Oneplus ถือว่าเป็นแบรนด์ที่หลายๆคนนั้นรู้จักกันดี และ แน่นอนว่าในรุ่นแรกๆที่เปิดตัวนั้นทางค่ายนี้ถือว่าเน้นในเรื่องของ สเปกคุ้มค่า ราคาจับต้องได้ง่าย และเป็นแบรนด์ที่สาวกสายโมต้องรู้จักกัน แม้ว่าในปีหลังๆนั้นทางด้านราคา รวมถึงสเปกนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนไม่ใช่ Flagship Killer แล้ว เป็นการยกระดับขึ้นไปอีกทำให้ในรุ่นหลักของมันนั้น เป็นระดับสูงไปจนทำให้ตลาดในราคากลางๆนั้นค่อนข้างจะห่างหายไปเรื่อยๆ ทำให้ทาง Oneplus เองนั้นออกในรุ่นเรทราคาหมื่นต้นมาอีกครั้ง และกลับมาพร้อมกับสเปกที่น่าจับตามองหรือเรียกกันว่า Lite Flagship for New Gen หรือว่าเป็นเรือธงในราคาจับต้องได้ง่ายก็เป็นได้ด้วยเช่นกัน ทางด้าน Oneplus Nord นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับ ดีไซน์ที่แตกต่างกับรุ่นพี่ แต่มาพร้อมกับ Snapdragon 765G ที่รองรับ 5G ด้วยถือว่าสเปกอะไรทำได้ดีเลยแหละ และหน้าจอที่มีความลื่นไหล 90Hz ด้วยเช่นกันทำให้ ทั้งสเปกหน้าจอ และ ระบบนั้นถือว่าน่าเล่นอย่างมาก

OnePlus Nord มาพร้อมกับหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.44 นิ้วที่มีรีเฟรชเรท 90Hz และมีฟีเจอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติได้ถึง 2,048 ระดับ ส่วนกล้องหน้าของมันจะเป็นกล้องหน้าคู่แบบเจาะรูที่มีความละเอียด 32MP + เลนส์กว้าง 105° 8MP ส่วนภายในตัวเครื่องจะใช้เป็นชิปเซต Snapdragon 765G ที่มาพร้อมโมเดม 5G X52 ซึ่งมี RAM มาให้สูงสุดถึง 12GB ทางด้านของกล้องหลังนั้นมี 4 ตัวประกอบด้วยกล้อง 48MP + เลนส์กว้าง 119° 8MP + กล้องตรวจจับความลึก 5MP + เลนส์มาโคร 2MP ตัวเครื่องด้านหลังนั้นทำมาจากกระจก และมีแบตเตอรี่ความจุ 4,115 mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 30T ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0% ถึง 70% ได้ในเวลาเพียง 22 นาที ถือว่าในเรื่องของสเปกของ Oneplus Nord นั้นทำออกมาได้น่าสนใจทีเดียว

สำหรับ ราคาของทาง Oneplus Nord  นั้นเปิดตัวในประเทศไทยพร้อมกับ ราคา บาท ด้วยกัน 2 สี ฟ้า กับ เทา //  RAM 8 GB 14,990 บาท และ ในตัวที่รีวิว RAM 12 GB 17,990 บาทไทยครับผม 

UNBOX

กล่องทางด้าน Oneplus Nord นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะแน่นอนว่าหลักๆทางด้านสีนั้นจากทางสีแดงที่เคยเป็นสีที่คุ้นเคยประจำค่ายนี้ แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการใช้สีฟ้าเป็นครั้งแรก รวมถึงโทนงานออกแบบทั้งหมดเปลี่ยนใหม่ให้แตกต่างกับรุ่นปกติของค่ายทันที แต่น่าเสียดายว่าสายชาร์จนั้นยังคงเป็นสีแดงอยู่ ไม่ได้ย้อมสีฟ้าแบบรุ่นอื่น ส่วนทางด้านฟิล์ม และ เคสนั้นมีมาให้เรียบร้อย และคุณภาพใช้ได้ครับ รวมถึงสติกเกอร์ และ ที่ชาร์จ 30W

มาที่ตัวเคสถือว่ามีความแปลกใหม่พอสมควรครับ ในแง่ของการออกแบบเล่นลวดลายข้างหลัง สีด้าน ตัดสลับกับสีแบบใส ถือว่าไม่ค่อยเห็นเคสแถมมีงานออกแบบพวกนี้เท่าไร แต่ชอบที่มันปกป้องเครื่องได้ดีมากๆทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอ และมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดี มีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไปจะเห็นได้ว่าตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์ และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ ซึ่งเคสปกติทั่วไปจะไม่มีมุมพิเศษขึ้นมาแบบนี้อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ เหมือนเคสแถมเรือธงค่ายอื่นๆเลยแหละ มีเขียน Oneplus ด้วยเช่นกัน

DESIGN

งานออกแบบทางด้าน Oneplus Nord รุ่นนี้ถือว่ามีความแตกต่างกับรุ่น 8 หรือ 8Pro แบบชัดเจนเพราะว่าตัวกล้องอะไรนั้นถือว่ามีการย้ายตำแหน่งไปด้วยทำให้พอมีจุดแตกต่างกันอยู่สำหรับรุ่นนี้ พร้อมกับ สีสัน และ ความบางเบาก็มีความแตกต่างกันด้วย รวมถึงทางด้านหน้าจอนั้น ในรุ่นนี้เป็นหน้าจอแบบเจาะรูแบบคู่ แต่ปุ่ม Slide ด้านข้างสำหรับเปลี่ยน เสียงเรียกเข้านั้นยังคงให้มาเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ แต่กล้องหลังวางแบบนี้แอบคล้ายหลายๆแบรนด์ไปนิดหน่อย แต่ก็อาจจะเป็นดีไซน์ที่ลงตัวที่สุด เท่าที่ดูในบรรดา Prototype ที่เราเคยเห็นกันมาก็เป็นได้

หน้าจอ Oneplus Nord มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูคู่ ใช้งาน หน้าจอ Fluid AMOLED 6.44 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz และใช้กระจก Gorilla Glass 5 ด้วยครับ และมีการติดฟิล์มหน้าจอมาให้เรียบร้อยในการใช้งาน แต่เป็นฟิล์มแบบปกติพอใช้งานได้ระหว่างเริ่มใช้งานแรกๆ

ขอบหน้าจอด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นกล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX616, EIS + เลนส์กว้าง 105° 8MP (f/2.45) และ ขอบหน้าจอบนจะเป็นที่อยู่ของเซนเซอร์ และ ลำโพงในการคุยโทรศัพท์

ขอบจอด้านล่างนั้นจะเห็นว่าแอบมีความหนาอยู่นิดหน่อย ครับอาจจะด้วยเรทราคาของรุ่นนี้ ส่วนการควบคุมนั้นใช้งานเต็มหน้าจอ หรือ ปุ่มได้ทั้งหมดเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ถ้าหากเทียบกับรุ่นพี่นั้นบอกเลยว่าอาจจะไม่ได้บางเท่า

ขอบเครื่องด้านบนนั้นเรียบๆไม่มีอะไรมาก แต่จะเห็นว่ากล้องนั้นถือว่านูนน้อยมากๆและ ตัวไมค์ตัดเสียงข้างบนนั้นก็ใส่เข้ามาให้ด้วยยังไม่ได้ตัดออกไปไหน รวมถึงขอบเครื่องมีความสมมาตรกันพอสมควร

ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเป็นลำโพงหลัก พร้อมกับ USB-C และ รูไมค์ เราจะเห็นถาดซิมแบบ Dual SIM แต่ไม่รองรับการเพิ่มความจุ และจะแอบเห็นว่ามีซีลยางมาให้ด้วยถือว่าปกป้อง น้ำเข้าได้ระดับนึงแม้จะไม่ได้มี IP Rating ก็ตามครับรุ่นนี้

ขอบเครื่องข้างซ้ายจะเป็นแค่ปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงเท่านั้น ไม่มีอะไรมากและขอบเครื่องสีฟ้าเงาสวย แต่วัสดุขอบเครื่องทั้งหมดนั้นจะเป็นพลาสติกสำหรับทาง Oneplus Nord รุ่นนี้

ขอบเครื่องข้างขวานั้นเราจะเห็น เอกลักษณ์ประจำค่ายอยู่คือตัว Alert Silder ที่เป็นปุ่มเลื่อนสำหรับเปลี่ยนเสียงการแจ้งเดือน เงียบ สั่นหรือมีเสียงถือว่าเป็นค่ายเดียวที่ใส่เข้ามา และ ใช้งานสะดวกมากๆรวมถึง ปุ่ม Power ส่วนขอบเครื่องวัสดุพลาสติกทั้งหมดรวมถึงเล่นสีฟ้าเงาๆ สวยงามพอสมควรเลย มีความบางระดับนึงเลยแหละ

กล้องหลังนั้น ในรุ่นนี้มาพร้อมกับ 4 ตัวประกอบด้วย กล้อง 48MP (f/1.75) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX586, OIS/EIS + เลนส์กว้าง 119° 8MP (f/2.25) + กล้องตรวจจับความลึก 5MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 30fps และถ่าย slow-mo 1080p ได้ที่ 240fps เป็นการออกแบบกล้องวางเรียงกันอยู่ในโมดูลเดียวกัน มีความนูนพอประมาณ และ ตัวไฟแฟลชนั้นจะแยกออกมาข้างนอก

ฝาหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับฝาหลังกระจก เงาสีฟ้าสวยงามมีความโดดเด่นมากๆในเรื่องของสีสันที่เราจะไม่ค่อยเห็นสีสดใสในบรรดามือถือเท่าไร แต่รุ่นนี้ถือว่าสีสวยและเด่นมาก และเป็นสีฟ้าโทนแบบเดียวกันกับตัวกล่อง รวมถึง ธีมดีไซน์หลักด้วยครับ แน่นอนว่าทั้งโลโก้ ตัวอักษณนั้นมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบใหม่แล้วด้วยเช่นกัน รวมถึงสแกนนิ้วก็เป็นบนหน้าจอทั้งหมดแล้วทำให้ด้านหลังนั้นเรียบๆเป็นแค่โลโก้ และกล้องครับ ส่วนสีฟ้านั้นเวลาเจอแสงนั้นจะสว่างขึ้นมาพอสมควร และมีความสดใสมากขึ้นก็ถือว่ามีความสว่างมากขึ้นช่วยให้เด่นขึ้นมามาก สีสันสวยและเรียบๆแต่ก็ยังสะท้อนแสงได้ดี ถือว่าเป็นสีที่เด่นมากๆเวลาถือใช้งาน

SPEC

  • หน้าจอ Fluid AMOLED 6.44 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz และใช้กระจก Gorilla Glass 5
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 765G 5G 7nm EUV มาพร้อมการ์ดจอ Adreno 620
  • RAM LPDDR4X12GB + Storage (UFS 2.1)256GB
  • Android 10 ที่ครอบด้วย OxygenOS 10.5
  • ซิมคู่ (nano + nano)
  • กล้องหลัง 4 ตัวประกอบด้วย กล้อง 48MP (f/1.75) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586, OIS/EIS + เลนส์กว้าง 119° 8MP (f/2.25) + กล้องตรวจจับความลึก 5MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 30fps และถ่าย slow-mo 1080p ได้ที่ 240fps
  • กล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX616, EIS + เลนส์กว้าง 105° 8MP (f/2.45)
  • เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • ขนาดตัวเครื่อง 158.3×73.3×8.2mm; น้ำหนัก: 184 กรัม
  • พอร์ต USB Type-C, ลำโพง Super linear
  • 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, NFC
  • แบตเตอรี่ขนาด 4115 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warp charge 30T ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0% ถึง 70% ได้ในเวลา 30 นาที

PERFORMANCE 

ประสิทธิภาพของตัวเครื่องตัวนี้พกพาความแรงระดับ Snapdragon 765 5G ที่แรงกว่าเดิม พร้อมกับ RAM 12GB และใช้งานหน่วยความจำแบบ UFS 2.1  256GB ตัวนี้คือเร็วมากๆ และทำคะแนนในส่วนของ Antutu ไปได้ 321291 คะแนน และ Geekbench ได้ไป 612/1741 รวมถึงหน่วยความจำอ่านเขียนไปได้สูงมากๆ ทำความเร็วไปได้ 970 MB/s และ DRM L1 สำหรับการดู NETFLIX รองรับสูงสุด HD ครับ

SYSTEM UI

Android 10  ที่ครอบด้วย Oxygen OS 10 และหลายๆคนคงทราบกันดีกว่าแบรนด์ OnePlus มักจะได้รับการอัพเกรดซอฟต์แวร์เร็วเป็นอันดับ 2 เป็นรองแค่ Google เท่านั้น และซัพพอร์ตยาวๆเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งตลอด 2 ปีนี้จะได้รับการอัพเกรดใหญ่ๆทั้งหมด และได้รับการอัพเกรดด้านความปลอดภัยไปอีก 3 ปี เป็นรุ่นที่ทำระบบมาค่อนข้างดีมากๆและใช้งานได้ดีอันดับต้นๆของ Android การแจ้งเตือนอะไรทำได้ไวกว่าหลายๆตัวในบรรดา Android ด้วย

แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android และยังคงหน้าตาแบบเดียวกับทาง 8Pro ก่อนหน้าที่เรารีวิวไปครับ สำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม สามารถกดเข้าหน้าเคลียร์แอปและกดค้างหน้าแอปได้เลย จะทำได้บางแอปนะครับเช่น Facebook อะไรต่างๆ  แต่หน้าตาพวกนี้มันเปลี่ยนโทนสีได้เลยเลือก ดำแดง ก็สวยเข้มดี เปลี่ยนรูปทรงไอคอนได้ด้วยนะสวยงามเลยหน้า Quick Setting

ตัวระบบใช้งานได้ 221 GB และ RAM 12 GB ใช้ไป 4.5 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม  สำหรับทางแป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ G board อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ เรียบสวยและสเถียรมากๆ

หน้าจอในรุ่นนี้สามารถปรับได้ 60Hz และ 90 Hz ครับ แต่ในด้านความละเอียดนั้นเป็น FHD ปกติเลย ส่วนทางด้านหน้าจอเพิ่มเติมสามารถปรับโทนสีอะไรได้ รวมถึงการเจาะรูกล้องหน้าว่าจะเป็นแบบไหน หรือซ่อนไป และปรับหน้าแอปเต็มหน้าจอ และทางด้านปุ่มควบคุมนำทางนั้นปรับได้ว่าใช้งานปุ่มหรือท่าทางและ แตะ หรือ กดค้างจะสั่งงานอะไร

กล้องหน้าสามารถซ่อนได้น่าจะเอาแบบไหน ตามภาพ กราฟิกเลยครับ และ ในรุ่นนี้ หน้าจอ Ambient Display ในการแสดงเวลาหน้าจอดับหรือแตะเพื่อแสดงครับ ปรับได้ 6 แบบหลักๆ รวมถึงสามารถปรับว่าจะให้ติดตอนไหนอย่างไรบ้างรวมถึง มีข้อมความพิเศษไหมนั้นเองครับ

ในส่วนของการปรับแต่งหน้าตาก็เช่นเดิมว่าสามารถปรับแต่งได้เยอะมากทั้งเรื่องของ ฟอนต์ การออกแบบ โทนสี ไอคอน รูปทรงถือว่ารองรับได้อิสระมากๆ และ ในส่วนของ Gesture นั้นก็มีมาให้เยอะเช่นเดิมทั้ง 3 นิ้วในการแคปหน้าจอ การรับสาย การพลิกเพื่อเงียบ รวมถึง แตะ 2 ครั้งเพื่อปลุกเครื่อง และยังสามารถปรับ ปุ่ม power 2 ครั้ง เข้ากล้อง หรือ กดค้างเพื่อ เรียก Google Assistant ได้ด้วย

SCREEN

หน้าจอในรุ่นนี้แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ใช้หน้าจอแบบเดียวกับรุ่นพี่ แต่ก็ใช้งานหน้าจอที่มีความลื่นไหล 90Hz โดยถือเป็นหน้าจอที่โหดสุดๆอีกรุ่นทั้งเรื่องของความคมชัดสวยงามการสัมผัสที่ไว และ รวมถึงอัตราการตอบสนองที่ไวมากๆ หน้าจอนั้นการสัมผัสนั้นไวมากเลยทีเดียว ติดนิ้วมากๆ ในส่วนของหน้าจอก็สามารถปรับได้ว่าจะเอา 60 กับ 90Hz ครับ ช่วยประหยัดแบตได้นิดหน่อยส่วนเรื่องของสเปกนั้นมาพร้อมกับ หน้าจอในชื่อ Fluid AMOLED มาพร้อมกับขนาด 6.44 นิ้ว (1080 x 2400 พิกเซล) Full HD+ ที่มีอัตราส่วน 20:9, รีเฟรชเรท 90Hz และใช้กระจก Gorilla Glass 5 ถือว่าในสเปกอะไรทำได้ดี และเท่าที่ทดสอบใช้งานดูนั้น สู้แสงได้ดีระดับนึงพร้อมกับ มิติสีของภาพนั้นสวยใช้ได้เลยแหละ การออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูทำให้แปลกใหม่และดูทันสมัยกว่ารุ่น 7 ก่อนหน้า

หน้าจอนอกเหนือจากมุมมองตรงๆแล้วตัวภาพในมุมมองอื่นๆก็ถือว่ายังตอบสนองได้ค่อนข้างดีมากแสงสีอะไรสวยงามและมีความสว่างพอสมควรเลยทำให้สามารถใช้งานได้ในหลายๆสภาพแสงครับถือว่าทางด้านหน้าจอค่ายนี้ไว้ใจได้เลยและในเรื่องของการสัมผัสแน่นอนว่าแม้จะเป็นหน้าจอในรุ่นราคาเรทนี้แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีให้ความรู้สึกค่อนข้างใกล้เคียงกับทาง 90Hz ในรุ่นก่อนๆพอสมควรเลยแหละในความติดนิ้วอะไรใช้งานได้ดีคุณภาพยังคงทำได้ดี การสัมผัสเล่นเกมใช้งานไม่มีปัญหา รวมถึงความลื่นไหลในการใช้งานทั่วไปก็เป็นจุดที่แตกต่างแบบชัดเจน จนบางทีความรู้สึกในการใช้งานมันดีกว่า 120Hz ในบางตัวด้วยซ้ำไป อันนีัถือว่าค่อนข้างประทับใจหน้าจอการสู้แสงและการใช้งาน

SOUND

ทางด้านเสียงในรุ่นนี้น่าเสียดายมากๆในการตัดรูหูฟังออกไปทำให้ใครที่เน้นเรื่องของเสียงอาจจะไม่สะดวกมากนักรวมถึงไม่มีตัวแปลงอะไรมาให้แต่ก็หาซื้อได้เช่นกันรวมถึงในยุคนี้น่าจะเป็นไร้สายกันทั้งหมดแล้ว ทางด้านเสียงนั้นต้องบอกว่ากลางๆธรรมดาไม่ได้มีอะไรเด่นมากนักครับสำหรับหูฟังเวลาฟังเพลงตัวเสียงมี Software ปรับ Dirac ซึ่งเป็นแบบใหม่ที่แตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าครับจะไม่มีให้ปรับ EQ อะไรเลย จะเป็นแค่โหมดเสียง Dynamic / Music / Movie เท่านั้น แต่ข้อดีของมันคือสามารถปรับได้ทั้ง ลำโพง หูฟัง แต่แน่นอนว่าก็เป็นการปรุงแต่งผ่านทาง Software เป็นหลักอยู่ดีครับเลยไม่ได้โหดมาก และ EQ ก็หายไปแล้วครับ ทำให้โทนเสียงแน่นอนว่ายังคงมีแนวเสียงค่อนข้างคล้ายกับตัว 7T ก่อนหน้านี้มากๆครับใกล้เคียงกันเลยทีเดียว กำลังขับก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักด้วย

SPEAKER

ทางด้านลำโพงนั้นในรุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจและต้องบอกเลยว่าเป็นลำโพงที่ดีมากๆตัวนึงในแง่ของความดังสะใจเมื่อเทียบกับมือถือในเรทราคา15K ด้วยกันหรือแม้แต่เทียบกับทาง iPhone SE2020 ก็ตามแม้ตัวนี้จะเป็นลำโพงเดี่ยวแต่ทำได้ดีกว่าลำโพงคู่ในความดังพอสมควรเลยแหละ และถ้าหากเทียบกับ VIVO V19 นั้นในมือถืองบประมาณนี้ทาง Oneplus Nord ดีกว่าชัดเจน ดังกังวาลมากกว่าเสียงมาดีกว่าแต่คุณภาพอาจจะไม่ได้แน่นมิติเทพ แต่เน้นความดัง ใสชัดเจนในการฟังเพลง คุยโทรศัพท์หรือจะเป็นเสียงเรียกเข้าได้ค่อนข้างดีกว่าตัวอื่นที่เคยทดสอบกันมาครับ ถือว่าลำโพงค่อนข้างประทับใจกันเลยแหละสำหรับรุ่นนี้ ดังสะใจ เสียงดี และเร่งสุดเด่นกว่าทุกรุ่นในบรรดาเรทนี้เลยครับ

BATTERY

แบตนั้นถือว่าให้มาค่อนข้างดีในความจุ 4,115mAh ส่วนการชาร์จไวนั้นยังคงทำได้ดี 30W เท่ารุ่นพี่ Oneplus 8 Pro ในแง่ของการทดสอบนั้นอยู่ได้ 13 ชั่วโมง แบตเหลือ 13% ครับ จอเปิด 6 ชั่วโมง ใช้งาน เฟส กล้อง วีดีโอ ฟังเพลง GPS NETFLIX ครับผม ถือว่าทำได้ดีเลยนะ ทดสอบนั้นเปิด 4G ไว้ตลอด ทำได้ใกล้เคียงกับรุ่นพี่พอสมควรในการใช้งานทั่วไปครับ ทั้งเรื่องของความอึดและการใช้งานของหน้าจอต่างๆทั้งวันได้สบายอยุ่แต่ไม่อึดมาก

GPS

การนำทางค่ายนี้ทำได้ดีมาเสมอครับและในตัวนี้ยังคงไว้ใจได้ครับในเรื่องนี้นำทางได้สบายมากแม่นเอาเรื่องทำได้ดีขึ้นทางด่วนลงอุโมงค์ไม่เด้งไปไหนครับ ทดสอบตอนรถวิ่ง ก็จับได้ 33-35 ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดีเลย และกลางแจ้งจับได้ 38-40 เลยทีเดียวครับ และในที่ร่มนั้นได้ 29 ครับ ระยะเวลาในการจับหลังจากเปิด แอปนั้นใช้เวลาไวมากครับ อันนี้ ไม่หน่วงหรือ รอเลยหลังจากเปิดแอป ไม่มีปัญหาใดๆ รวมถึงการเปิดสถานที่ในแอปอื่นๆก็ใช้งานได้

GAMING 

สำหรับเรื่องของการเล่นเกมในรุ่นนี้จะต้องบอกว่า เห้ยมันโอเคมากๆเลยนะจากที่ได้ลอง ในส่วนของเกมต่างๆเท่าที่ลองเเน่นอนว่ามือถือที่มาพร้อมกับชิปเช็ท Snapdragon 765 5G เรื่องของความเเรงก็ OK ในระดับหนึ่งอยู่เเล่ว เเต่พอนำมาใส่ในมือถือของ ONEPLUS ซึ่งขึ้นชื่ออยู่เเล้วทางด้านของการเล่นเกม เลยทำให้ทุกอย่างลงตัว เเต่รุ่นนี้เท่าที่ลองอาจจะต้องติเรื่องความร้อนสักนิด เพราะที่ได้ลองสูงสุดอยู่ 43 องศา ส่วนเเบตเตอรี่ทดสอบประมาณ 50 นาที กินเเบตไป 12 %

CAMERA 

กล้องหลังในรุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจแน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเรทราคาของมันนั้นถือว่าดีอย่างมาก เพราะเป็นไม่กี่รุ่นที่มาพร้อมกับ OIS ในระบบกันสั่นในการถ่ายภาพนิ่ง หรือ วีดีโอก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกันเพราะในบรรดามือถือเรทช่วงนี้ค่อนข้างน้อยมากๆที่จะเห็น OIS ในบรรดามือถือเรทหมื่นต้นๆหรือหมื่นกลางๆพวกนี้  มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวประกอบด้วย กล้อง 48MP (f/1.75) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586, OIS/EIS + เลนส์กว้าง 119° 8MP (f/2.25) + กล้องตรวจจับความลึก 5MP (f/2.4) + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4), สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ที่ 30fps และถ่าย slow-mo 1080p ได้ที่ 240fps ส่วนทางด้านคุณภาพ โทนสีรวมถึง Software นั้นยังคงทำได้ดีโทนภาพไม่ต่างกับรุ่นอื่นๆของค่ายรวมถึงคุณภาพใช้งานได้ดีเลยแหละ ทางด้านโหมดก็มีให้เลือกเยอะเช่นเดิมพร้อมกับ มีโหมดถ่ายกลางคืนให้มาด้วยเช่นกัน ถือว่าในเรื่องของโทนภาพ ยังคงสไตล์เดิมได้ดีมากๆ การถ่ายย้อนแสงรวมถึงมิติของภาพนั้นมีความสวยงามและไม่หลอกตา สีสันสามารถเอาไปแต่งภาพต่อได้ง่ายครับ

SELFIES

ทางด้านกล้องหน้าให้มา 2 ตัวครับ พร้อมกับตัวหลักกล้องหน้า 32MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX616, EIS + เลนส์กว้าง 105° 8MP (f/2.45) ถือว่ากล้องหน้าเป็นรุ่นที่รองรับการถ่ายมุมกว้างได้ดีครับและเรื่องของคุณภาพกล้องทั้งภาพนิ่งวีดีโอจัดว่าดี ทางด้านกล้องหน้ารองรับการถ่ายมุมกว้างทำให้เก็บอะไรได้มากกว่าทั่วไปรวมถึงมีละลายหลังอะไรมาให้พร้อมกับ Beauty แต่งหน้าเนียนมาให้ด้วย 3 ระดับแต่อาจจะปรับอะไรเยอะละเอียดแบบค่ายเน้นกล้องหน้าสวยไม่ได้แต่ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนๆครับ รวมถึงมีฟิลเตอร์อะไรมาให้เล่นด้วยเยอะพอสมควรเลยครับ

 

VIDEO

งานวีดีโอนั้นถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียวรองรับการถ่ายสูงสุด 4K 30FPS มี OIS EIS ในกล้องหลังซึ่งไม่แน่ใจว่าเมื่ออัพเดทแล้วนั้นจะมี 60FPS มาให้ไหมเพราะว่าทางด้านกล้องหน้าในรุ่นนี้สามารถรองรับการถ่ายได้สูงถึง 4K 60FPS เลยครับก็แอบแปลกใจว่ากล้องหลังอาจจะมีการอัพเดทตามมา ส่วนทางด้านการรองรับมุมกว้างรองรับการถ่ายได้ทั้ง 4K30FPS และ FHD30FPS เลยสามารถเปลี่ยนขณะถ่ายได้สำหรับการถ่ายแบบ FHD 30FPS ครับ ส่วนโหมดฟีเจอร์การถ่ายกันสั่นพิเศษ Super Stable ใส่เข้ามาให้ด้วยถือว่าน่าสนใจและนิ่งขึ้นพอสมควร ทางด้านเสียงก็ทำได้ดีระดับนึงตามเรทราคาของมัน แต่ทางด้านกล้องหน้าอันนี้ถือว่าดี มุมกว้างรองรับได้ด้วยรวมถึงมีการถ่าย 4K 60FPS ให้ด้วยครับถือว่าน่าสนใจ กันสั่นทำงานได้ดีระดับนึงในกล้องหน้า ถือเนียนตาอยู่ และจัดการแสงได้ดี

ONEPLUS NORD 

” Oneplus กลับมาเรือธงราคาเบา สเปกที่น่าสนใจ รวมถึง ระบบที่ลื่นไหล “

เป็นการกลับมาอีกครั้งสำหรับทาง Oneplus ในเรทราคาไม่แรงมากนักครั้งนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีปละส่วนตัวเองค่อนข้างชอบในหลายๆอย่างเมื่อเทียบกับราคาของมันทางด้าน Oneplus Nord เองมาพร้อมกับกล้องที่ใช้งานได้ดี และ ฟีเจอร์อะไรต่างๆนั้นค่อนข้างเพียงพอต่อการใช้งานไม่แตกต่างกับรุ่นพี่ รวมถึงคุณภาพหน้าจอ วัสดุ อะไรทั้งหลายนั้นก็ไม่ได้แตกต่างกันด้วย แต่เฟรมเครื่องเป็นพลาสติกอาจจะต้องระวังและนั่งทับอาจจะมีงออะไรได้ง่ายกว่านิดหน่อย ส่วนทางด้านกล้องหน้าหลังใช้งานได้ดี ไว้ใจได้เลยและยังมาพร้อมโหมดการถ่ายที่ครบทำให้ใครเน้นกล้องตัวนี้ตอบโจทย์อย่างมาก รวมถึงการถ่ายวีดีโอก็ทำได้ดีและลำโพงด้วย ถือว่าถ้ามองในงบนี้ตัวนี้จัดเต็มมากๆรุ่นนึงเลยครับ แต่ทั้งนี้เรื่องของ การเพิ่มความจุ หรือ เฟรมเครื่อง รวมถึงแบตถ้าหากรับได้ก็ไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว ทั้งสเปค RAM 12GB และยังมาพร้อม STORAGE 256GB ทำให้การใช้งานนั้นเหลือๆเลยแหละ

ข้อดี

  • หน้าจอสวย 90Hz ลื่นไหล และ การสัมผัสดี
  • ลำโพงที่เหนือกว่าคู่แข่งชัดเจน ทั้งความดังและมิติเสียง
  • วัสดุงานประกอบทำได้ดีสมราคา
  • ประสิทธิภาพการใช้งานลื่นไหล
  • งานวีดีโอทำได้ดีทั้งหน้าและหลัง
  • รองรับการชาร์จไว 30W
  • กล้องหลังทำได้ดีในภาพนิ่ง รวมถึง การถ่ายกลางคืน
  • UI ระบบยังคงลื่นไหลไว้ใจได้ อัพเดทไว

ข้อสังเกต

  • เฟรมเครื่องเป็นพลาสติก ต้องระวังเวลานั่งทับ
  • ไม่รองรับ Micro-SD
  • แบตใช้งานทั่วไปไม่ได้อึดมากนัก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares