Mercedes-Benz นั้นเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ต้องบอกว่าได้รับความนิยมในไทยอย่างมาก และรวมถึงตลาดโลกแน่นอนว่าทั้ง ชื่อชั้น คุณภาพที่เป็นที่รู้จักกันมานานครับและในยุคหลังๆต้องบอกว่าทาง Mercedes-Benz นั้นมีรุ่นเปิดตัวเยอะแยะหลากหลายขึ้น เอามาตอบโจทย์อย่างมากทั้งออกมาเสริมในคลาสต่างๆที่ออกมาทั้งในตัว GLA GLC GLE GLS ครับที่จะเป็นบรรดารุ่น SUV ที่มีแต่ละขนาดหลากหลายตามแต่ความต้องการเลย และด้วยการออกแบบทั้งภายนอกภายใน ค่ายนี้ได้ยกระดับทั้งหมดเอาจริงๆค่อนข้างชอบดีไซน์ของค่ายนี้ในยุคหลังๆมากครับ มีความทันสมัยและมีความหรูแทรกเข้ามา และในครั้งนี้เรามาอยู่ในตัว GLC 220D เป็นรุ่นใหม่ Facelift ยกเครื่องด้านหน้าใหม่ ไฟหน้าไฟท้าย ออฟชั่นอะไรให้มันน่าสนใจขึ้นครับ และเป็นการเอาดีไซน์การออกแบบยุคใหม่เข้ามาในด้านหน้า

GLC 220D ตัวนี้นั้นเป็นรุ่นประกอบในประเทศไทย และยังคงมีดีไซน์สปอร์ต เรียบหรู ทันสมัยมากขึ้น พร้อมอัปเดตขุมพลังดีเซลใหม่ ภายใต้รุ่น GLC 220 d ครับมาแทน 250d รุ่นก่อนหน้า ในรุ่นนี้มีการวางตลาดไว้ สำหรับ คนรุ่นใหม่หรือคนยุคใหม่ที่ยังชื่นชอบการขับขี่ที่สะดวก เก็บของได้เยอะ แต่ก็มีความสวยงาม สปอร์ตไปในตัวครับ ในรุ่น GLC220d รุ่นนี้มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว  Diesel Commonrail Turbocharged Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลังครับ และในรุ่นที่เรารีวิวนั้นจะเป็น AMG Dynamic ที่จะแตกต่างกับรุ่นปกติคือทั้งไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED กระจังหน้าแบบใหม่ กันชนหน้าหลังแบบ AMG Bodystyling ล้อ AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว สี Tremolite Grey และรวมถึงมีหลังคา Paronamic Sunroof และฟีเจอร์อื่นๆที่ใส่เข้ามาเยอะมากๆครับในตัวนี้ รวมถึงภายในก็ตกแต่งแตกต่างกัน ลายไม้สีดำหน้าปัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบ และ ยังมีระบบ Mercedes Connect สำหรับสั่งงานผ่านมือถือได้ด้วยครับ  จะรองรับการสั่งงาน ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System และ ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์ รวมถึง ฟังก์ชันสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศด้วยมือถือ Remote Engine Start  และ ด้านท้ายก็ปรับเปลี่ยนไฟท้ายแบบใหม่ด้วยเช่นกันก็ถือว่าปรับเปลี่ยนพอสมควรครับในแง่ของหน้าตา ฟีเจอร์การใช้งานทันสมัยครับ

New Mercedes-Benz GLC รุ่นล่าสุด นั้นมาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อยคือ

  • GLC 220 d ราคา 3,239,000 บาท
  • GLC 220 d AMG Dynamic ราคา 3,699,000 บาท ในรุ่นที่เรารีวิวครับ
  • GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 4,040,000 บาท เป็นตัวขับ 4 Coupe ครับผม 

EXTERIOR

งานออกแบบภายนอกในรุ่นนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนพอสมควรครับคือมองแล้วรู้เลยว่าเป็นรุ่นใหม่ เจนใหม่แล้วแต่แน่นอนว่ามันเป็นแค่ Facelift เลยอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแบบทั้งคันแต่ก็ถือว่าเยอะพอสมควรทั้งด้านหน้าหลัง ไฟหน้าไฟท้าย ล้อลายใหม่พวกนี้ครับ แน่นอนว่ากระจังหน้าก็เปลี่ยนแปลงเป็นแบบยุคใหม่แล้วครับ รวมถึงลูกเล่นไฟท้ายอะไรด้วยเช่นกัน ในรุ่นที่เรารีวิวนั้นจะเป็นตัว 220d AMG Dynamics เลยทำให้ได้ชุดกันชน กระจังหน้า ไฟหน้า กันชนท้ายแบบ สปอร์ตค่อนข้างสวยและลงตัว และกระจังหน้าแบบที่จะแตกต่างกว่ารุ่นปกติด้วยครับส่วนตัวชอบการออกแบบของรุ่น AMG มากกว่าเดิมๆพอสมควรเพราะลงตัว สปอร์ตและดูดีกว่ารุ่นปกติเยอะครับและรวมถึงลายล้อ

ทางด้านหน้ารุ่นนี้ใช้งานกระจังหน้าแบบ Diamond Radiator Grille สีเงิน พร้อมตรา Mercedes-Benz ที่เราคุ้นเคยกันดีครับและโลโก้เด่นชัดเจนมาก และได้ใช้งานกันชนหน้าแบบ AMG Bodystyling จะเป็นโครเมี่ยมที่เสริมเข้ามาและกันชนด้านหน้าทรง AMG ที่เราคุ้นเคยกันครับรวมถึงในด้านหน้าก็จะมีการแทรกเซนเซอร์ อะไรเข้ามาในการจับระยะรอบคันรวมถึงกล้องหน้าในบริเวณโลโก้ด้วยครับ ส่วนตัวไฟหน้านั้นใช้งาน MULTIBEAM LED และแน่นอนว่าไฟตัดหมอกนั้นรุ่นใหม่ๆจะถูกรวมไปกับไฟใหญ่แล้วเป็นระบบที่จะเพิ่มความเข้มของแสงให้เองครับ ถือว่าเจ๋งมากๆ ไม่ต้องมีตัดหมอกแยกแล้ว ส่วนด้านหลังนั้นจะเห็นว่าไฟท้ายได้ถูกออกแบบใหม่ และกันชนด้านหลังดีไซน์ AMG Bodystyling เช่นกันพร้อมโครเมี่ยม และท่อไอเสียคู่ที่โครเมี่ยมเช่นกัน แต่เป็นท่อหลอกทั้งหมดนะครับ

ด้านข้างนั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างกับรุ่นก่อน Facelift เท่าไรนักครับ จะเป็นทรงของกันชน ลายล้อซะมากกว่า ส่วนบันไดด้านข้างมีมาให้เช่นกัน และล้อในรุ่นนี้มาพร้อมกับล้อ ล้ออัลลอย AMG 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว สี Tremolite Greyถือว่าดีไซน์สวย และเป็นลายเอกลักษณ์ของค่ายนี้มากๆครับล้อลาย 5 ก้านปัดเงาพร้อมกับเล่นสีดำค่อนข้างเข้ากับรถสีดำพอสมควร และโครเมี่ยมรอบคันดันให้เข้ากับลายล้อมากๆ ส่วนยางติดรถนั้นให้มาเป็นตัว  Runflat คู่หน้า – หลัง ขนาด 235/55 R19 ครับถือว่าขนาดกำลังดีในการขับขี่ทั่วไปไม่กระด้างเกินไปครับ

ไฟหน้าไฟท้ายคือจุดเปลี่ยนหลักๆเลยครับไฟหน้าตัวนี้จัดเต็มเป็นไฟหน้าที่ดีที่สุดในค่ายแล้วจะเห็นว่าตัวนี้จะมีไฟหน้า 2 แบบครับอีกแบนึงจะเป็นแบบคล้ายๆช่องๆเรียงกันกับแบบในตัวรีวิว ซึ่งตัวที่เรารีวิวจะเป็นไฟแบบ MULTIBEAM LED ที่รองรับ ปรับไฟสูง แบบอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist ระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย Active Light System ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง Cornering Light ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam ระยะส่องสว่าง 650 เมตร และ ยังเป็นไฟตัดหมอกในตัวรวมถึง ไฟ DRL และไฟเลี้ยวดีไซน์ใหม่ครับ เด่นกว่าเดิมแน่นอน  และในตัวของไฟท้ายนั้นจะเป็นดีไซน์ใหม่เช่นกันเป็นแบบกรอบ 2 กรอบล้อมรอบพร้อมกับเป็น Full LED ทั้งหมด และมีตัดหมอกด้านหลังมาให้ในฝั่งขวาครับ และไฟเลี้ยวไฟถอยก็เป็น LED แต่ทรงของโคมไฟหลังนั้นเหมือนเดิมครับ แต่ถ้าด้านหน้านั้นจะเปลี่ยนแปลงเยอะกว่านั้นเอง ส่วนไฟเบรคดวงที่ 3 ไฟเลี้ยวกระจกมองข้างก็ใส่มาให้เหมือนเดิม แต่ค่ายนี้ยังไม่ได้ใส่ไฟเลี้ยวแบบ Dynamics มาให้นะครับยังไม่ค่อยเจอ

มาดูภาพรวมๆในการเปิดไฟหน้าไฟท้ายครับ จะเห็นว่าเป็นกรอบๆค่อนข้างสวยเลยในส่วนของไฟท้าย ส่วนฝาท้ายนั้นก็มีระบบฝาท้ายไฟฟ้ามาให้พร้อม Hands-Free Tailgate สามารถเตะเพื่อเปิดฝาท้ายได้สบายๆ และ ท่อไอเสียคู่แต่เป็นท่อหลอกนะครับรวมถึงมีการเล่นสีโครเมี่ยมพอสมควรในส่วนนั้น และกันชนด้านหลังก็เปลี่ยนใหม่ดูดุดันขึ้น ในด้านหน้าจะเห็นว่าไฟเลี้ยวนั้นเป็นกรอบล้อมรอบสวยงามมากๆ จะแตกต่างกว่ารุ่นเดิมที่มีแค่ส่วนบน และไฟหน้านั้นจะเป็นแบบ MULTIBEAM 2 ส่วนครับและไฟสูงไฟตัดหมอกก็จะใช้ในโคมนั้นทั้งหมดในส่วนไฟทั้ง84 ดวงที่แทรกอยู่นั้นเอง ส่วนตรงกันชนหน้าก็สวยและดูดี สปอร์ต มีโครเมี่ยมตรงกระจังและ ชายล่างเข้ากับสีดำพอสมควรเลย

อีกจุดนึงในภายนอกนั้นเราจะเห็นว่าเมื่อปลอดล็อครถมันจะมีไฟช่วงส่องสว่างครับอันนี้ช่วยได้มากๆเวลาเดินห้างเวลากลางคืนหรือจอดรถที่มืดๆคือจะเห็นรอบคันเลยนั้นเอง รุ่นนี้จะมีไฟทั้งตรงกระจกมองข้างส่องลงพื้น ที่จับประตูทั้ง 4 ดาน รวมถึงไฟในห้องโดยสาร และไฟหน้าไฟท้ายก็จะติดทั้งหมดแต่จะเป็นติดแบบไฟหรี่ครับ เป็นระบบที่ชอบมากๆในการส่องสว่างรอบคันมันช่วยได้เยอะมากๆ และ กระจกมองข้างก็จะกางออกมาเองด้วยเช่นกันครับสะดวกเลยแหละ

INTERIOR

ทางด้านภายในนั้นในรุ่นนี้จะเป็นตัว AMG Dynamics พวกลายไม้ตกแต่งอะไรจะดูสปอร์ตขึ้น แน่นอนว่าลายไม้สีดำ และหน้าปัดแบบดิจิตอลทั้งหมดที่แตกต่างกับตัวปกติครับ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อน Facelift นั้นจะมีจุกแตกต่างกันหลักๆคือตัววัสดุของแผง Dashboard ตรงกลางที่รุ่นก่อนจะเป็นดำเงา และหน้าจอตรงกลางที่เปลี่ยนมาใช้แบบใหม่รองรับระบบสัมผัสและมีขนาดใหญ่ขึ้นใช้งานได้ดีขึ้น รวมถึงพวงมาลัยที่เปลี่ยนรูปทรงนิดหน่อยด้วยอีกทั้งหน้าปัดแบบนี้ก็ใส่เข้ามาเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ครับ รวมถึงการควบคุมสั่งงานตรงกลางก็เปลี่ยนมาใช้งานแบบใหม่แล้ว ระบบควบคุม และ สั่งงานแบบสัมผัส Touchpad ที่เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนการออกแบบแสงไฟอะไรสวยงามเช่นเดิมดูได้จากในภาพข้างบนเลยครับ  ไฟในห้องโดยสารก็สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายแต่งได้เยอะมากเลยแหละ

ทางด้านกุญแจก็เป็นกุญแจทรงมาตรฐานของแบรนด์นี้ครับ มีปุ่มล็อคกับปลดล็อคได้ รวมถึงสามารถเปิดปิดฝาท้ายได้ครับ ส่วนระบบเข้าออกก็แค่พกกุญแจไว้กับตัวและเปิดประตูได้เลยไม่ต้องกดปุ่มที่มือจับอะไรทั้งนั้นแค่เอื้อมมือไปเปิดก็จะปลดล็อคได้เองเลยครับ ส่วนเวลาสตาร์ทก็แน่นอนเป็นปุ่มกดอยู่แล้ว ส่วนในห้องโดยสารรุ่นนี้มีระบบกรองฝุ่นอย่างดีครับไม่ต้องไปหาเครื่องกรองติดอะไรเพิ่มเลย เพราะที่ทดสอบนั้นสามารถกรองได้ดีมากๆ PM2.5 แค่ 1 เท่านั้น

บรรยากาศภายในห้องโดยสารครับในรุ่นนี้มีหลังคากระจกมาให้ด้วย Paronamic Sunroof  2 ช่วงทั้งหน้าและหลังแต่จะเปิดได้แค่ข้างหน้านะครับ และเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดเลย หลังคาแบบนี้จริงๆมันช่วยในห้องโดยสารกว้างขึ้นเยอะใครได้ใช้แบบนี้จะค่อนข้างติดใจสำหรับคนนั่งข้างหลัง ทางด้านตัวเบาะเองนั้นในด้านหน้าจะเป็นระบบไฟฟ้าทั้งหมดพร้อมกับ ทรงสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง ARTICO  Memory Seat พร้อมสามารถปรับดันหลังอะไรได้และยืดช่วงพักขาได้ด้วยครับ ส่วนตำแหน่งการนั่งถือว่าดีสบายกว่าตัวซีดานครับเทียบกับ C-Class แน่นอนว่า คอนโซลไม่อึดอัดเท่าตัวนั้นและไม่เบียดเข่าเท่าไรด้วยเช่นกัน ส่วนตัวเบาะการนั่งนั้นถือว่าทำได้ระดับกลางๆสบายแต่ยังไม่ได้สบายสุดเท่าไรเมื่อขับทางไกลสำหรับใครที่ชอบแบบกระชับๆอาจจะไม่ได้เหมาะมากนัก แต่ถ้านั่งทั่วไปก็ถือว่าสบายอยู่ วัสดุเบาะ บุนุ่มอะไรกำลังดีครับตามสไตล์ค่ายนี้จะได้ได้ยวบมากนักมีความแน่นระดับนึงเลย ส่วนคอนโซลอะไรก็บุนุ่มมาทั้งหมด พร้อมลายไม้สีดำ และการควบคุมทั้งหมดผ่านพวงมาลัยได้ง่ายๆ รวมถึงเกียร์ที่พวงมาลัยด้านขวาครับ และมีระบบดึงเข็มขัดให้เองเวลาใช้งานครับเมื่อเราเสียบล็อคแล้วมันจะดึงให้แน่นเองด้วย อันนี้ชอบมากๆเลยแหละ

