงานออกแบบภายในทั้งหมดทั้งการเก็บงาน การออกแบบช่องใสมือถือ ช่องใส่ของเยอะแยะมากมายรอบคันรถ รวมถึง ตัวเกียร์ก็วางในตำแหน่งที่ดีพร้อมกับมีเบรกมือไฟฟ้า และ AVH หรือ AUTO HOLD ใส่เข้ามาให้ปกติครับแต่ต้องตั้งค่าในหน้าจอนะ และ ตรงเกียร์จะมาพร้อมกับปุ่ม กดมองกล้องหลังหน้าได้ และ มีที่ชาร์จ USB-A มาให้ 2 ตำแหน่งพร้อมช่อง AUX ครับ น่าเสียดายว่าไม่มีระบบชาร์จไรสายอะไรใส่เข้ามาให้ในรุ่นนี้ในปี 2021 นี้นะ

เข้าห้องโดยสารกันบ้างแน่นอนว่าตัวเบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้าหนังแท้ Nappaเบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกความจำตำแหน่ง Memory Seat+ พร้อมที่ปรับดันหลัง Lumbar Support ส่วน เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง ครับแตกต่างกันเล็กน้อย แต่รูปทรงตัวเบาะอันนี้ดีนั่งสบายมาก นุ่มและแน่นกำลังดี ไม่ได้ทรงสปอร์ตมากเกินไปนั่งทางไกลสบายมากตัวนึงในตลาดคู่แข่ง รวมถึงกระชับได้ดีไม่ได้โอบมากไปเป็นเบาะที่นั่งสบายจริงๆครับ และด้วยหนังแท้ของมันผิวสัมผัสจัดน่าเนียนและพรีเมียม ส่วนสีจะออกส้มๆแล้วแต่ชอบนะ แต่ส่วนตัวโทนสีกำลังสวยครับไม่ได้ส้มจัดมากนักจะออกส้มน้ำตาลซะมากกว่าถ้าไม่เจอแดดก็สวยเลยครับ  พื้นที่วางขาอะไรสบาย แต่จะติดคอนโซลนิดๆในส่วนเข่า แต่ HEADROOM บอกเลยว่ากว้างและโปร่งมากๆเช่นกัน

เบาะหนังถือว่านั่งสบาย กว้างมากตัวนึงในตลาดและสามารถปรับเอนได้ด้วยเช่นกันครับถือว่าสบายเลยแหละและพื้นที่วางขาเหลือเยอะมากเช่นกันรวมถึง Headroom ด้วยก็สามารถนั่งหลังชนได้แบบสบายๆหัวไม่ติดครับ รวมถึงระบบความปลอดภัย ถ้านั่งแล้วไม่คาดเข็มขัดจะเตือนทุกที่นั่ง 5 ตำแหน่งเลยทีเดียว ความปลอดภัยเค้าจัดเต็มอย่างมากส่วนแอร์หลังที่วางแขนให้มากำลังดีครับ แต่น่าเสียดายว่าไม่มีม่านบังแดดหลังอะไรใส่เข้ามาในส่วนคนนั่งหลังรุ่นนี้

ที่วางแก้ว 2 ตำแหน่งตรงที่วางแขนแอบตื้นนิดๆแต่ก็มียางใส่เข้ามาให้ไม่มีปัญหาในการใช้งาน พร้อมกับเล่นวัสดุสีดำเงาทำให้ดูพรีเมียมขึ้น หุ่มด้วยหนังแท้ทั้งหมด ส่วนแอร์หลังใส่มาให้ 2 ช่องไม่สามารถปรับอะไรได้ครับอิงจากส่วนหน้าทั้งหมด พร้อมกับช่องเสียบชาร์จไฟแบบ USB-A ให้มาทั้งหมด 2 ตำแหน่ง กำลังเพียงพอต่อการใช้งานรวมๆ

พื่นที่สัมภาระนั้นกว้างมากๆเช่นกัน และสามารถแยกพับ 60:40 ได้สบายๆ ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย  522 – 1,726 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลัง) และ มาพร้อมกับล้ออะไหล่มาให้ครบๆที่อาจจะหาได้ยากในสมัยนี้้ และในด้านหลังจะมี Sub-Woofer มาให้ พร้อมกับที่แขวนซ้ายขวา รวมถึงที่พับเบาะหลังใส่เข้ามาในด้านหลังดึงเปิดใช้งานได้สบาย

แสงสียามค่ำคืนบอกเลยว่าเสียดายมากๆ ไม่มีไฟ Ambient Light มาให้เลยแม้แต่น้อย รวมถึงไฟส่องเท้าก็ยังไม่มีครับ จะมีแค่ไฟตรงที่วางมือ 4 ข้างเท่านั้น แต่ไฟแสงสี บรรยากาศไม่มีมาให้เลยแม้แต่น้อย ทำให้แอบเสียดายในเรื่องนี้พอสมควรครับ ห้องโดยสารเรียบๆมากเช่นกัน แต่ถ้าเปิดไฟก็พอสว่างเน้นใช้งานเป็นหลักไม่ได้ หวือหวามากนัก ส่วนระบบสแกนใบหน้าสามารถทำงานทั้ง กลางวัน กลางคืนได้เป็นอย่างดีเพราะใช้ระบบ IR 3D ทำงานได้แม่นยำ

EYESIGHT 4.0

แน่นอนว่าพระเอกของรุ่นนี้คือระบบ EyeSight 4.0ที่เพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร นอกจาก 6 ระบบการทำงานที่มีในอายไซต์รุ่นปัจจุบัน แล้วตัวกล้องพัฒนาขึ้นติดกับกระจกทำให้สามารถติดฟิล์มมืดๆได้แล้ว และพัฒนาขยายมุมรับภาพให้กว้างขึ้นอีก 2 เท่า ทั้งในแนวซ้ายขวา หรือว่า สูงต่ำเรียกได้ว่ากว้างขึ้นทั้ง กว้างและสูง และไกลมากขึ้นครับ และ ยังเสริมในเรื่องตรวจจับใบหน้าเข้ามาให้อีกนอกเหนือจาก Eyesight 4.0 แล้วก็ตามครับแน่นๆเลยแหละ และ ระบบความปลอดภัยจัดเต็มเช่นเดิม ความปลอดภัยระดับ 5 ดาว โดยสถาบัน (NHTSA) สหรัฐ อเมริกาในปี 2021 ในตัวบอดี้ตัวรถต่างๆเช่นกัน และระบบใหม่จะหักหลบเลนให้เองถ้าใกล้จะชนและเบรกไม่ทัน

  • Autonomous Emergency Steering ระบบบังคับเลี้ยวฉุกเฉินอัตโนมัติ: ช่วยหลีกเลี่ยงการชนโดยการหลบหลีกอัตโนมัติไปยังพื้นที่ว่างด้านข้างภายข้างในช่องทางเดิม ในกรณีที่ไม่สามารถเลี่ยงการชนด้วยระบบเบรกอัตโนมัติ (Pre-Collision Braking)
  • Lane Centering Control/ Preceeding Vehicle Adaptive Steering Control ระบบบังคับรถให้อยู่กึ่งกลางถนนและระบบบังคับพวงมาลัยตามรถด้านหน้า: ประสานการทำงานร่วมกับระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่กึ่งกลางถนนในขณะที่ขับตามรถด้านหน้า
  • Pre-Collision Braking at Intersection ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางแยก: มุมมองที่กว้างขึ้นทำให้กล้องสามารถตรวจสอบยานพาหนะที่ขับสวนมาในเส้นทางตรงข้าม ระบบจะช่วยเลี่ยงการชนด้วยการเบรกอัตโนมัติ
  • Lane Departure Prevention Function ระบบบังคับพวงมาลัยอัตโนมัติ:  เมื่อรถจะหลุดออกนอกเส้นถนน ระบบจะเตือนด้วยเสียงก่อนพวงมาลัยก่อนบังคับพวงมาลัยให้กลับมาอยู่ในเส้นทางอัตโนมัติ
  • Driver Monitoring System (DMS) ระบบตรวจสอบผู้ขับ:  จะจับการเคลื่อนไหวของใบหน้า หากผู้ขับมีอาการง่วง, หลับ หรือไม่มองไปที่ถนนด้านหน้า ระบบจะแจ้งเตือนบนจอแสดงผลและส่งเสียงเตือน เพื่อให้แน่ใจว่าคนขับมีสมาธิอยู่กับถนน นอกจากนี้ ระบบ DMS ยังสามารถจดจำใบหน้าของผู้ขับละอำนวยความสะดวก โดยการปรับเบาะที่นั่ง, จอแสดงผล, กระจกมองข้าง และระบบปรับอากาศ
  • Post-Collision Brake Control: ระบบจะป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือลดความเสียหายซ้ำซ้อนหลังจากการปะทะ ช่วยบังคับรถไม่ให้หลุดออกนอกเลนโดยการชะลอความเร็วและหยุดรถอัตโนมัติ รวมทั้งเปิดไฟฉุกเฉินแจ้งเตือนรถโดยรอบ
  • Reverse Automatic Braking ระบบป้องกันการชนเขณะถอยหลัง: ช่วยตรวจสอบพื้นที่ด้านหลังขณะถอยหลังที่ความเร็วต่ำและจัดการเบรกให้อัตโนมัติ

ENGINE

ทางด้านเครื่องยนต์นั้นแน่นอนว่าสเปกอาจจะไม่ได้หนีจากรุ่นเดิมแต่ก็มีการเปลี่ยนอะไรข้างในเยอะขึ้นครับ ใช้เครื่องยนต์แบบ เครื่องยนต์เบนซิน Boxer 4 สูบ DOHC with Dual AVCS ขนาด 2.5 ลิตร Direct Injection พละกำลังสูงสุด 188 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 3,400 – 4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive และยังคงมี X-MODE ตัวรถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ประมาณ 9 วิปลายๆ พร้อมอัตราทดเกียร์ที่เป็นแบบ 8 Speed ที่ดีขึ้นและยังคงเน้นในการวางเครื่องต่ำพร้อมกับ เวลาเกิดอุบัติเหตุก็จะทิ้งลงไปส่วนล่างไม่โดนห้องโดยสาร

ซึ่งถ้ามองไปที่เครื่องยนต์เองนั้นตัวนี้ไม่ได้มีเทอร์โบอะไรเข้ามาช่วย ไม่ได้มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเสริมอะไรแน่นอนว่าพละกำลังก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่จะไม่ได้รู้สึกพุ่งหรือทันใจเท่าไรถ้ามองจริงๆใ นไทยเอง SUBARU ไม่ค่อยมีตัวไหนที่เร็วหรือพุ่งเท่าไรนัก ยกเว้น WRX พวกนั้นซึ่งแอบเสียดายเหมือนกันในเรื่องของเครื่องยนต์พละกำลังตัวนี้เลยค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้พุ่งทันใจ หรือหวือหวาเท่าไร แต่ก็สามารถไปได้เรื่อยๆแบบนิ่งๆไหลปลายกำลังดีนั้นเองครับ ทำงานร่วมกันกับ ใช้แบบปีกนกอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ถือว่าเรื่องช่วงล่างตัวนี้สามารถไว้ใจได้หายห่วงครับ

DRIVING

การขับขี่รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจซึ่งตัวรถเองนั้นในแง่ของพละกำลังกันก่อนตัวนี้เครื่อง 2.5 ก็จริงแต่ด้วยการแบกขนาดตัวรถยาว และใหญ่แบบนี้ทำให้ในแง่ของอัตราเร่งอาจจะไม่ได้ทันใจหรือสะใจมากนัก แต่ 0-100 ก็สามารถ 9-10 วิได้แบบกำลังดีครับ และแน่นอนว่าถ้ามองเทียบกับสมัยนี้ที่เจอแต่เทอร์โบ ตัวนี้อาจจะสู้ได้ยากมากจริงๆ แต่ถ้ามองในแง่ความเร็วปลายตัวนี้ก็สามารถยิงไปได้เรื่อยๆแบบนิ่มๆเรียบๆได้เหมือนกัน ตามตรงก็ถือว่าเหมาะกับแนวของรถหรือว่ารูปทรงของตัวรถ แต่แค่ช่วงตีนต้น หรือ เร่งแซงต้องเผื่อไว้เยอะเหมือนกันนั้นเองครับในการแซงรถบรรทุกเลนสวน แต่ถ้าถามว่าพอไหมในการใช้งานทั่วไปต้องบอกว่าสบายๆครับ พ่อแม่ขับชิลๆ ไปเที่ยวในเมือง ต่างจังหวัดยังไงก็เหลือๆ

ส่วนพวงมาลัยและการควบคุมเองนั้นถือว่าทำได้ดี แต่ไม่ได้แม่นหรือคมเท่าที่ควร ในการเซ็ตพวงมาลัยเซ็ตมาเบาอย่างมากถ้ามองเทียบกับตัวรถ เบาแทบจะใกล้กับบรรดา CITY พวกนั้นได้เลยและแน่นอนว่าถ้าเทียบกับตัวรถขนาดใหญ่แบบนี้แอบแปลกๆเหมือนกันในการขับขี่ทางไกล แต่ถ้าในเมืองพวงมาลัยแบบนี้ก็ขับสบาย คล่องตัวได้อยู่ครับ แต่ถ้าทางไกล จะไม่ค่อยคม และเบาไปเหมือนกันในการเปลี่ยนเลนหรือความเร็วสูงๆต้องมั่นใจและมีสติมากกว่าปกติ และเมื่อมามองรวมกันกับช่วงล่าง ตัวนี้ถือว่าแน่น นุ่มหนึบมากๆ น่าจะนุ่มที่สุดแล้วในบรรดา SUV ของค่ายตัวนี้ครับนุ่มและแอบติดย้วยได้ง่ายสุดเช่นกันในการเปลี่ยนเลน เข้าโค้งไวๆเจออาการโยนได้ง่ายกว่า FORESTER ชัดเจน แต่ก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่เพราะขับ 4 กระจายน้ำหนักได้ดีมากแต่แค่จะโยนชัดกว่าเท่านั้น ส่วนทางตรงนิ่งๆไม่เจออาการโยนหรือน่ากลัวเลยถือว่าจัดการได้ดี ตัวรถจะเน้นไปทางนุ่ม นั่งสบายดูดีชัดเจนเก็บรอยต่อถนน ทางเละๆ ทางลุยหรือถนนเมืองไทยได้เนียนและหลับสบายมากๆในตอนหลัง ซึ่งใครชอบช่วงล่างนุ่มๆน่าจะติดใจในรุ่นนี้อย่างมากเช่นกัน

ในแง่ของการขับ 4 ตัวนี้สามารถกระจายน้ำหนักเวลาเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี พร้อมกับมั่นใจเวลาแซง หรือขับเร็วได้ดีเช่นเดิม เรื่องนี้ทางค่ายนี้เองน่าจะเป็นระบบขับ 4 ที่ดีที่สุดในบรรดารถยนต์ญี่ปุ่นแล้วก็ไม่เวอร์เกินไป รวมถึงเราได้ทดสอบเอาไปลุยกันแบบจริงจัง เปิดโหมดพิเศษต่างๆ ลงดิน ทรายก็สามารถจัดการได้ทั้งหมด กระจายน้ำหนักแต่ละล้อได้เป็นอย่างดี รวมถึงเวลาล้อลอย ก็จะส่งกำลังไปอีกล้อทันทีครับ และปีนป่ายอะไรได้ง่ายมากจริงๆ รวมถึงเวลาลงเน้นระบบชะลอได้เนียนและช้ามากเช่นกัน แต่ต้องระวัง หน้ากับท้ายรถที่ยื่นกว่าทั่วไปด้วยขนาดตัวรถเวลาขึ้นเนินสูงๆ

การเก็บเสียงต้องบอกว่าถ้าเทียบกับราคาและระดับของตัวรถเป็นรุ่นที่เก็บเสียงไม่ค่อยดีเท่าไรเสียงลมเข้ามาได้ง่ายชัดเจนแม้จะความเร็วไม่สูง 100+ก็เริ่มดังแล้วจนคนนั่งถามว่าเสียงลมดัง ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นคันไหนที่เสียงลมแอบเข้ามาเยอะแบบนี้ซึ่งจุดนี้น่าเสียดายมากและยิ่ง 120 ขึ้นไปนั้นเสียงลมชัดเจนและดังมากกว่ารุ่นอื่นๆที่เราทดสอบกันด้วยซ้ำ จุดนี้เลยน่าเสียดายที่สุดของคันนี้ แต่เสียงเครื่อง เสียงถนนนั้นเงียบและเก็บได้ดีมากนะ จะมีแค่เสียงตามขอบประตู ซันรูป หรือกระจกที่เราฟังแล้วรู้สึกเลยว่ามันดังกว่าที่ควรจะเป็นพอสมควรเลยแหละสำหรับ OUTBACK

ในแง่ของการนั่งถือว่าสบายมุมมองโปร่งโล่ง เสา A พวกนี้ค่ายนี้ถือว่าจัดการเรื่องพวกนี้ได้ดีครับ รวมถึงตัวเบาะการนั่งหน้า และ นั่งหลังสามารถรองรับการขับขี่ทางไกลได้แบบหายห่วงเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้ขอชมเลยว่า ตำแหน่งการขับขี่ เบาะการโอบกระชับ และความนุ่ม หรือ พื้นที่การนั่ง OUTBACK สามารถตอบโจทย์การนั่งสบายและโปร่งโล่งได้ดี

CONSUMPTION

ในส่วนอัตราการสิ้นเปลืองนั้นในรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ BOXER 2.5 ลิตร ทดสอบในการขับขี่นั้นโดยปกติทางเราจะทดสอบแบบใช้งานจริงทั้งหมด ทั้งการขับขี่ในเมือง และ นอกเมืองในโหมดปกติและ S Mode ครับแน่นอนว่าด้วยพละกำลังและทรงของรถถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรเลยแหละ ในการใช้งานในเมืองนั้นจะทำได้ 10 กิโลต่อลิตร ในการขับรถติดๆทั่วไปใช้งานทั่วไปไม่ได้ขับทางไกล แต่ถ้าหากเราขับขี่ทางไกล ซัดแรงๆบ้างความเร็ว 120+ ประมาณนี้ถือว่าทำได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกันจะได้ประมาณ 12 กิโลต่อลิตร แต่ถ้าขับแบบทั่วไปโหมดปกตินั้นจะทำได้ประมาณ 13 กิโลลิตรในความเร็วไม่เกิน 110 ประมาณนี้ และ ขับแบบไม่ได้โหดอะไรมากนัก ถือว่าอัตราสิ้นเปลืองนั้นดีกว่า FORESTER – XV ด้วยเช่นกันแม้จะเครื่องใหญ่กว่าแต่รู้สึกว่ามันกำลังดีกับขนาดตัวบอดี้ของตัวรถ

SUBARU OUTBACK 2.5I-T EYESIGHT AWD

” รุ่นเทพของค่าย นุ่มนั่งสบาย ช่วงล่างขับขี่ดี ระบบฟีเจอร์แน่น นำเข้าทั้งคัน  “

ถ้าหากเป็นคนที่ชอบ SUBARU และเคยขับขี่มาก่อนแน่นอนว่าไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะสำหรับสาวกค่ายนี้ วางเงินจัดกันได้ไม่ยาก การขับขี่ที่แตกต่างกับรถคันอื่นๆ ระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่นและช่วงล่างต่างๆ คนที่เคยขับค่ายนี้น่าจะทราบกันดีครับ รวมถึงได้รุ่นที่ฟีเจอร์ความปลอดภัยจัดเต็ม ระบบช่วยเหลือที่มากที่สุดในตอนนี้ทำให้รุ่นนี้น่าสนใจอย่างมาก แต่สำหรับคนทั่วไปไม่เคยลองค่ายนี้ ถ้าเทียบราคา 2.7 ล้านจะเจอแต่รถยุโรปอาจจะตัดสินใจกันลำบากนิดหน่อย แต่จุดที่คันนี้โดดเด่นในงบเท่ากัน เราจะได้บอดี้ใหญ่นั่งสบาย ระบบขับ 4 ที่โหดมากๆตัวนึงในตลาด พร้อมกับระบบช่วยเหลือที่เยอะกว่าคันอื่นๆ และแน่นอนว่าได้รถประกอบญี่ปุ่นทั้งคัน แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่เน้นเป็นรถครอบครัวเป็นหลัก เน้นขนของ แต่ก็ไปเที่ยวลุยๆได้บ้าง ไม่ได้เน้นอัตราเร่ง เน้นขับเรื่อยๆ ปลอดภัยแน่นอนว่าตัวนี้ตอบโจทย์ทันทีครับ แต่ถ้าคนที่เน้นอัตราเร่งสะใจแต่ไม่ได้เน้นบอดี้ใหญ่มากนักอาจจะมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าเหมือนกัน

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares