ASUS TUF เป็นตระกูลตัวคุ้มที่หลังๆมานี้นั้นออกมาหลากหลายรุ่นอย่างมาก และยังคงโดดเด่นเรื่องของการทำราคาได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ และ ที่สำคัญเองนั้นต้องบอกว่ามีตัวเลือกให้ใช้งานได้หลากหลายในเรื่องของสเปกไม่ว่าจะเป็น AMD หรือว่า INTEL นั้นเอง ในรุ่น TUF F15 ที่เป็น INTEL และ A15 ที่เป็น AMD ต้องบอกว่าให้อิสระกับผู้ใช้งานได้ดีในการเลือกใช้งานต่างๆครับ ซึ่งหลังจากที่ Nvidia เปิดตัว RTX 3050 ตัวใหม่ทางค่ายเองก็เปิดตัวต่อเนื่องในรหัสใหม่ ให้เลือกใช้งานกันซึ่งในครั้งนี้เรามาอยู่กับ ASUS TUF F15 ในรหัส FX506HC ที่จะใช้งาน i5 Gen 11 ในรหัส I5 11400H พร้อมกับ RAM 8GB และ การ์ดจอ RTX 3050 รวมถึงใช้งาน หน้าจอ 144Hz ในงบแค่ 30K ถือว่าใครที่เน้นในเรื่องสเปกการใช้งาน เล่นเกม งบไม่มากนักตัวนี้ออกมาได้ตอบโจทย์ชัดเจนครับ

ASUS TUF GAMING F15 จะมาด้วยกัน 2 สเปก คือ i9 และ i5 พร้อมกับ RTX 3050 และ RTX 3060 นั้นเอง ซึ่งตัวนี้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ใช้งาน CPU INTEL  i5-11400H Processor 2.7 GHz (12M Cache, up to 4.5 GHz, 6 Cores) ในเทคโนโลยี 10nm และมาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 3050 ในสเปก 1600MHz ที่ 60W (75W ใน Dynamic Boost), 4GB GDDR6 มาพร้อมกับ RAM 8 GB ใช้งาน DDR4-2933 SO-DIMM ซึ่งรองรับการอัพเกรด 32GB ให้มา 2 Slot ว่าง 1 Slot ส่วนทางด้าน SSD นั้นให้มาที่ 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD และ หน้าจอให้มาที่ขนาด 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9,anti-glare display,sRGB:62.5%,Adobe:47.34%,DCI-P3:Refresh Rate:144Hz,ค่าระดับ IPS,Adaptive-Sync พร้อม รองรับมาตรฐานความแข็งแรง MIL-STD-810H ครับ และที่สำคัญนั้นยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่รวมถึงทางด้าน Keyboard นั้นเป็นไฟ RGB ปรับเปลี่ยนได้แต่จะเป็นโทนสีเดียวทั้งหมดครับ และ ทางด้านลำโพงนั้นก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยเช่นกันครับ ถือว่าสเปกยังคงจัดเต็มและมา พร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Home  ได้ประกัน 2 ปี Global Warranty และยังมาพร้อมกับ ประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty 1 ปีแรก + 7-11 droppoint ด้วยเช่นกัน รองรับกว่า1หมื่นสาขาทั่วประเทศ ยังคงจัดเต็มในเรื่องสเปก วัสดุ และถ้ามองในส่วนสเปก i9 นั้นจะได้หน้าจอ RAM – SSD – การ์ดจอที่ดีขึ้นนั้นเอง ก็เรียกได้ว่าราคามีความแตกต่างกัน และ คุณภาพก็จะสูงขึ้นด้วยครับ

ASUS TUF F15 FX506HC-HN002T : Eclipse Gray  Intel® Core™ i5-11400H Processor + NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 4GB GDDR6  RAM: 8GB DDR4-2933 SO-DIMM + Storage: 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD  ราคา : 30,990.- บาท

UNBOX

ทางด้านตัวกล่องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของงานออกแบบทั้งหมด ทั้งของรูปทรงตัวกล่องและตัวลวดลายที่ปรับเข้ากับตัวเครื่องมากขึ้นด้วยครับแอบดูดีกว่าเดิมเยอะเลยสมราคามากขึ้น ส่วนอุปกรณ์ในตัวกล่องให้มาพอดี เหมือนทั่วไปครับทั้งเรื่องของ Adaptor ชาร์จไฟ 180W ตัวคู่มือต่างๆ และแน่นอนว่าตัวเครื่องด้วย แต่มีสติกเกอร์มาให้ด้วยครับ อุปกรณ์ต่างๆนั้นเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด และถ้ามองเทียบกับตัว A15 เองนั้นจะเหมือนกันทั้งหมดเลย

DESIGN

งานออกแบบมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบครั้งใหญ่ในภายนอกฝาหลังและทั้งหมดของตัวเครื่อง เป็นจุดที่ค่อนข้างชอบมากๆครับเพราะมีความเรียบหรูลงตัวมากกว่าเดิมเยอะมากดูแพงขึ้นเยอะมากครับ เพราะรุ่นก่อนๆเราบ่นไปว่าดีไซน์มันดูเยอะไปในด้านหลังแม้จะดูสายเกมก็จริง แต่บางทีมันเยอะไปหน่อยชอบแบบเรียบๆแต่ดูเท่ๆหน่อย ซึ่งตัวนี้ก็ได้ทำออกมาตอบโจทย์ได้ดีเลยครับ เปลี่ยนแปลงงานออกแบบทั้งหมดฝาหลังสวยพร้อมโลโก้แบบรุ่น F15 แล้วและเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ทันสมัยขึ้นรวมถึงมี เขียนชื่อ TUF ไว้ในมุมขวาของฝาหลัง และมีเว้าอะไรรวมถึงออกแบบเหมือนมีน็อต 4 มุมด้วยและตัวเครื่องก็ใช้ฝาหลังแบบเรียบสีด้าน คนละแบบกับส่วนอื่นๆด้วยเช่นกันถือว่าสวยเลยนะ

เมื่อเปิดเข้ามาข้างในนั้นเราจะยังคงเห็นการออกแบบที่คล้ายๆตัวเดิมอยู่บ้างในส่วนของที่วางมือและลวดลายตรงส่วนนั้นครับ จริงๆทำเรียบไปก็ดูดีอีกแบบเหมือนกันแต่ก็อาจจะเป็นการออกแบบที่คงเอกลัษณ์ของตระกูลนี้อีกทางนึงครับ และขอบจออะไรบางขึ้น การออกแบบอะไรขนาดเครื่องกระชับมากขึ้น แป้นพิมพ์สุดขอบมากกว่าเดิมด้วยเช่นกันครับ ส่วนวัสดุอะไรพวกนี้รู้สึกดีกว่าเดิมแน่นแข็งแรงมากขึ้นในระดับของมัน และฝาหลังสวยขึ้นเยอะมากๆเรียบสวยลงตัว

ขอบหน้าจอรุ่นนี้มีความบางอะไรไม่หนีจากเดิมแต่รูปทรงงานออกแบบขอบหน้าจอการตัดมุมอะไรนั้นมีความเล็กลงกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหน้านั้นยังคงมีมาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนส่วนข้างในยังคงมีโลโก้ ASUS อยู่ครบ

งานออกแบบฝาตัวเครื่องนั้นเป็นการใช้งานวัสดุโลหะสีเทาด้านทั้งหมดจะเห็นว่ามีความเรียบไม่มีส่วนนูนหรือโลโก้แบบรุ่นก่อนๆแล้ว แต่จะเป็นการยิงเลเซอร์โลโก้ในมุมขวาบนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีความเหลี่ยมสันมากขึ้นจากเดิมครับ และทางด้านชื่อรุ่นนั้นจะเป็น TUF ตัวอักษรเหลี่ยมแบบชัดเจนมากขึ้นถือว่างานดีไซน์ทั้งหมดดูดีขึ้นและจะเห็นว่าจะมีความคล้ายตระกูล ROG แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเส้นสายและโลโก้เท่านั้นเรียกได้ว่า TUF ทำได้ดีมาก

ฝาหลังมีการออกแบบเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมีการเจาะรูคล้ายรังผึ้งด้วยเช่นกัน และลวดลายอะไรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดดูสวยงามขึ้นเยอะเลยแหละ ส่วนช่องระบายมีมาให้พอประมาณแต่จริงๆน่าจะเจาะได้เยอะกว่านี้ครับแอบดูน้อยไปหน่อย ส่วนทางด้านในนั้น Layout เหมือนกับรุ่นก่อนเป๊ะๆเลยไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างภายในเท่าไรนักครับ ทั้ง พัดลม 2 ตัว ระบายได้ 3 ทิศทาง พร้อม Heat pipe 4 เส้นวางตำแหน่งเดิม รวมถึง ช่องใส่ M.2 ให้มา 1 ช่อง และ RAM 1 Slot ใส่มา 8GB ว่างอีก1 และพื้นที่ว่างสำหรับใส่ SATA SSD ได้ด้วยครับถือว่ารองรับการอัพเกรดได้สบายมาก

ในส่วนของขาพับอะไรต่างๆนั้นดูแข็งแรงขึ้นและวัสดุอะไรนั้นแอบคล้ายๆเดิมครับ มีการเล่นลวดลายของตัวเครื่องที่แตกต่างกันเหมือนเดิมไม่ใช่วัสดุแบบเรียบๆสีดำครับ ก็ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้นส่วนวัสดุความรู้สึกยังคงเป็นพลาสติกเยอะหน่อยในรุ่นนี้ครับ ส่วนการระบายตรงกลางนั้นยังมีมาให้เหมือนกันครับ สำหรับดูดอากาศเข้าเครื่อง และมีบอกไฟสถานะรวมถึงเขียนชื่อรุ่นมาให้ และตรงหน้าจอก็เว้าสำหรับการระบายอากาศได้เหมือนรุ่นอื่นๆของค่ายนี้เลยครับ

ในส่วนของช่องระบายอากาศนั้้นจะเห็นว่าตัวช่องระบายอากาศนั้นเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ทั้งหมดเล่นลวดลายอะไรสวยงามขึ้นดูดีขึ้นเยอะมาก และแน่นอนว่ามีทั้ง 2 ฝั่งเช่นเดิมและมีเพิ่มฝั่งขวาตัวเครื่องมาด้วย ระบาย 3 ทิศทางครับ แต่แอบชอบการออกแบบตรงนี้มากๆเลยดูดีกว่าเดิมเยอะครับ ส่วนตรงกลางก็ดูดีถือว่าทีมออกแบบครั้งนี้ทำได้ดีครับ

เมื่อแกะออกมาเราจะเห็นว่าค่ายนี้ยังถือว่าเป็นค่ายที่ความแข็งแรงเมนบอร์ด โครงสร้าง และการจัดระเบียบอะไรนั้นอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียวแหละ มาพร้อมกับพัดลมคู่ พร้อมกับ HeatPipe 3 เส้น รวมถึงรองรับการอัพเกรดเยอะมากๆ ทั้ง M.2 SSD เปลี่ยนได้ รวมถึง RAM 2 Slot ซึ่งทางสเปกให้มา 1 พร้อมกับ ซิลิโคนระบายความร้อน และ แผ่นกราไฟต์ครบทั้งหมด รวมถึงมีช่องใส่ SATA SSD ได้ด้วยนะในมุมขวาตัวเครื่องยังพอเหลือพื้นที่ครับเพราะแบตไม่ใหญ่

SPEC : ASUS TUF F15 FX506HC-HN002T

  • Windows 10 Home
  • Intel® Core™ i5-11400H Processor 2.7 GHz (12M Cache, up to 4.5 GHz, 6 Cores)
  • NVIDIA® GeForce RTX™ 3050 Laptop GPU,Up to 1600MHz at 60W (75W with Dynamic Boost),4GB GDDR6
  • 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9,anti-glare display,sRGB:62.5%,Adobe:47.34%,DCI-P3:Refresh Rate:144Hz,ค่าระดับ IPS,Adaptive-Sync
  • 8GB DDR4-2933 SO-DIMM,Max Capacity : 32GB
  • 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD
  • 1x 3.5mm Combo Audio Jack / 1x HDMI 2.0b / 1 x พอร์ต LAN RJ45 / 3x USB 3.2 Gen 1 Type-A / (1x USB-C รองรับ Thunderbolt™ 4 ในสเปค HN002T ) support DisplayPort™
  • คีย์บอร์ดชิคเคล็ตแบบมีไฟส่องหลัง RGB
  • กล้อง 720p HD
  • DTS Software + ชุดไมโครโฟนในตัว + ลำโพง 2 x 2W
  • Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2;(*BT version may change with OS upgrades.)
  • ลิเธียมไอออน 48WHrs, 3S1P, 3 ก้อน
  • 6.0, อะแดปเตอร์ 180W AC, เอาต์พุต: 20V DC, 9A, 180W, อินพุต: 100~240V AC, 50/60Hz อเนกประสงค์
  • 2.30 Kg (5.07 lbs) 35.9 x 25.6 x 2.28 ~ 2.43 cm (14.13″ x 10.08″ x 0.90″ ~ 0.96″)
  • Microsoft Office 1-month trial for new Microsoft 365 customers. Credit card required.
  • BIOS Administrator Password and User Password Protection + Kensington Lock

PERFORMANCE

ใช้งาน CPU INTEL  i5-11400H Processor 2.7 GHz (12M Cache, up to 4.5 GHz, 6 Cores 12 Threads ) ในเทคโนโลยี 10nm และมาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 3050 ในสเปก 1600MHz ที่ 60W (75W ใน Dynamic Boost), 4GB GDDR6 มาพร้อมกับ RAM 8 GB ใช้งาน DDR4-2933 SO-DIMM ซึ่งรองรับการอัพเกรด 32GB ให้มา 2 Slot ว่าง 1 Slot ส่วนทางด้าน SSD นั้นให้มาที่ 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD สเปกภาพรวมนั้น i5 รองรับการทำงานหลากหลายทั้ง 6 Cores 12 Threads ที่ถือว่าเยอะพอสมควรเลย

PC MARK

คะแนนไปได้ค่อนข้างสูงตัว i5 Gen11 ถือว่าแรงพอสมควรนะ ทำไปได้ 5911-5454 คะแนน การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ  ส่วนในการทดสอบนั้นเป็นอุณหภูมิปกติ เช่นเดิมไม่ได้เปิดแอร์ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 6,000 คะแนนครับ

3D MARK

ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 5 แบบนะครับ ตัว TIMESPY EXTREAM ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 2504 ถือว่าดี และ PORT ROYAL ในการทดสอบ RAY TRACING นั้นได้ไป 344 คะแนน ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3DMark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 4 แบบ ทำความร้อนไปได้ 79 CPU GPU 76 นะครับ และในตัว FIRE STRIKE EXTREAM ทำไปได้ 6254  และ FIRE STRIKE ULTRA 3141 คะแนน ถือว่าแรงพอใช้งานได้ RTX 3050 ครับในรุ่นใหม่ตัวนี้

CINEBENCH R15 R20 – CRYSTALDISK

R15 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูง เลยแหละ R15 นั้นทำได้  1542 cb/ 127 FPS ประมวลผลหนักๆได้สบายกับ GEN111 และทำได้ใกล้ๆกับ RYZEN 7 4800HS ตัวนั้นจะประมาณ 120 ครับ ในการเรนเดอร์ R20 ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผลตัวโหดกว่า R15 คะแนนก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน ดีกว่ารุ่นก่อนเยอะมาก และทำได้ดีกว่าตัว i5 Gen10 ด้วยนะ ในตัว R20 นั้นที่ประมวลผลหนักหน่วงกว่าเดิม ทำคะแนน 3887 ครับ เช่นเดิมทดสอบในสภาพอากาศปกติไม่มีแอร์ครับ ส่วนตัว SSD M.2 นั้นทำการอ่านเขียนไป 3098 MB/s และ 1633 MB/s  ถือว่าแรงมากๆในทั้งเรื่องของการอ่านและการเขียนถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอในการใช้งานแล้ว

SCREEN

หน้าจอถ้าเป็นตัว i5 นั้นจะได้ 144Hz แต่ถ้า i9 จะได้ 240Hz ที่สีอะไรแม่นยำกว่าเยอะมากครับ แต่ตัวนี้ก็พอใช้งานได้นะ มาพร้อมกับ 15.6 นิ้ว,FHD (1920 x 1080) 16:9, หน้าจอแบบด้าน และ ค่าสี sRGB:62.5%, Adobe:47.34%,DCI-P3:Refresh Rate:144Hz,ค่าระดับ IPS,Adaptive-Sync  Refresh Rate 144Hz ข้อดีของจอ 144Hz เลื่อนไปๆมาๆก็สมูทกว่าปกติแล้วครับ และยิ่งได้ RTX3050 แน่นอนว่าภาพความลื่นไหล หลายๆเกมมันทำได้ดีเลยแหละ มาพร้อมหน้าจอขอบบางแค่ 6.5 มม. และมีขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS 144 Hz จอแบบด้าน Anti-Glare แน่นอนว่าสายเกมจอแบบนี้ใช้งานสบายตา ไม่สะท้อน และใช้งานข้างนอกสบาย จอเอาตรงๆเลยคือมุมมองตรงๆมันก็ใช้งานได้นะ ซึ่งทางผมก็สายงานกราฟิกก็พอมองออกว่าจอมันไม่ได้สีตรงเป๊ะอะไรมากครับ สีพอใช้ได้ไม่ได้แม่นยำมากนัก ความสว่างใช้ได้ไม่ได้สู้แสงดีมากนักตามเรทราคาเลยครับ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนต้องบอกว่าในเรื่องของคุณภาพนั้นใกล้เคียงกันครับ แต่ความลื่นไหลเพิ่มเข้ามาก็ทำได้ดีขึ้นชัดเจนในตัว TUF

การออกแบบตัวขอบจอทั้งหมดทำได้บางดูสวยงามบางลงเรื่อยๆเลยแหละ แต่ก็ไม่ตัดกล้องหน้าไปและถือว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวส่วนเรื่องถ้าเป็นแต่ก่อนนั้นมุมมองของจอจริงๆสายเกมจอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับมุมมองกว้างเท่าพวกจอเทพๆที่เน้นทำงานกันเท่าไรอยู่แล้วอันนี้ต้องเข้าใจกันไว้ก่อนครับ แต่ตัวจอนี้นั้นเป็นจอแบบ IPS 144Hz ที่ดีมากๆคือมุมมอง พร้อมทำงานและรองรับได้ทุกมุมมอง จากที่ได้ลองสีนั้นเกือบตรงและใช้งานทำงานตัดต่อได้แบบกลางๆละกันครับ สียังไม่ได้แม่นอะไรมากนัก และ เอียงๆยังไงก็ไม่เจออาการเพี้ยนอะไรของสีเลยครับดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ชัดเจนแม้การสู้แสงอาจจะไม่ได้โหดมากนั้น แต่จอด้านก็ช่วยในการใช้งานได้ดีขึ้นมากพอสมควรครับและทำงานสบาย

KEYBOARD

ตัวนี้ยังคงเป็นไฟแบบ RGB FULLZONE แล้วสามารถปรับสีได้หลากหลายสีและ Effect ได้แต่มันจะปรับทั้งหมดนะครับแยกโซนไม่ได้ ปรับทีปรับทั้งแผงเลยไฟค่อนข้างสวยเลยนะ ส่วนการดีไซน์มาแบบเต็ม แต่จะเห็นว่า่การจัดวางตัวปุ่ม ลูกศร รวมถึง Numberpad นั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมครับ วางอะไรได้โล่งขึ้น มีพื้นที่ดีขึ้นด้วยพร้อม NumPad ด้านขวา รวมถึงการเล่นกับปุ่ม WASD ที่เป็นแบบโปร่งแสงสวยงาม ตัวปุ่มมีระยะการกดที่ 1.8 มม.ที่คุ้นเคยกันดี และ มีความโค้ง 0.25 มม เล็กน้อยครับ โดยรวมการวางตำแหน่งไม่ได้มีอะไรติดขัดทำได้ปกติของรุ่นนี้ แต่ด้วยราคาที่ไม่แพง วัสดุความแน่นเวลาวางมือนั้นอาจจจะไม่ได้ดูแน่นหนามากนักตรงส่วนที่วางมือหรือวัสดุปุ่มอะไรพวกนี้ครับ แต่เรื่องความทนทานก็ทดสอบกันมาเยอะครับ รองรับการใช้งานได้เป็น 20 ล้านครั้งเลยแหละ

ตัวปุ่ม WASD นั้นจะเป็นปุ่มแบบใสสวยงามทำให้แสงนั้นสว่างขึ้นกว่าปุ่มอื่นๆและดูดีด้วย ตัวระยะห่างแต่ละปุ่ม รวมถึงความลึกในการกดนั้นทำได้ดีในการเล่นเกม หรือ พิมพ์งาน เสียงไม่ได้ดังมากนัก ไฟแสดงได้สวยในหลายๆสีและค่อนข้างคมเข้มตัวอักษรมองเห็นชัดดีครับ เวลาเปิดไฟก็ทำได้ดี เพราะครั้งนี้ตัวอักษรเป็นสีขาวมองเห็นชัดกว่าสีแดงเยอะมากในรุ่นเล็ก และถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในด้านการใช้งานหลายๆสภาพแสงครับ แบบเดียวกับรุ่นเดิม แต่น่าเสียดายว่ายังไม่สามารถปรับแยกโซนสีได้ครับยังคงเป็นสีเดียวทั้งแผ่นเลยในคีย์บอร์ดรุ่นนี้ ยังคงไม่ได้ปรับได้อิสระอะไรมากนัก

TOUCHPAD

ทัชแพดยังคงตามการออกแบบคล้ายกับ TUF รุ่นอื่นๆครับขนาดนั้นพอดีกับตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่สะใจ และ ไม่ได้เล็กเกินไปครับแต่การออกแบบนั้นจะแตกต่างกับรุ่นก่อนๆเพราะครั้งนี้ตัดขอบตรงๆแล้วไม่ได้มีการตัดมุมเหมือนรุ่นก่อนครับ เรียบสวยมากขึ้น โดยรวมของตัวเครื่องตระกูลนี้ พร้อมกับปุ่มกดซ้ายขวาแบบชิ้นเดียวกันทั้งหมดครับ ผิวด้านแบบลื่นๆใช้งานได้ลื่นแต่ติดคราบมันได้ง่ายมากๆครับ และ ความรู้สึกในการกดลงไปนั้นแอบรู้สึก ความแน่นหนาในการใช้งานจริงได้ดีอยู่ดีกว่าในรุ่นก่อนๆครับรู้สึกถึงความแข็งแรงขึ้นในฟีลลิ่งการทัช การกดปุ่มต่างๆจุดนี้ถือว่าโอเคขึ้นเลยครับ

SPEAKER 

ลำโพงยังคงเป็น 2 ตัวเช่นเดิมครับลำโพงตัวนี้รอบรับระบบเสียง STEREO และการยิงออกมา 4 ทิศทำให้เสียงดังขึ้น 1.8 เท่า และเบสที่ลึกกว่าเดิม 2.7 เท่า และ รองรับเสียงระบบ DTS X 7.1 ด้วยนะ แต่เป็นการฟังผ่านหูฟังครับทำให้เสียงรอบทิศทางได้ดีและตอนสนองในการเล่นเกมได้ดีมากๆในเรื่องของมิติเสียง แต่มาดูลำโพงกันคือลำโพงมาซ้ายขวา ยิงลงพื้น เสียงที่ได้บอกตรงๆว่าดังดี แต่เสียงเบสหายไปครับ เสียงออกมาในโทนแหลมๆ ดังๆมากกว่าเลยอาจจะไม่ได้สะใจมากครับ ส่วนเรื่องความดังใช้ได้เลยแหละ แต่คุณภาพก็ตามราคานะ ขาดแค่เบสนิดหน่อยเท่านั้น ในเรื่องคุณภาพความแน่นของเสียงนั้นใกล้เดิมแต่ทิศทาง ความดังดีขึ้นในการใช้งาน ซึ่งภาพรวมเป็นตัวเดียวกับ A15

CONNECTOR

ด้านซ้ายนั้นจัดเต็มครบเลย มาอยู่ฝั่งนี้กันหมดทั้งช่องไฟเข้า LAN-HDMI 2.0 – USB-A 3.2 X2 ช่อง USB-C 3.2 display supportDP1.4 Thunderbolt™ 4  และ รูหูฟัง 3.5มม.ที่เป็นไมค์ในตัวครับ ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็ รองรับ Wi-Fi 6(802.11ax)+Bluetooth 5.2 (Dual band) 2*2; ปกติครับ ถือว่าพอร์ตใกล้เคียงกับตัวเดิมแต่ไร้สายดีขึ้น ซึ่งพวกเชื่อมต่อทั้งหมดจะเหมือนกับรุ่น A15 แต่ INTEL จะได้ Thunderbolt™ 4 เพิ่มมาครับ ในสเปค HN002T นะครับผม

เชื่อมต่อในจุดต่างๆนั้นรุ่นนี้ในด้านขวาจะเป็นแค่ตัวล็อก Kensington และจากที่บ่นไปในรุ่นก่อนว่าไม่มีช่อง USB มา ในครั้งนี้เลยใส่ USB-A 3.2 สำหรับใช้งานมาบ้างแล้ว เพราะเสียบพวกเมาส์อะไรพวกนี้ในด้านนี้จะใช้งานได้บ่อยมากๆครับอันนี้ขอชมที่ปรับปรุงจุดนี้มาให้ รวมถึงช่องระบายความร้อนก็มีมาให้ฝั่งนี้ด้วยเช่นกันครับ 3 ทางแบบเดิม

ARMOURY CRATE 

เราสามารถปรับแต่งได้ทั้งหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการปรับ พัดลม ดูข้อมูลการใช้งานตั้งพวก Profile ก็มีให้ปรับได้ค่อนข้างเยอะครับ หรือจะเป็นการตั้งค่าแอปเกม ที่จะปรับตามแอปที่เราเลือกเปิดไว้ได้ก็เช่นเดียวกันครับซึ่งหน้าตาจะแตกต่างกับ ROG เล็กน้อยในเรื่องของสีสันและการปรับแต่งบางอย่างอันนี้จะเป็นธีม ดำทองนั้นเองครับ

ฟีเจอร์ทั้งหลายนั้นรองรับการทำงานหลากหลายครับทั้งเรื่องของการปรับแต่งการใช้งาน เปลี่ยนไฟคีย์บอร์ดรวมถึงปรับ Effect ว่าจะให้แสดงผลยังไงครับ รวมถึงในส่วนของ Hardware ดูสถานะ อุณหภูมิ พัดลมต่างๆสถานะการใช้งาน CPU -GPU  รวมถึงสามารถโหลดแอปอื่นๆเพิ่มเติมได้ค่อนข้างเยอะมากครับ และมีโปรแกรมของ AMD / DTS X ต่างๆที่รองรับและแอปอื่นๆเราสามารถโหลดได้ทั้งบอกทิศทางเสียงต่างๆ ปรับแต่งไฟ Effect ทั้งหมด ปรับตั้งค่าตามเกมที่เราเลือกได้ว่าจะตั้งค่าอะไรบ้างเป็นต้นครับ  ปรับโปรไฟล์สีหน้าจอ รวมไปตัวซอฟต์แวร์

WORKING

การเล่นเกมและในการทำงานนั้นแน่นอนว่าตัวนี้ก็ถือว่าพัฒนามาดีขึ้นครับ ซึ่งมีการพัฒนาแน่นอนว่าใช้งาน 10nm แล้ว และมาพร้อมกับ 6 Cores/12Threads ถือว่ารองรับการทำงานได้ดีมากขึ้น จำนวนเยอะขึ้นกว่ายุคก่อนๆชัดเจนครับ บอกเลยว่าทำงานร่วมกับ RAM 8GB ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานทำงานหลากหลายโปรแกรม หลายเลเยอร์ได้สบาย แต่ถ้าทำงานหนักมากๆอาจจะต้องเพิ่มเป็น 16GB จะลงตัวครับ และการอ่านเขียนของ SSD ก็ถือว่าช่วยงานทำงานได้ไวขึ้นระดับนึงรวมถึงในการเรนเดอร์การทำงานจริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างลองดูทดสอบกันในหลายๆโปรแกรมสายทำงาน และ ทดสอบแบบจัดเต็มเช่มเดิมทั้งโปรแกรมตัดต่อแบบ Premire Pro หรือจะขึ้นโมเดลแบบ Sketch up ซึ่ง INTEL ก็ถือว่าทำงานได้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าหลายๆโปรแกรมก็ยังคงโดดเด่นกว่าเดิมเช่นกัน

PREMIRE PRO  

แน่นอนว่าสายครีเอเตอร์ที่แอดเองรู้จักก็ใช้งานคอมเกมมิ่งในการทำงานกันเยอะ จึงมาทดสอบ เรนเดอร์ 4K 60 FPS นั้นทำได้ดีแค่ไหนมีเทียบตัว INTEL I7 Gen 11 ด้วยนิดหน่อยครับ ซึ่งในตัวนี้ จะเรนเดอร์ได้ภายใน 26-28 นาที และเมื่อเทียบกับ Ryzen 7 4800HS ทำไปได้ 25 นาทีครับ แต่ถ้าใช้งาน i7 Gen11 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 19 นาที และในการเรนเดอร์คลิปต้องบอกว่ามันมีผลแบบชัดเจนถ้าเราเอาคลิปแต่ละเครื่องมาเทียบกันกับระยะเวลาในการเรนเดอร์ โดยทางเราทดสอบในการเรนเดอร์คลิปแบบเดียวกันทั้งหมดถือว่าทำได้ดี ถ้าหากมองเทียบกับ Gen10 แน่นอนว่าแตกต่างกันเยอะมาก แต่ถ้าเทียบกับฝั่ง Ryzen 5 ตัวนั้นเหมือนจะไวกว่าเล็กน้อยครับในสเปกนี้

SKETCH UP 

ขึ้นโมเดลงานนี้ก็เป็นการทดสอบแบบจัดเต็มเลยคือเรนเดอร์ไฟล์ความละเอียดสูงพร้อมกับใส่ Texture ที่อิงกับแสงและทั้งตัวกระจกเองรวมถึงดีเทลในอาคารก็ถือว่าเป็นการทดสอบได้ดี แต่ถ้าอยากหนักกว่านี้แนะนำเลยว่าใส่ต้นไม้และท้องฟ้าอาคารข้างหลังจะรู้เลยว่ามันทำงานไหวไหม ซึ่งจริงๆก็ลองอยู่ต้องบอกว่าไหวสบาย แต่ความร้อนจะมีขึ้นมากกว่าปกตินิดหน่อย แต่ที่เรนเดอร์ในภาพตัวอย่างนั้นจะทดสอบเทียบกับคอม RTX ทั่วไปครับ เลยได้คร่าวๆว่าตัว GAMING จะเรนเดอร์พวกนี้คือ 60 นาที แต่ถ้าตัวนี้เอามาทำจะได้ภายใน 38 นาทีก็ถือว่าไวระดับ ตระกูลเลข 5 ของตัวนี้ แต่แน่นอนว่าถ้ารุ่นใหม่หรือว่า i9 เองนั้นจะไวกว่านี้ไปอีกครับแต่ถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็ถือว่าไวขึ้นเยอะเช่นกัน

GAMING

แน่นอนว่ารุ่นเทพแบบนี้ใช้งาน CPU i5 Gen 11 +RTX3050 ในเรทราคาที่ไม่แรงมากนักแต่ได้ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือ สตรีมเกมก็ทำได้ดีมากทางผมได้ลอง สตรีมและเล่นไปด้วยแบบปรับภาพสุดก็ไม่เจออาการกระตุกอีกทั้งในการ แคปภาพหน้าจอทั้งหมดคือทำขณะที่ สตรีมไปด้วยในบางเกมนะครับเช่น Overwatch และ COD MW  ต้องบอกว่าแม้จะสตรีมหรือไม่สตรีม ตัวเครื่องจัดการได้ดีมากๆและไม่เจอ FPS ตกเลยแม้แต่น้อยคือเปิดปิดไม่ต่างกันเลย ส่วนเรื่องความร้อนที่ลองทำได้ดีมากๆในแง่ของ เวลาเล่นแล้วเอามือวางบนเครื่องมันไม่ร้อนเลยเล่นแบบไม่เปิดแอร์ทุกเกมนะ ส่วนเมื่อวัดในโปรแกรมจะเจอแตะ 90+ ไปด้านในด้านของ CPU เพราะเล่นในสภาพอากาศปกติ ครับถือว่าเลขอาจจะดูสูงแต่ประสิทธิภาพในการใช้งานจริงๆไม่ตกเลยนะครับถือว่าสบายมากๆเลย แม้ความร้อนอาจจะมีแตะ 90 แต่ที่บอกไปคือไม่เจออาการหน่วงหรีอค้างแม้จะเล่นยาวๆครับและยิ่งเทียบกับงบ 30K ตัวนี้ถือว่าคุ้มแล้วแต่ถ้าอยากสุดกว่านี้ปรับใช้งาน RAM 16GB ก็จะเหลือๆเลยในการเล่นเกมและสตรีมเกมต่างๆเช่นกันครับ

  • Overwatch นั้น ทำไปได้ FPS 71-75 อุณหภูมินั้น GPU 78 CPU 77  : EPIC 
  • APEX ทำไปได้ FPS 70 อุณหภูมินั้น GPU 84 CPU 90 : ULTRA 
  • PUBG ทำไปได้ FPS 77 อุณหภูมินั้น GPU 81 CPU 87  : ULTRA 
  • Modern Warfare ทำไปได้ FPS 49-50 อุณหภูมินั้น GPU 83 CPU 89 : ULTRA 

ต้องบอกว่าสายเกมไม่ผิดหวังแน่นอนครับสำหรับการรัน FPS ปรับภาพสูงสุดยังสามารถดันได้สูงมากๆและลื่นไหล ในระดับ 70+ FPS ได้ในหลายๆเกมเลยครับ แต่แน่นอนว่าเท่าที่ลองนั้นความร้อนรอบนี้ทดสอบแอบมีแตะ 90 อยู่บ่อยๆแต่ไม่เจออาการอะไรครับผม ถือว่าประสิทธิภาพไม่ตก แต่ถ้าอยากได้ลื่นๆนั้นต้องปรับภาพระดับกลางจะขับได้เกิน 90+ Fps นะครับอันนี้ต้องลองปรับกันไป แต่โดยรวมชอบเรื่องของความร้อนที่จัดการได้ดีและไม่มีอาการหน่วงหรือแลคอะไรแม้จะเล่นยาวๆ แน่นอนว่า CPU ใช้งานแค่ 20-30% เท่านั้นในการเล่นเกมหลายๆเกมแต่ส่วนที่น่าจะต้องไปอัพจริงๆก็ถือเรื่องของ RAM 8GB ที่ให้มานั้นอาจจะไม่ค่อยพอถ้าสายเกมหนักๆอัพไป 16GB จะลงตัว

ASUS TUF F15 FX506HC INTEL I5

”  ตัวคุ้มครั้งนี้มาพร้อมกับ INTEL แถมทำราคาได้ค่อนข้างดี สเปกคุ้มค่า หน้าจอลื่นไหล “

ถ้าใครกำลังหาคอมพิวเตอร์สายเกมมิ่ง หรือ ว่าคอมพิวเตอร์ที่เน้นในเรื่องของสเปกในการใช้งานต่างๆและอยู่ในงบ 30K ที่ไม่แรงมากเกินไป แต่ได้สเปก intel Gen 11 และ มาพร้อมการ์ดจอ RTX 3050 ซีรีส์ใหม่ครับ แน่นอนว่าตัว RAM 8GB อาจจะน้อยไปนิดลองปรับแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นๆสเปกอื่นๆนั้นถือว่าพร้อมใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอลื่นไหล พอร์ตเชื่อมต่อ หรือว่าจะเป็นงานออกแบบ การประกอบต่างๆ แน่นอนว่า TUF นั้นพัฒนาขึ้นมาเยอะแยะมากทั้งเรื่องของ คุณภาพงานประกอบ งานออกแบบที่ดูเรียบหรูมากขึ้นหรือว่าจะเป็นสเปกที่ดีขึ้นเรื่อยๆต่างๆ และ ยังคงโดดเด่นเรื่องของการทำราคาได้ดีคุ้มค่าเช่นเดิม รวมถึงรองรับ Thunderbolt 4 ในสเปกนี้ก็เรียกได้ว่า ไม่น่ามีจุดไหนให้ติเท่าไรนัก เป็นรุ่นที่น่าสนใจและแนะนำสำหรับคนงบ 30K ได้เป็นอย่างดีและคุ้มค่ามากครับ

ข้อดี

  • งานออกแบบสวย เรียบหรู และ คุณภาพดีกว่ารุ่นก่อน
  • หน้าจอมีความลื่นไหลในการเล่นเกมดีกว่าเดิมพอสมควร
  • เทียบความคุ้มค่าต่อราคาและสเปกทำได้ดีสมชื่อ TUF
  • การระบายความร้อนทำได้ดี 3 ทิศทาง ประสิทธิภาพใช้งานได้ดีไม่ตกแม้ทำงานนานๆ
  • intel i5 Gen 11 ตอบโจทย์การทำงานได้เป็นอย่างดี
  • RTX 3050 รองรับการเล่นเกม ลื่นไหล ขับได้สบาย
  • SSD 512GB อ่านเขียนได้ไว
  • พอร์ตเชื่อมต่อครบ รองรับ Thunderbolt 4
  • เสียงพัดลมทำงานสูงสุดไม่ดังเท่าที่คิด
  • ความแข็งแรง รวมถึงการประกันทำได้ดีเช่นเดิม

ข้อสังเกต

  • ดีไซน์ข้างในเหมือนเดิม + คีย์บอร์ดยังเป็นโซนแบบสีเดียวทั้งหมด
  • วัสดุภาพรวม งานประกอบยังไม่แน่นเท่าพวก DASH F15 แต่ราคาก็สูงกว่า
  • RAM 8GB อาจจะไม่เพียงพอถ้าทำงานหนัก หรือ เล่นเกมโหดๆ

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review By Nineztr

Comments กันได้เลย !

Comments

0 Shares