ในส่วนของคนนั่งหลังสามารถนั่ง 4 คนได้แบบสบายไม่อึดอัดเลยครับนั่งไป ตจว ได้เลยแหละ และด้านหลังมีม่านบังด้านข้างแบบดึงเองไม่มีระบบไฟฟ้านะครับ และมีที่วางแก้วน้ำตรงกลาง พร้อมช่องเก็บของนิดหน่อยมาให้ และ มีแอร์หลังรวมถึง ตรงแอร์หลังนั้นเองมีช่อง USB-C มาให้มากถึง 2 ช่อง และช่องจ่ายไฟ 12v ด้วยเช่นกัน รวมถึงด้านข้างตรงประตูก็มีที่วางแก้วน้ำด้วยครับ ตัวเบาะนั้นสามารถกดพับได้จากห้องสัมภาระแยกพับได้ 60 40 เช่นกันและเรียบพอสมควร ในการนั่งเบาะหลังนั้นเอาจริงๆสบายอยู่นะมีพื้นที่เหลือๆทั้ง Legroom Headroomครับ จุดนี้ทำได้ดีและช่วงล่างการขับขี่ในรุ่นนี้แน่นอนว่า มันไม่ได้แข็งแน่น แต่ก็ไม่ได้นุ่มยวบเกินไปทำให้มันอยู่กลางๆพอดี ขับสนุกได้ แต่ก็นั่งสบายไม่กระด้างเกินไปด้วยเช่นกัน ผู้ใหญ่น่าจะชอบกันเลยแหละสำหรับช่วงล่างและการนั่งข้างหลังแบบนี้ครับ

ทางด้านพวงมาลัยการควบคุม ฟีเจอร์หน้าจออะไรต่างๆได้ปรับปรุงใหม่ทั้งหมดฟีเจอร์แน่นๆครับหน้าปัดแบบ Full digital รวมถึงจอตรงกลางแบบใหม่ใหญ่คมชัดกว่าเดิมสมราคากว่าเดิมเยอะ และรูปทรงพวงมาลัยที่สวยกว่าเดิมเป็นทรงกลมตรงกลางดูดีขึ้นเยอะเลย และปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยนั้นยังคงจัดเต็มเช่นเดิมครับ และชอบการออกแบบมากๆมันควบคุมได้ง่ายมากในการใส่ Trackpad เข้ามาเหมือนกับของ BB สมัยก่อนเลยนั้นเองพวงมาลัยค่อนข้างกระชับและขับได้แม่นยำครับชอบน้ำหนักพวงมาลัยในการขับทางไกลมากๆ สบายเลยแหละและในรุ่น AMF Dynamicsเราเลยได้พวงมาลัยสวยๆและหน้าปัดเทพๆเข้ามา ส่วนในการควบคุมหน้าจอตรงกลางสามารถใช้ Touchpad ตรงกลางได้ที่ออกแบบใหม่ เรียบแบนบางมากขึ้น ใช้งานขึ้นและเป็นแบบด้านแล้วครับทำให้สะดวกมากๆเลยแหละ และสั่งงานได้ไว แต่ถ้าไม่ทันใจก็สามารถสัมผัสตรงหน้าจอได้เลยเช่นกันถือว่าพัฒนาขึ้นมากเยอะมาก

ทางด้านท้ายห้องสัมภาระนั้นมีที่เก็บของด้านล่างอีกจำนวนนึงพร้อมกับชุดเซอร์วิสครับ และเมื่อพับเบาะลงไปก็สามารถบรรจุได้มากกว่าเดิมเยอะเลยและมันเรียบๆด้วยเช่นกันแน่นอนว่าห้องสัมภาระนั้นมีที่กั้นมาให้พร้อมใช้งานครับและจะเห็นปุ่มเงินๆด้านหลังนั้นทั้งซ้ายและขวานั้นจะสามารถกดเพื่อพับเบาะลงไปได้เลยครับสะดวกต่อการใช้งานมากๆ ห้องสัมภาระนั้นใหญ่มากพอสมควรสามารถใส่กระเป๋าได้หลากหลายใบและยังมีที่เก็บข้างล่างอีกสำหรับอะไรที่เลอะหรืออาจจะมีกลิ่นอะไรแบบนี้ครับ แน่นอนว่าตัวแผ่นปิดนั้นสามารถเกี่ยวคล้องไว้ได้ด้วยเช่นกันเปิดคาไว้แบบในภาพได้เลย

ในห้องโดยสารเวลากลางคืนสวยงามกว่ากว่าวันไปอีกด้วยไฟ Ambient Light ปรับได้ 64 สีรวมถึงมีธีมสีให้เลือกและสามารถเล่น Animation แสงปรับเปลี่ยนไปเรื่อยได้แบบเนียนตาครับ ถือว่าเป็นจุดเด่นของค่ายนี้หลังๆใส่ไฟมาให้แบบจัดเต็มมาก สามารถเลือกปรับโซนหน้าหลังได้เลย และปรับความสว่างหรือปิดได้ครับแล้วแต่ชอบเลยจริงๆ ไฟสามารถผสมสีอะไรได้ตามธีมนั้นๆ และแน่นอนว่ามีไฟส่องสว่างทั้งหน้าหลังแบบพอดีๆและมีไฟตรงขอบประตูเขียนว่า Mercedes-Benz มาให้ตรงคู่หน้าครับ  ส่วนไฟในห้องโดยสารเป็น LED ทั้งหมด และไฟตามปุ่มต่างๆนั้นจะเป็นโทนสีส้มอ่อนๆครับส่วนนี้จะไม่สามารถปรับแสงสีอะไรได้ รวมถึงปุ่มตาม พวงมาลัย เกียร์และอื่นๆทั้งหมดเลย

ทางด้านระบบ Infotainment ในตัวรถเปลี่ยนยกเครื่องใหม่หมดหน้าตาดี สวยงามกว่าเดิมเยอะใช้งานง่ายกว่าเดิมไปอีกทางด้าจอกลางระบบสัมผัส Touch Screen ขนาด 10.25 นิ้ว ใหญ่คมชัด สวยงามกว่าเดิมเยอะมากพร้อม Multimedia MBUX พร้อมระบบรายงานสภาพจราจร รองรับ Apple Carplay และ Android Auto รวมถึงมี ระบบนำทางมาให้เลยครับ และ ชุดเครื่องเสียงนั้นใช้งาน Burmester และรองรับ การสั่งงาน  Mercedes me connect สำหรับ ติดเครื่อง เปิดระบบอากาศอะไรได้ผ่านมือถือได้เลยครับ และมี Touchpad ตรงกลางพร้อม ปุ่มควบคุมเล็กๆน้อยๆตรงกลางและคอนโซลแต่เอาจริงๆแถบจะไม่ได้แตะอะไรเลยครับใช้งานผ่านหน้าจอหมด ตรงกลางนั้นก็จะมี พวกการปรับ  โหมดการขับขี่ DYNAMIC Select ปรับได้ 4 รูปแบบ ปรับใช้เกียร์ Manual ร่วมกับ Paddle Shift และในรุ่นนี้นั้นแอร์เป็นระบบแยกโซนซ้ายขวาด้วยเช่นกันครับ รวมถึงมีที่วางแก้วน้ำให้ตรงฝาปิดข้างหน้าเหนือโซน Touchpad ส่วนพวก USB จะอยู่ในที่วางแขนตรงกลางครับแต่น่าเสียดายยังไม่มีระบบชาร์จไร้สาย

ทางด้านหน้าปัดในรุ่นนี้นั้นเป็นระบบแบบ Full Digital แล้วทั้งหมดใช้งานหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนได้ 3 รูปแบบตามภาพเลยครับจะเป็นแบบ Sport – Classic – Progressive แน่นอนว่าสวยงามและลูกเล่นเยอะครับแต่นอกเหนือจะปรับธีมได้แล้ว ยังเปลี่ยนด้านวงกลมด้านขวาได้ว่าจะให้แสดงอะไรไม่ว่าจะเป็นรอบ แผนที่ แรง G อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและอื่นๆอีกเยอะมากครับ ส่วนตรงกลางนั้นจะเปลี่ยนได้อีกเยอะเช่นกันสามารถโชว์เพลง โชว์เข็มทิศ การกินน้ำมัน ระบบช่วยเหลือ ต่างๆและเบอร์โทร ความเร็วแบบเลข ความร้อน น้ำมันอีกมากมายเยอะมากครับจุดนี้

และหน้าจอตรงกลางมาในขนาดใหญ่ สมส่วนกว่าเดิมเพราะรุ่นก่อนจะเหลี่ยมๆสั้นๆครับ และขอบจอหนาส่วนตอนนี้ขอบขอบางรองรับสัมผัสทำให้มันดูสมราคาและดูดีขึ้นเยอะ และใช้งานระบบหน้าตาอะไรใหม่หมดสวยงามจริงๆอันนี้ชอบมากครับและใช้งานไม่ยากเลย รองรับการนำทางพิมพ์หาสถานที่ได้ เปลี่ยนสีไฟ เปลี่ยนช่วงล่างการขับขี่ต่างๆ เลือกเพลง ดูข้อมูลรถยนต์ต่างๆและอีกมากมาย รวมถึงการตั้งค่ารถยนต์แบบละเอียดก็สามารถปรับแต่งได้เลยครับ และในส่วนตรงนี้จะเป็นจุดที่แสดงกล้องรอบคันแบบ 360 องศาได้ด้วยและปรับมุมมององศาได้ตามใจเราเลยครับ เอาจริงๆมันสะดวกจนไม่ได้ใช้ปุ่มควบคุมตรงอื่นเลย ใช้บนพวงมาลัยได้แบบสบายๆและสะดวกมากเลยครับ

ME CONNECT 

เป็นระบบที่ใส่เข้ามาทำให้รถยนต์เราคุยกับมือถือได้เลยครับแน่นอนว่าเชื่อมต่ออะไรได้สบายทั้งการสั่งงาน ระบบเชื่อมต่อรถยนต์ Mercedes me connect ระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน Emergency Call System ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics / ตั้งค่ารถยนต์ ฟังก์ชันสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อเปิดระบบปรับอากาศด้วยมือถือ Remote Engine Start สามารถสั่งงานให้สตาร์ทก่อนที่เราจะไปที่รถได้ แต่รถจะยังไม่ได้ปลดล็อคนะครับ

ENGINE

ทางด้านเครื่องยนต์นั้นใช้งาน เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส OM 654 Diesel Commonrail Turbocharged Intercooler ขนาด 2.0 ลิตร 1,950 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 82.0 x 92.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5 : 1 กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง ครับแน่นอนว่ายังคงมีรุ่นขับ 4 ล้อมาให้เลือกอยู่เช่นกันแต่เป็นตัวแบบ Coupe และไม่มีตัว 250d แล้วนะครับ ทางด้านของเครื่องยนต์รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยแหละ แต่ถ้าถามความพุ่งๆอะไรแบบนั้นก็อาจจะไม่เท่าตัวเดิมแต่ถ้าขับระยะทางไกลๆก็ไหลได้ดีกว่าด้วยนะด้วยการปรับแต่งนิดหน่อยของเครื่องตัวนี้ แต่เสียดายไม่มีขับ 4 แล้ว อาจจะไม่ค่อยได้ใช้แต่ก็ยังมีกลุ่มลุกค้าบางคนอาจจะยังติดใจอยู่นะ ส่วนเครื่องในรุ่นนี้เอามาใส่ SUV ก็พอได้นะแต่ความสนุกอาจจะไม่สู้กับพวก C ตัวซีดานทั้งเรื่องการออกแบบ รูปทรงขนาดของมันครับ แต่ในการขับขี่ทั่วไป ทั้งในเมือง ตจว ถือว่าเพียงพอแล้ว เร่งแซงได้สบายและตีนต้นตีนปลายไม่น่าเกลียดครับ เปิด Sport ก็พอสนุกได้อยู่บ้าง แต่ช่วงล่างตามสไตล์ของค่ายนี้อาจจะไม่ได้แข็งแน่นมากแต่จะเน้นนั่งสบายและไม่ยวบเกินไป ทำออกมากลางๆ ผู้ใหญ่นั่งสบาย วัยรุ่นก็ไม่น่าเกลียด ตอบโจทย์ครอบคลุมได้ดีมากๆ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้ดีครับและชอบคันเร่งนะไล่เนียนมากๆ

CONSUMPTION 

อัตราการกินน้ำมันลองใช้งานประมาณ แบบเต็มที่ขับไป ตจว และ มีในเมืองด้วยรถติดพอสมควรได้ 12 กิโลลิตรครับในการเติมน้ำมันดีเซลเต็มถัง ก็ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดครับทั้งการขับขี่ที่เปิด Sport Mode ตลอดเลยมีรถติดยาวๆในเส้นพระราม 2 และในเมือง และมีอัดไป 150 ในหลายๆช่วงก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่น่าพอใจครับ เทียบกับการขับขี่ในภาพรวมของคันนี้ แต่การใช้งานการขับขี่ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันอยู่แล้วแต่การใช้งานจริงๆนะ บางคนอาจจะขับได้ประหยัดกว่านี้ หรือ ซดมากกว่านี้ก็เป็นไปได้ทั้งหมดเลยครับ แต่ถ้าเทียบขนาดการขับขี่ของมัน

MERCEDES-BENZ GLC 220D AMG DYNAMICS 

ในภาพรวมไม่แปลกใจว่าทำไมเห็นคนขับกันเยอะแยะเพราะมันคือรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาพรวมได้ดีสุดๆคันนึงครับ ทั้งในแง่ของขับรถที่เน้น พาผู้ใหญ่ไปด้วย หรือจะเป็นการขับขี่คนเดียว ขับสนุก ช่วงล่างไม่แข็งไม่ย้วยเกินไปเซ็ตมาพอดี รองรับได้ดี ฟีเจอร์เยอะแน่นกว่าเดิม ดีไซน์ออกแบบอะไรดูคุ้มค่าคุ้มราคา หรูหราขึ้นครับ และยังสามารถลุยได้นิดหน่อยในแง่ของความสูงเมื่อเทียบกับรถเก๋งครับ และสามารถแบกของได้เยอะแยะมาก หรือจะเป็นคันเดียวของบ้านเน้นใช้งานทุกอย่างก็ย่อมทำได้ดี รวมถึงในรุ่นใหม่นี้ปรับปรุงอะไรหลายๆอย่างลงตัวกว่าเดิมแบบชัดเจนครับ

แต่ในเรื่องของห้องโดยสารก็ต้องบอกกันตรงๆว่ามันนั่งอาจจะไม่ได้สบายที่สุดเท่าไรครับในแง่ของตัวเบาะ แต่ด้วยความโปร่ง ช่วงล่างอะไรมันก็สามารถทดแทนกันได้ครับ รวมถึงตัวรถยนต์ก็สามารถรองรับการนั่งหลายๆคนได้ไม่น่าเกลียดเลยแหละส่วนอีกข้อที่น่าเสียดายคือ ตัวขับ 4 ไม่มีมาให้แล้วครับและมีแค่ในรุ่น Coupe เท่านั้นก็ถือว่าใครสายลุยเน้นขับ 4 อาจจะต้องไปเอาตัวนั้นเท่านั้นเลยและเครื่องก็ปรับเป็น 220d แล้วไม่มีรุ่น 250d แล้วเช่นกันครับ

สำหรับรีวิวนี้เป็นการทำบทความเกี่ยวกับรถยนต์ หรือ สายยานยนต์ของเรา และถ้าหาก มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีข้อเสนอแนะ หรือข้อนำแนะอะไร ยังไงสามารถแจ้งเราได้เสมอเพื่อการปรับปรุงที่ดีขึ้นครับ เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรถรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ จะพยายามจัดหามาให้อ่านกันเยอะๆ ขึ้นเรื่อยๆ ครับ … สำหรับ Techhangout Auto !

ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares