Mercedes-Benz ได้เปิดตัวคอนเซปต์ CLA รุ่นไฟฟ้า ในเรทราคาเริ่มต้นที่มีระยะทางการขับขี่ไกลถึง 750 กม. มาตรฐาน WLTP

เจ้า CLA รุ่นใหม่จะมาแทนที่ CLA รุ่นที่ใช้น้ำมันในปัจจุบัน เพราะทางแบรนด์ได้มีแผนยกเลิกการใช้ตัวอักษร EQ ในการตั้งชื่อรุ่นรถของตัวเองในปี 2024

*** แบตเตอรี่ ***

รถยนต์ CLA ไฟฟ้าจะเป็นรถ Mercedes-Benz รุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์ม MMA รุ่นใหม่ ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 12 kW/100km ทำให้ CLA ได้ชื่อเล่นว่า “รถหนึ่งลิตร”

แบตเตอรี่ที่ใช้จะมีเลือกสองแบบ คือในรุ่นท็อปจะใช้แบต silicon-oxide ในขั้วแอโนด และรุ่นเริ่มต้นจะใช้แบต LFP

Mercedes CLA ตัวใหม่จะเป็นรถยนต์คันแรกของแบรนด์ที่มีระบบ 800V ทำให้สามารถชาร์จ DC ได้สูงสุดถึง 250 kW ทำให้สามารถให้ระยะทาง 400 กิโลเมตร ได้ในการชาร์จเพียง 15 นาที และยังมีการชาร์จสองทิศทางได้เพื่อใช้ตัวรถเป็นแหล่งพลังงานสำรอง

นอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่เมอร์เซเดสใช้กาวเพื่อยึดเซลล์แบตเตอรี่ แทนการใช้สกรู ผลลัพธ์คือแบตเตอรี่จะมีน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็กกว่าแบตแบบดั้งเดิม

*** ดีไซน์ ***

ทางด้านดีไซน์ของ CLA ไฟฟ้ารุ่นใหม่จะคล้ายกับรุ่นที่ใช้น้ำมัน แต่จะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และชูความเป็นไอคอนดาวสามแฉกของตัวเองเข้าไป ทั้งดีไซน์ไฟหน้า ไฟท้าย และล้อแม็กที่ถูกใช้ในล้อขนาด 21 นิ้ว

รวมทั้งบริเวณไหล่ของตัวรถมีเส้นลากยาวตั้งแต่ฝากระโปรงหน้ารถไปที่ด้านข้าง ซึ่งเว้นที่ว้างไว้ตรงประตูรถและลากต่อไปด้านหลัง การออกแบบยังทำให้มีพื้นที่ศีรษะสำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มขึ้น

*** ภายใน ***

ภายในตัวรถจะเน้นดีไซน์ไฮเทคแบบ minimalist หลังพวงมาลัยมีหน้าจอ MBUX Superscreen ลากยาวไปจนถึงที่นั่งผู้โดยสาร อ้างอิงจากใน VISION EQXX

ด้านซ้ายและขวาของหน้าจอก็จะมีช่องระบายอากาศเสมือนใบพัดเครื่องบิน นอกจากนั้นระบบปรับอากาศภายในถูกติดตั้งซ้อนไว้หลังหน้าจอที่เดียวกับแสง ambient คอนโซลข้างเบาะด้านหน้ามาพร้อมที่ชาร์จสมาร์ตโฟนในดีไซน์รูปวงกลมเรืองแสง

*** ซอฟต์แวร์ ***

ระบบปฏิบัติการใหม่ของเมอร์เซเดส (MB.OS) จะเป็น “สมองดิจิตอล” ของตัวรถ ทางบริษัทระบุว่าตัวรถจะใช้สถาปัตยกรรม chip-to-cloud

นอกจากนี้ Mercedes ยังกล่าวว่ารถยนต์ทุกคันบนแพลตฟอร์ม MMA จะมาพร้อมกับ supercomputer ที่มี AI และ machine learning

ซอฟต์แวร์ MB.OS พร้อมสำหรับการอัปเกรดระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ SAE ระดับ 3 แต่ตัวรถจะเริ่มขายโดยมาพร้อมระบบดังกล่าวในระดับ 2 ก่อน

ยิ่งไปกว่านี้ ซอฟต์แวร์ยังมีระบบตรวจสอบการมีเด็กอยู่ในรถ (CPD) ที่ออกแบบมาเพื่อลดโอกาสที่เด็กจะถูกทิ้งไว้ในรถ อีกทั้งระบบสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการหายใจ ซึ่งจะส่งสัญญาณเตือนให้คนขับรถทราบ ถ้าคนขับรถไม่ตอบสนองระบบจะกระพริบแสงไฟภายนอกก่อนที่จะเรียกใช้บริการฉุกเฉิน

SOURCE

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares