การกลับมาที่ห่างกันเกือบ 40 ปี ของภาพยนตร์แอคชั่นที่สร้างชื่อให้นักแสดงอย่างทอม ครูช กลายเป็นดาราดังในชั่วข้ามคืนด้วย ฉากที่เขาสวมแว่น Ray-Ban Aviator ขี่มอเตอร์ไซส์ Kawasaki GPZ900R  คู่กับ เครื่องบิน F-14A Tomcat รวมถึงเพลงประกอบรางวัลออสการ์เพลงประกอบยอดเยี่ยมอย่าง Take My Breath Away  ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่นคลาสสิคของยุค 80 และสร้างกระแสให้กับวัยรุ่นในยุคนั้นจนมีคนมาสมัครเป็นทหารเรือกันอย่างล้นหลาม ในภาคนี้ได้ผู้กำกับ โจเซฟ โคซินสกี้ ที่เคยรวมงานกับ ทอม ครูช ในเรื่อง Oblivion มาทำกำกับ

 หนังเล่าเรื่องต่อจากภาคก่อน พีท “มาเวอริค” มิทเชลล์  ต้องกลับมาที่ Top Gun อีกครั้งในฐานะครูฝึกเพื่อสอนนักบินรุ่นใหม่ในเวลาที่จำกัด เพื่อไปทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อถล่มฐานของรัฐปฎิปักษ์ โดยเค้าต้องรับมือกับ รูสเตอร์ ลูกชายของกู๊สเพื่อสนิทจากภาคแรก  หนังมีการย้อนอดีตฉากสำคัญและเล่าเรื่องให้ผู้ชมรุ่นใหม่ แต่ถ้าคุณกลับไปดูภาคแรกก่อนเข้าโรงก็จะได้เห็นประโยคเด่นๆ รวมถึงฉากที่เป็นที่จดจำในหนังต้นฉบับและจะทำให้ดูสนุกยิ่งขึ้นครับ โดยเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้โดดเด่นในด้านบทที่หวือหวา แต่ทำหน้าที่ได้ดีในการสร้างดึงอารมณ์ผู้ชมให้สนุกไปกับเนื้อเรื่องตามมาตรฐานภาพยนตร์แอคชั่นทั่วไป  ทางด้านฉากแอคชั่นในหนังต้นฉบับจะโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ตัวละครระหว่างการฝึกบินในโรงเรียน Top Gun แต่ในภาคต่อนี้หนังเน้นไปที่การทำภารกิจของมาร์เวอรริคและเหล่าลูกทีมของเค้า ต้องชมว่าหนังพยายามใช้ภาพจำในการทำภารกิจเสี่ยงตายของเขาในเรื่อง Mission Impossible  มาผสมผสานกับ Top Gun ได้อย่างลงตัวซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงเสน่ห์ของทอม ครูชออกมาได้ดี

หลังจากเรื่อง Top Gun ทอม ครูช ได้กลายเป็นนักแสดงที่ขึ้นชื่อเรื่องรับบทเสี่ยงตายด้วยการแสดงฉากสตั้นแอคชั่นด้วยตัวเองในซีรีย์ Mission Impossible  ทำให้การันตีความสนุกในการแสดงแอคชั่นของฉากไล่ล่าบนเครื่องบิน   ในด้านการพัฒนาตัวละครเราจะได้เห็นว่ามาร์เวอริคเติบโตขึ้นจากภาคแรก เค้ายังคงบ้าดีเดือดในการขับเครื่องบิน รวมถึงยังมีความหลังกับการจากไปของเพื่อนสนิทอย่างกู๊ซ รวมถึงปมเกี่ยวกับทิศทางการรบในยุคใหม่ที่โดรนกำลังเข้ามาแทนที่นักบิน ทำให้นักบินรุ่นเก่าอย่างเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว  ทางด้านนักแสดงได้ เจนิเฟอร์ คอเนลลี่ หนึ่งในนักแสดงชื่อดังยุคเดียวกับครูช มาแสดงเป็นคนรักเก่าของมาเวอรริค ช่วยเพิ่มความโรแมนติคในหนัง  ทีมนักแสดงรุ่นใหม่ที่มาทำภารกิจก็แสดงได้ดีมีคาแรกเตอร์ชัดเจน และสร้างสีสันให้กับหนังโดยเฉพาะไมลส์ เทลเลอร์ ที่มารับบท รูสเตอร์ ลูกชายของกูซเพื่อนสนิท มาร์เวอริค และ การกลับมารับบท ไอซ์แมน ของ วัล คิลเมอร์ ให้แฟนๆ รุ่นเก่าได้หายคิดถึง

นี่เป็นหนึ่งเป็นประสบการณ์การดูหนังที่ควรดู IMAX จริง ๆ เพราะนอกจากกำกับภาพด้วย คลอดิโอ มิแรนดา ผู้กำกับภาพรางวัลออสการ์จากหนัง Life of Pi แล้ว หนังยังมีสัดส่วนขยายพิเศษเฉพาะ IMAX แล้วทางผู้กำกับได้ใช้กล้อง Sony VENICE สำหรับ IMAX ถึง 6 ตัวติดตั้งในห้องนักบินของ F18 ทำให้ได้ภาพมุมกว้างของนักบินทำให้เกิดประสบการณ์ที่เหมือนผู้ชมเข้าไปอยู่บนเครื่องบิน และฉากการต่อสู้ Dogfight ที่เป็นจุดเด่นของหนังเครื่องบินรบเต็มตา เสียงลำโพง IMAX ให้ความหนักแน่นเสียงเบสที่มาจากไอพ่น และ เสียง Sonic boom ของเครื่องบิน F18  รับรองได้ใช้ประโยชน์จากระบบเสียงของ IMAX เต็มที่แน่นอนครับ

กล่าวโดยสรุป Top Gun Maverick  พูดถึงการกลับมาของหนังแอคชั่นคลาสิคยุค 80 ที่นำเทคนิคการถ่ายทำสมัยใหม่ด้วยภาพและเสียงที่จัดเต็มโดยเฉพาะการดูในโรงภาพยนตร์  IMAX และผสมผสานรูปแบบแอคชั่นภารกิจเสี่ยงตายมาดึงดูดแฟนหนังรุ่นใหม่ได้ รวมถึงมีฉากที่ย้อนระลึกถึงหนังภาคแรกเพื่อเอาใจแฟนรุ่นเก่าได้อย่างลงตัว ถึงหนังอาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างที่การเล่าเรื่องเป็นไปตามสูตรหนังแอคชั่นและเดาง่ายไปหน่อย และ มีข้อถกเถียงถึงความสมจริงในแง่ภารกิจทางการทหารอยู่บ้าง แต่ในแง่ความสนุกก็ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในระบบ IMAX ที่ไม่ควรพลาดครับ

BY GARNOKK

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares