นาย Jean-Dominique Senard ประธานบริษัท Renault กล่าวว่า “พายุจีน” กำลังสร้างความน่ากังวลให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเติบโตของยุโรป เนื่องจากจีนครอบครองวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ปลอดมลพิษ

เพราะล่าสุดทางการจีนตัดสินใจจำกัดการส่งออกโลหะสองชนิดคือ แกลเลียม (gallium) และเยอร์มาเนียม (germanium) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และรถยนต์ไฟฟ้า

แร่เยอร์มาเนียมใช้ในชิปคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง พลาสติก และการประยุกต์ใช้ทางทหารเช่น อุปกรณ์ที่มองเห็นในความมืด รวมทั้งใช้ในเซ็นเซอร์ภาพถ่ายดาวเทียม ส่วนแกลเลียมใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเรดาร์และวิทยุ, ดาวเทียม และไฟ LED

Senard จึงต้องการเตือนผู้นำยุโรปว่าไม่ควรพึ่งพาจีนมากเกินไป และมีความจำเป็นในการสร้างห่วงโซ่อุปทานแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงก็ตาม

นอกจากนี้เขายังกล่าวถึง “สงครามโลหะ” ว่าจีนครอบครองเหมืองโลหะที่ใช้ในการสร้างแบตเตอรี่จำนวนมาก โดยจีนเป็นผู้ผลิตโลหะทั้งสองชนิดที่กล่าวไปถึง 94% ของโลก ทำให้สงครามในอนาคตจะเป็นสงครามโลหะ

Renault Chairman Jean-Dominique Senard

เขากล่าวอีกว่ายุโรปกำลังตกอยู่ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งการจำกัดการส่งออกของจีนเป็นส่วนหนึ่งสงครามเทคโนโลยีดังกล่าว จึงอาจทำให้เกิดการรบกวนห่วงโซ่อุปทานโลกได้มากขึ้น

ด้วยเหตุนี้การพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกเช่น e-fuels ที่สังเคราะห์และไฮโดรเจน จะมีความสำคัญในกรณีที่มีการขาดแคลนแบตเตอรี่อย่างกะทันหันเนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบ

เพราะหากเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบข้างต้นจริงๆ วัตถุดิบทางเลือกของแกลเลียมจะยังไม่พร้อมในเร็วๆ นี้ และสต็อกวัตถุดิบนอกประเทศจีนจะมีให้ใช้งานเพียงไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ยุโรปจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับสถานการณ์นี้จะใช้เวลาสองปี และระหว่างนั้นก็มีความเสี่ยงที่การผลิต EV จะหยุดชะงักหรือเปลี่ยนโฉมจากที่เป็นอยู่ไปเลย หากจีนเกิดแบนการส่งออกวัตถุดิบสำคัญเหล่านี้ขึ้นมา

SOURCE