Jumanji นั้นชื่อนี้คงคุ้นกับใครหลายๆคนดีครับ เพราะว่ามันเคยเป็นหนังตำนานอีกเรื่องในยุคก่อน ออกมาตอนปี 1995 และในช่วงนั้นถือว่าเป็นหนังที่หลายๆคนน่าจะเคยดูครับ มีความจริงจัง และดูสนุกไปด้วยแต่จะไม่ได้มาสายฮามุกอะไรเลยครับและการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นั้นจะเห็นได้ชัดเลยว่า เมื่อเอามาทำภาค Jumanji welcome to the jungle นั้น เป็นการต่อเนื้อเรื่องนิดๆจากภาคปีนู้นครับ และมีการเล่าเรื่อง การนำเสนอที่แตกต่างกันแบบชัดเจนแน่นอนว่าด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การพัฒนาเทคนิคการถ่ายทำนั้นก็ทำได้ดีขึ้นไปอีกและการเปลี่ยนแนวหนังมาใน สายฮา บันเทิงไปเลยก็ถือว่าน่าสนใจไปอีกแบบครับ และภาคที่ผ่านมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จ จนทางสตูดิโอรีบทำภาคต่อและเอามาฉายในปีนี้ทันทีครับ และยังได้นักแสดงชุดเดิมมาทั้งหมดจากภาค Welcome to the jungle เลย และหลังจากที่ได้ดูแล้วต้องบอกว่ามันทำได้ดีขึ้นจนน่าแปลกใจ เพราะบอกกันตรงๆว่าก่อนที่จะดูนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เพราะส่วนใหญ่ภาคต่อนั้นจะไม่ค่อยลงตัว แต่ในครั้งนี้มันกลับทำได้ดีและสายฮาจัดเต็มและแทรกอะไรเข้ามาทำให้มันมีมิติมากกว่าเดิมพัฒนาขึ้นจากภาคก่อนแบบชัดเจน

ตัวเนื้อเรื่องกันก่อนเลยครับเป็นการเล่าเรื่องที่เราก็คงคุ้นเคยกันดี เหมือนกับภาคก่อนหน้าแต่มันมีการพัฒนาขึ้น ความเชื่อมโยงของแต่ละตัวละครต่างๆ และ การพัฒนาของตัวละครที่ชัดเจนขึ้นมีอะไรให้คิดมากกว่าเดิม ให้แง่คิดมุมมองอะไรที่ดีกว่าเดิมไม่ใช่แค่ สายฮาล้วนๆแล้ว แต่ก็ใส่เข้ามาได้พอดีไม่ล้นไม่เยอะและ มุกตลกอะไรยังคงแทรกมาแบบลงตัวแบบไม่ได้ยัดเยียดอะไรมากนัก แม้ตัวเนื้อเรื่องอาจจะเดาได้ไม่ยากครับ เพราะมันคงไม่ได้มีอะไรเล่นหรือพลิกไปมากกว่านี้แล้วแต่จะเป็นการแทรกเรื่องราวระหว่างตัวละคร การผจญภัยอีกแนวนึงมากกว่าเป็นเหมือนอีกด่านนึงประมาณนั้นเลยครับ แต่ในการที่เล่าแบบนี้มันก็ทำให้มีข้อเสียในตัวคือมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยนั้นเอง มีแค่ตัวละครที่เหมือนจะมีเรื่องราวมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ลึกอะไรมาก เลยทำให้มันเบาบางไปพอสมควรและอาจจะดูเหมือนเดิม แต่ถ้าคนที่ดูแบบไม่ได้คิดอะไรหนังมันบันเทิง สายฮาและดูเพลินๆได้สบายและดีมากๆ และที่ชอบคือ End Credit ของมันทำให้เราย้อนไปนึกถึงภาคแรกตอนปี 1995 เลยครับและชอบมากๆที่ใส่เข้ามาเหมือนจะมีต่อด้วยนะ !

นักแสดงต้องเรียกได้ว่าเป็นจุดที่เอาหนังอยู่และเป็นจุดหลักๆในการพัฒนาตัวละครทำให้หนังมันน่าสนใจและไม่เบื่อเลยก็ว่าได้ทั้งการแสดงของ The Rock ที่สามารถเอาหนังได้อยู่ จนไม่แปลกใจว่าทำไมงานแสดงพี่แกเยอะมากขนาดนี้ครับ เพราะในหนังเห็นเลยว่าสามารถเล่นได้หลากหลายแนวและแสดงออกมาได้เนียนตาและดีมากๆ อีกทั้งตัว เควิน ฮาร์ท นั้นก็เป็นคนที่เล่นได้ดีมาก คือตีบทแตกแบบสบายๆแสดงได้เหมือนอีกคนนึงได้เลยทั้ง 2 ตัวละครนี้ทำให้หนังดูมีอะไรมากกว่าเดิมเยอะ และนักแสดงที่เหลือก็ไม่ได้น้อยหน้าเลยเรียกได้ว่าทีมนักแสดงนั้นเอาอยู่และทำให้น่าติดตามพอสมควร และมีการแทรกตัวละครใหม่ๆเข้ามาบ้างและการแสดงก็ไม่ได้น้อยหน้ากันเลย แต่มันจะเน้นๆหนักไปที่ 2 คนมากกว่าในภาพรวมครับ เรียกได้ว่าเห็นการพัฒนาของการแสดงทั้ง 2 คนที่ต้องยอมรับว่าเล่นได้ดีจริงๆ และที่ขาดไม่ได้คือ คาเรน กิลแลน ที่สวยมากๆในเรื่องนี้และเล่นสายบู๊อะไรได้ดีเหมือนเดิมเลยแหละ

งานภาพอะไรนั้นอาจจะไม่ได้เด่นมากนักในเรื่องนี้มุมมองกล้องเหมือนกับภาคแรกมากๆทั้งการตัดต่อเข้าเรื่องมุมมองการเล่าเรื่อง สีหน้าตัวละครเป๊ะๆเลยครับและก็จะคล้ายๆหนังแอคชั่นทั่วไปครับ ส่วนงาน CG นั้นเนียนตาขึ้นพอสมควร มาที่เรื่องของงานเสียงกันบ้างในภาคแรกนั้นจริงๆทางผมเองก็เป็นสาวกเพลง Gun N Roses อยู่แล้วตั้งแต่ภาคแรกที่ผมดูก็ติดใจเพลงนี้มากๆเลยที่ใส่เข้ามาได้ดีถูกจังหวะ รวมถึงเพลงในฉากเต้นต่อสู้ก็ลงตัว แต่พอมาภาคนี้มันเหมือนจะพยายามใส่เข้ามามากไปหน่อยดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไรนัก และใช้เพลงเดิมทั้งคู่เลยแอบแปลกๆและไม่ลงตัวมากเท่าที่ควรเพลงในเรื่องนี้เลยยังไม่โดนเท่าไรครับ

ตัวหนังถ้าดูจริงจังเนื้อเรื่องบทอะไรมันเหมือนเดิม ซ้ำๆไปนิดหน่อยแต่ได้เรื่องนักแสดงและมุกตลกที่แทรกเข้ามาช่วยหนังไว้ได้เรื่อยๆ และทำให้มันลงตัวและมีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อยจากภาคแรกครับถ้าใครดูภาคแรกก็จะอารมณ์เดียวกันแต่พัฒนาขึ้นลงตัวขึ้น ส่วนใครไม่เคยดูก็ดูได้สบายๆ แต่ถ้าดูภาคแรกมาก่อนก็จะอินขึ้นหน่อย และถ้ามุมมองในคนดูทั่วไปเลยก็เป็นหนังบันเทิง มุกฮา สนุกได้สบายๆแบบไม่ติดอะไรเลยครับ และมี End Credits ด้วยนะ รอดูก็ดีเหมือนกันเพราะมันเหมือน เคารพ ภาคแรกตอนปี 1995 นิดๆและมีภาคต่อไปได้อีกถ้าจะทำต่อครับ ไปดูกันเพลินๆได้เลยสำหรับเรื่องนี้

 

 

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares