เมื่อพูดถึงแบรนด์ที่เติบโตได้ไวมากๆแบรนด์นึงแน่นอนว่าแบรนด์ realme นั้นถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่ เปิดตัวมือถือใหม่ๆเยอะมาก และลุยตลาดแบบเต็มที่ไม่ใช่แค่ในไทย แต่รวมถึงตลาดโลก แถมล่าสุดนั้นยังไปลุย ญี่ปุ่นอีกด้วยเช่นกันครับ เมื่อมาดูในไทยนั้นทาง realme เตรียมเปิดตัว realme 8 Series น้องใหม่รุ่นล่าสุด ทั้ง realme 8 และ realme 8 5G ที่น่าสนใจทั้งคู่ทั้งเป็นรุ่นที่รองรับการใช้งาน 5G และ ยังมีการออกแบบใหม่ทั้งหมดถ้าหากเทียบกับรุ่น 7 ก่อนหน้าครับ และงานออกแบบฝาหลังอะไรนั้นสวยงามพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับการรองรับการชาร์จไวในรุ่น realme 8 รวมถึงในรุ่น realme 8 5G นั้นรองรับหน้าจอ 90Hz ใช้งานได้ลื่นไหลมากพอสมควรครับ ส่วนทางสเปคก็ต้องบอกว่ายังคงทำได้ดีทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างโดดเด่นกันไป และหลังจากใช้งานมานั้นต้องบอกว่าน่าสนใจ ทั้งในรุ่น realme 8 และ realme 8 5G พี่น้องตัวล่าสุดเลยทีเดียว ไปชมรีวิวกันได้เลย

realme 8 นั้นจะมาพร้อมกับการใช้งานหน้าจอ AMOLED ที่จะโดดเด่นขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ รองรับความสว่างสูงสุด 1,000 Nits พร้อมกับใช้งาน MTK HELIO G95 เทคโนโลยี 12nm และใช้งาน Mali G76 และมาพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB และใช้งาน 5,000 mAh พร้อมกับชาร์จไว Dart Charge 30W จัดเต็มเลยทีเดียว ส่วนทางด้านกล้องหลังให้มา 4 ตัว  กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED มาพร้อมกับ Tilt-shift Mode , Starry Mode , Neon Portrait , Dynamic Bokeh&Dual-view Video ส่วนกล้องหน้านั้น ให้มาที่ 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471  และดีไซน์ตัวเครื่องที่โดดเด่นเช่นเดิม และรุ่นนี้จะมาพร้อมกับสี Cyber Silver และ Cyber Blackเปิดราคา 8,999 บาทใน realme 8  RAM 8 GB STORAGE 128 GB

 

realme 8 5G รุ่นนี้ยังคงสานต่อการรองรับ 5G จากรุ่นเดิมมาพร้อมกับการใช้งาน MTK  Dimensity 700 5G พร้อม Dual 5G Dual Standby พร้อมกับการ์ดจอ Mali-G57 MC2 พร้อมกับการใช้งานหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว FHD+ สัมผัสลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรซเรท 90Hz  และใช้งาน  RAM 8GB STORAGE 128GB รวมถึง มาพร้อมกับ แบตใหญ่ 5000mAh ประหยัดพลังงานอัจฉริยะแม้จะใช้งาน 5G และชาร์จ 18W ส่วนทางด้านกล้องหลังใช้งาน 3 เลนส์หลัก  48MP Nightscape Camera พร้อมกับ ล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4)  และ กล้องหน้า AI Beauty 16MP f2.1 จะคนละตัวกับ realme 8 นะครับ และ ดีไซน์ฝาหลังเงาโดดเด่นพร้อมกับสี Supersonic Blue และ Supersonic Black แน่นอนว่าเรื่องของ ระบบ UI ใช้งาน realme UI 2.0 พร้อมกับ Android 11 เหมือนกันทั้งคู่ครับ พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆเช่นเดียวกันทั้งคู่นั้นเองเปิดราคา 9,999 บาทใน realme 8 5G  RAM 8 GB STORAGE 128 GB

UNBOX

ตัวกล่องนั้นเราจะเห็นว่ายังคงดีไซน์รูปแบบอะไรเหมือนกับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ และยังคงเป็นสีเหลืองและดำเช่นเดิมพร้อมกับชื่อรุ่นชัดเจน ยังคงไม่ได้ใส่ใช้งานรูปตัวเครื่องอะไรเข้ามา และมีเขียนแตกต่างกันแค่ 5G เท่านั้นทั้ง 2 รุ่น และทางด้านอุปกรณ์ ขนาดกล่องต่างๆนั้นเหมือนกันทั้ง  2 รุ่น ทั้งเรื่องของเคส การติดฟิลม์มาให้ พร้อมกับที่ชาร์จ

UNBOX REALME 8

  • ตัวเครื่อง realme 8
  • เคส TPU realme 8
  • ฟิลม์กันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
  • สาย USB-C ไป USB-A
  • ที่ชาร์จ 30W Dart Charge
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

UNBOX REALME 8 5G 

  • ตัวเครื่อง realme 8  5G
  • เคส TPU realme 8 5G
  • ฟิลม์กันรอยติดตั้งมาให้บนหน้าจอ
  • สาย USB-C ไป USB-A
  • ที่ชาร์จ 18W
  • คู่มือ และ ที่จิ้มซิม

ตัวเคสนั้นยังคงทำได้ดีในเรื่องของความหนา วัสดุและการป้องกันตัวเคสสีเข้มๆเล็กน้อยเช่นเดิมรวมถึงมีความหนาปกป้องรอบตัวเลนส์กล้อง และ หน้าจอได้เป็นอย่างดีครับ ถือว่าเป้นเคสแถมที่ทำออกมาใช้งานได้ดีมากๆตัวนึงเลยทีเดียวรวมถึงตัวเคสจะไม่ได้ใสขาว ทำให้ใช้งานไปนานๆจะไม่ได้เหลืองมากนักด้วยเช่นกัน การปกป้องหน้าจอมีมุมขึ้นมา 4 มุมพร้อมกับมีความหนาขึ้นมาเล็กน้อยครับทำให้เวลาตกหรือกระแทกป้องกันได้ระดับนึงเลยทีเดียว และตัวเครื่องก็ไม่ได้หนาหรือว่าหนักกว่าเดิมมากเกินไป เป็นเคสที่เอาไว้ใช้งานประจำวันได้เลยถ้ายังหาเคสใหม่ไม่ได้ครับ

DESIGN 

งานออกแบบใน realme 8 Series ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่น 7 ทั้งหมดทั้งเรื่องของงานออกแบบ ดีไซน์ฝาหลังหรือแม้จะเป็นการออกแบบขอบเครื่องทั้งหมดเราจะเห็นว่า มีการเล่นสีสันหรือว่าจะเป็นพื้นผิวที่แตกต่างกว่าเดิมหรือแม้จะเป็นการวางตำแหน่งกล้องด้านหลังแบบใหม่และมีการเล่นส่วนเลนส์แต่ละเลนส์ให้มีวงแยกแตกต่างกันในรุ่น 8 ครับ ส่วนสีทั้ง 2 เครื่องนี้จะเป็นสีดำทั้งคู่ แต่จะเป็นโทนสีที่แตกต่างกันในชื่อ Supersonic Black ในรุ่น realme 8 5G ที่จะออกโทนฟ้าๆเล็กน้อย และ สี Cyber Black สีดำเทาในรุ่น 8 ที่จะเป็นกล้อง 4 ตัวขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องของขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้วเท่ากันรวมถึงรูปทรง ขนาดนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนักครับในรุ่น 8 นี้

หน้าจอในทั้ง 2 รุ่นมาในขนาดเดียวกัน 6.5 นิ้ว ซึ่งในรุ่น 8 5G จะใช้งานหน้าจอที่มีความลื่นไหล 90Hz และใช้งานเป็น IPS LCD FHD+ พร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรู ส่วนในรุ่น 8 นั้นจะเป็นหน้าจอ 60Hz เท่านั้นมาพร้อมกับ AMOLED ที่รองรับการใช้งานสแกนนิ้วบนหน้าจอ และรองรับความสว่าง 1,000 nits ในการออกแบบแบบเดียวกัน

ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะเห็นกล้องหน้ามุมเครื่องเหมือนกันทั้งหมดพร้อมกับขนาดที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ ขอบด้านบนทั้ง 2 รุ่นจะมีลำโพงในขอบเครื่องหลักที่ขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนกล้องหน้า 8 นั้นจะมาพร้อมกับ 16 MP F2.1 ส่วนทางด้าน 8 5G จะมาพร้อมกับ 16MP F2.45 แตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของ เซนเซอร์ รูรับแสง

ส่วนขอบหน้าจอในด้านล่างจะเห็นว่ามีขนาดและงานออกแบบใกล้เคียงกันทั้งหมดรวมถึงปุ่มควบคุมที่สามารถใช้งานแบบในภาพ หรือจะใช้งานแบบ Gesture เต็มจอได้ด้วยเช่นกันครับถือว่าไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรในทั้ง 2 รุ่นนี้ครับ

ขอบเครื่องในด้านล่างงานออกแบทั้งหมดมีความคล้ายกันทั้งเรื่องของเส้นสายงานออกแบบที่มีความเหลี่ยมมากขึ้นตัดขอบสวยงาม และ ลำโพงตัวหลัก พร้อมกับ USB-C รวมถึง ไมค์ในด้านล่าง และยังคงมีรู 3.5 มม. ให้ใช้งาน

ขอบเครื่องในด้านซ้ายในรุ่น realme 8 5G จะมีปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงใส่เข้ามาพร้อมกับถาดซิม Triple Slot รองรับการใช้งานปกติ และขอบเครื่องมีดารเล่นพื้นผิววัสดุแบบใหม่ให้ความรู้สึกเวลาสัมผัสที่ดีขึ้นในเทคโนโลยี พ่นที่เรียกว่า Microcrack เพื่อความแข็งแรงมากขึ้นในการใช้งาน และก็ใช้งานในรุ่น 8 เช่นกัน แต่ทาง 8 นั้นในฝั่งซ้ายจะมีแค่ ถาดซิมเท่านั้น ไม่ได้มีปุ่มเพิ่ม ลดเสียงเข้ามาในฝั่งนี้ รวมถึงขนาด และ ความหนาไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากครับ

ขอบเครื่องในด้านบนนั้นจะเห็นว่าตัวขอบเครื่องในทั้ง 2 รุ่นมุมโค้งลงมาเหมือนกันทั้งคู่พร้อมกับการใช้งานที่ดีขึ้นในการขับถือใช้งาน แต่จะมีส่วนที่แตกต่างกันในเรื่องของ ไมค์ตัดเสียง ที่รุ่น 8 ใส่เข้ามาให้ในด้านบน แต่ 5G นั้นไม่มีและจะเห็นการออกแบบขอบเครื่องที่ วัสดุงานออกแบบ พื้นผิวที่ดูดีขึ้น สัมผัสดี แข็งแรงและทนทานกว่ารุ่นก่อนๆครับ

ขอบเครื่องด้านขวาในรุ่น realme 8 5G จะมาพร้อมกับสแกนนิ้วที่ขอบข้างเครื่อง ที่เป็นปุ่ม Power ในตัวครับ และไม่มีปุ่มเพิ่ม ลด เสียงในด้านนี้ ส่วนทางด้าน 8 นั้นจะเป็นปุ่ม เพิ่ม ลด เสียงพร้อมกับปุ่ม Power ซึ่งขนาดอะไรไม่แตกต่างกันเช่นกันในเรื่องของความบางของตัวเครื่อง และ น้ำหนักความหนาในภาพรวมทั้งหมดของ realme 8

ฝาหลังและงานออกแบบทั้งหมดจะมีความแตกต่างกันชัดเจน ในรุ่น realme8 5G ในด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นว่ามีความเงา สะท้อนแสงและโทนสีฟ้าสวยงามแม้จะเป็นสีดำก็ตามครับจะอมฟ้าเล็กน้อย ฝาหลังจะสะท้อนแสงสีสวยงามเวลาเจอแสงต่างๆ โดยได้แนวคิดมาจากเส้นแสงไฟหน้ารถที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนเกิดเป็น Dynamic Speed ​​Light เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของแสงเมื่อแสงตบกระทบไปยังสมาร์ทโฟน ใช้กระบวนการรูปแบบ lenticular เพื่อนำเสนอเอฟเฟกต์กระจกเงาระดับพรีเมี่ยมเพื่อดึงความรู้สึกของแสงออกมาให้ดีขึ้น พร้อมกล้อง 3 ตัวมุมซ้ายในโมดูลเดียวกันทั้งหมด ส่วนในรุ่น 8 นั้นจะเป็นฝาหลังสีเทาดำเข้มกว่า พร้อมกับกล้อง 4 ตัวแยกโมดูลขึ้นมา และฝาหลังจะแบ่งเป็น 2 ส่วนสี โซนทีดำปกติ และสะท้อนแสงสีรุ้งในส่วนที่เขียนว่า Dare to Leap นั้นเองครับซึ่งถ้าโดนแสงอาทิตย์จะเป็นสีรุ้งๆสวยงามเลยทีเดียวในส่วนตรงแถบด้านล่าง และ บริเวณกล้องข้างบน

กล้องหลังมีการออกแบบแตกต่างกันชัดเจนรวมถึงในเรื่องของสเปค และ จำนวนกล้อง ในรุ่น realme 8 5G นั้นจะมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ตัวเลนส์หลัก 48MP F1.8 พร้อมกับล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) น่าเสียดายอย่างมากที่ไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามา และในรุ่น realme 8 นั้นกล้องจะจัดเต็มมากกว่ามาให้ทั้งหมด 4 เลนส์หลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED ส่วนฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นมีความใกล้เคียงกันทั้งหมดในเรื่องภาพนิ่ง และ วีดีโอการถ่าย แต่ทางด้าน realme 8 นั้นจะรองรับการถ่าย Dual-View Video นั้นเองและมีเลนส์มุมกว้างเข้ามาเพิ่มเติมนั้นเอง

REALME 8 SPEC

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 1000nits
  • MediaTek Helio G95 12nm
  • มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G76 3EEMC4
  • RAM (LPPDDR4x) 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.45) ที่ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX471
  • เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 160.5×73.9×7.99มม. ; น้ำหนัก: 177 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว Dart Charge 30W

REALME 8 5G SPEC 

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว 90Hz ตอบสนองที่ 180Hz (2400×1080พิกเซล) Full HD+, ที่มีความสว่าง 600nits
  • MediaTek Dimensity 700 5G
  • มาพร้อมการ์ดจอ Mali-G57 MC2 950MHz
  • RAM (LPPDDR4x) 8GB + storage (UFS 2.1) 128GB, ใส่ microSD card เพิ่มได้ 256GB
  • ซิมคู่ (nano + nano + microSD)
  • Android 11 ที่ครอบด้วย realme UI 2.0
  • กล้องหลัง กล้องตัวหลัก 48MP (f/1.8)รองรับ UIS กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) แฟลช LED
  • กล้องหน้า 16MP (f/2.1)
  • เซ็นเซอร์สแกนนิ้ว ขอบเครื่องด้านขวา
  • ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
  • ขนาดตัวเครื่อง: 162.5×74.8×8.5มม. ; น้ำหนัก: 185 กรัม
  • รองรับเครือข่าย Dual 5G , 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS USB Type-C
  • แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh ที่รองรับชาร์จ 18W

SYSTEM UI 

realme UI2 ใช้งานทั้ง 2 รุ่นหน้าตาสวยงามขึ้นมีความสะอาดมากขึ้น และแน่นอนว่าใช้งานบนพื้นฐาน Android 11 นั้นเองครับทำให้หน้าตาก็ทันสมัยมากขึ้น เรียบและโล่งมากขึ้นรวมถึงการตอบสนองต่อการใช้งานรู้สึกว่าดีและไม่หน่วงเท่าไรด้วยเช่นกัน หน้าตาหลักมีความโค้งมน ลดเหลี่ยมไปอีกขั้น ทำให้หน้าตาล็อกอะไรเรียบร้อยมากขึ้นรวมถึงหน้าหลักยังคงมีเลขแจ้งเตือนมุมแอปอะไรใส่เข้ามาให้ใช้งานครับ ระบบการแจ้งเตือนเวลามีข้อความนั้นเด้งได้ไว

หน้าการแจ้งเตือนและ Quick Setting เปลี่ยนจาก android 10 ชัดเจนครับ เพิ่มการแยกสัดส่วนมากขึ้น ในการแจ้งเตือน และไอคอนต่างๆนั้นสวยและขอบโค้งมนมากขึ้นเยอะ การกดเข้าอะไรต่างๆนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดรวมถึงไอคอนรูปเฟืองก็เปลี่ยนไปด้วย เมื่อลากลงมาก็เป็นการตั้งค่าแบบเต็ม รวมถึงแบ่งหน้าจออะไรนั้นยังมีมาให้ปกติ และรองรับการแบ่งหน้าจอได้หลักๆทั้ง 3 แบบครับไม่ว่าจะเป็น Floating – Mini – Split Screen ทั้ง 3 แบบ

Gesture นั้นยังมีมาให้ครบทั้งการวาด การใช้งานท่าทางต่างๆครับ และการสแกนใบหน้า สแกนนิ้วก็ให้มาครบเลย ส่วนทางด้าน Smart Sidebar แถบหน้าจอด้านข้างก็ รองรับการแชร์ไฟล์ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้ เพิ่มเครื่องมือหรือแอปพลิเคชัน บันทึกหน้าจอในรูปแบบวิดีโอ และ จับภาพหน้าจอ นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังมีโฟลเดอร์การจัดการให้เพิ่มรายการโปรดเข้าไปเพื่อดูรายการโปรดได้สบาย

การใช้งานทั้งเรื่องของการจัดการแอป การโคลนแอปต่างๆ รวมถึงโหมดเกม และการแบ่งหน้าจอ และการควบคุมทั้งการแคปหน้าจอ และ การรับสายต่างๆก็ทำได้ด้วยเป็นพื้นฐานครับ รวมถึงการตั้งค่าการควบคุมหลักๆนั้นสามารถปรับใช้งานแบบเต็มจอหรือจะใช้งานแบบ 3 ปุ่มปกติสลับตำแหน่งได้ด้วย

การที่อัปเดต realme UI 2.0 นั้นทำให้หน้าตาการตกแต่งการเปลี่ยนแปลงอะไรนั้นง่ายมากขึ้น อิสระมากขึ้นชัดเจนครับ ทำให้เราสามารถปรับแจ้งหน้าจอได้ทั้ง ไอคอน การวางแอป ตัวอักษร หรือแม้แต่สี และ ทรงไอคอนต่างๆได้ทั้งหมด ถือว่าสวยงามมากขึ้น และแน่นอนว่ารองรับการซ่อนติ่งหน้าจอ รวมถึงย่อหน้าจอให้เป็นอัตราส่วนปกติได้ด้วยเช่นกัน และ หน้าจอรองรับการใช้งานโหมดมืด Dark Mode ในตัวเครื่องทำให้หลายๆส่วนเป็นสีดำทั้งหมดเลยครับ

GPS

ในเรื่องของการนำทางแน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ทำออกมาในการใช้งานจริงได้ดี แต่ถ้าถามว่ารุ่นไหนทำได้ดีกว่าแน่นอนว่าการที่ใช้งาน MTK เหมือนกันแต่ตัวรับสัญญาณอะไรต่างๆนั้นทาง DEMENSITY 700 5G ย่อมทำได้ดีกว่าตัวรับอะไรเด่นกว่ารวมถึงการรองรับ 5G ก็ทำให้ในการใช้งานจริงก็มีผลทำให้การจับ การนำทางอะไรนั้นเด่นกว่านั้นเอง ทดสอบโดยใช้งานจริง และ แอปนั้นก็มีผลนิดหน่อย แต่ก็ดีทั้งคู่ ในการจับได้นั้น realme 8 5G ทำได้ 45 ดวง จาก 64 ดวง และทางด้าน realme 8 นั้นทำได้ 25 ดวงจาก54ดวงครับในสภาพอากาศกลางแจ้งปกติ ในทั้ง 2 รุ่นนี้

SPEAKER 

ลำโพงในทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงเดี่ยวเหมือนกันทั้งคู่ แต่ในเรื่องของความดัง ความใสของเสียง realme 5G   ทำได้ดังกว่าเล็กน้อย แน่นอนว่าเรื่องของคุณภาพเสียง ความแน่นของเสียงหรือว่าจะเป็นแนวเสียงนั้นไม่ได้หนีกันมากนักในทั้ง 2 รุ่นถ้าไม่เอามาเทียบกันเวลาเจอเสียงเบสย่านต่ำหนักๆก็ไม่ดีเท่าไรเหมือนกันทั้งคู่ แต่ถ้าเน้นเสียงดังชัด ใส  realme 8 5G นั้นจะทำได้เด่นกว่านั้นเองในภาพรวมครับเรียกได้ว่าแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็น่าเสียดายไม่มีการใส่ใช้งานลำโพงคู่มาให้เลยในทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่งั้นจะถือว่าครบจบเลยทีเดียวสำหรับทั้ง 8 และ 8 5G รุ่นนี้ครับ

REALME 8 5G 

การใช้งาน 5G เริ่มมีคนใช้งานเยอะมากขึ้นจริงๆในคนรอบตัวก็มีหลายๆคนถามสงสัยกันเข้ามากันอย่างต่อเนื่องครับแน่นอนว่าทางด้าน realme 8 5G นั้นจะใช้งาน ชิปเซ็ต Dimensity 700 5G พร้อม Dual 5G Dual Standby ที่เราคุ้นเคยกันดีมาพร้อมกับงานออกแบบที่แปลกใหม่ในการใช้งาน ดีไซน์บางเฉียบ เพียง 8.5mm ฝาหลังเล่นกับแสงสวยงามพร้อมกับ หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว FHD+ สัมผัสลื่นไหลด้วยอัตรารีเฟรซเรท 90Hz แบบ IPS LCD รวมถึงทางด้านแบต 5000mAh ประหยัดพลังงานอัจฉริยะแม้จะใช้งาน 5G และให้กล้อง 48MP Nightscape Camera และกล้องหน้า AI Beauty 16MP รวมถึงยังคง ช่องใส่การ์ด 3 ช่อง สะดวกใช้งานได้ 2 SIM พร้อมเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล SD Card ได้สูงสุด 1TB ปลดล็อคสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง ใช้งาน realme UI 2.0 และสเปค นั้นจัดเต็มให้ Ram 8GB LPDDR4X Rom128GB UFS 2.1 และเน้นทำราคาได้ดีขึ้นและจับต้องได้ง่ายขึ้นด้วย

PERFORMANCE

realme 8 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 700 5G ร่วมกับ Arm Cortex-A76 2 คอร์ และ CPU แบบ octa-core ที่ทำงานได้ถึง 2.2GHz ใช้งาน Ram 8GB LPDDR4X Rom128GB UFS 2.1 จุดนี้ทำให้เรื่องของคะแนนการอ่านเขียน หรือว่า คะแนนการใช้งานต้องบอกว่าทำได้ดีครับ ทำ Geekbench ไปได้ 572 และ 1771 ส่วน Antutu นั้นทำไปได้ 299456 คะแนน และ  Androbench การอ่านเขียนสูงถึง 965 MB/S และ 203 MB/S ครับ อีกทั้งเรื่องของการดู NETFLIX HD เรียบร้อยผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย L1 สูงสุดเลย

DIMENSITY 5G

ในรุ่นนี้ยังคงใช้งาน Dimensity 700 5G ร่วมกับ Arm Cortex-A76 2 คอร์ และ CPU แบบ octa-core  รองรับ 5G Dual SIM Dual Standby และ รองรับการเชื่อมต่อ SA / NSA รวมถึงสามารถใช้งานได้เลยตั้งแต่แกะกล่องปกติครับ ทำให้การใช้งานในเมืองหรือโซนที่มีเครือข่าย 5G นั้นสบายๆและเท่าที่ลองก็ทำได้ดีทั้งการจับและการใช้งานจริงครับ แน่นอนว่าเมื่อใช้ 5G แล้วหลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแบตจะไหลไหม อันนี้ทดสอบมาอึดพอสมควรเลยครับ เพราะเจ้า realme 8 5G รองรับการประหยัดพลังงาน Smart 5G เนื่องจาก 5G ทำให้สมาร์ทโฟนใช้พลังงานมากขึ้นจึงทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่สั้นลง realme จึงได้เปิดตัว Smart 5G Power Saving เพื่อปรับปรุงปัญหานี้ โดยเทคโนโลยี Smart 5G สามารถตรวจจับสภาพแวดล้อมของสัญญาณโดยรอบได้อย่างชาญฉลาดและจะสลับการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G อย่างอัตโนมัติ ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่าสมาร์ทโฟนที่ไม่มีคุณสมบัติ Smart 5G ถึง 30% ถือว่าตอบโจทย์สำหรับใครที่ใช้งาน 5G ตลอดและกลัวว่าแบตจะไหล ซึ่งตัวนี้แก้มาได้ดีเลย

นอกจากนี้ยังรองรับ 5G-CA (2CC 5G Carrier Aggregation) การนำความถี่หลายย่านมารวมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการรับสัญญาณ และสามารถรองรับ รองรับ 12 คลื่นความถี่ 5G ทั่วโลก (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41, n77, n78) เรียกได้ว่าพร้อมใช้งานทันที และใช้งานได้ทั้ง 2 ซิมครับ จากที่ทดสอบใส่ของ AIS ก็ขึ้นทันที และสามารถเลือกใช้งานได้เลย ทำการทดสอบในใจกลางเมืองเป็นแหล่งที่คนค่อนข้างหนาแน่นก็ถือว่าทำได้ไวกว่า 4G หลายเท่าตัวในแพ็คเกจเดียวกันครับพุ่ง 300+ ได้ตลอดเลยทีเดียว

SCREEN 90HZ

หน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเจาะรู ขนาด 6.5 นิ้ว (2400 × 1080 พิกเซล) FHD+ อัตราส่วน 20:9 ที่ใช้กระจก Corning Gorilla Glass 3สัดส่วนของจอภาพนั้น 90% รองรับความสว่างสูงสุด 600NITS และที่เด่นๆนั้นใช้งาน Refresh Rate 90Hz  และมีความลื่นไหลดีกว่าเดิมเยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับเรทราคาถือว่าทำได้ดี จากที่ลองมุมมองภาพนั้นทำได้ดี ความสีสันสดใสยังคงไม่เป็นปัญหา แต่ด้วยจอ LCD นั้นส่วนสีดำอาจจะไม่สนิทเท่าไร สู้แสงไม่โหดมากนักครับจากที่ได้ลองตอนกลางแจ้ง แต่ถ้าใช้งานในสภาพแสงทั่วไป ในห้องพวกนี้ถือว่าทำได้ดีไม่มีปัญหา หน้าจอนั้นจะไม่ได้หนีจากตระกูล 7 มากนัก คล้ายๆกันเลยถือว่าใช้งานได้ดีครับส่วนการสัมผัสใช้งานนั้นไม่มีปัญหา

FINGERPRINT 

การสแกนนิ้วให้มาในด้านข้างครับแน่นอนว่ารองรับการใช้งานทำงานได้ไวระดับนึงเพียง 0.3 วินาที ตำแหน่งใช้งานได้ง่ายและเป็นตำแหน่งพื้นฐานเวลาจับเครื่องตรงกับตำแหน่งตรงนิ้วโป้ง ซึ่งจะไปคล้ายกับทางตระกูล 7 ก่อนหน้านั้นเอง และเป็นการออกแบบที่ทำให้ฝาหลังนั้นเรียบมากขึ้น ตัวเครื่องนั้นรองรับการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกันครับรุ่นนี้

CAMERA 48MP

กล้องหลัง 3 ตัว ตัวเลนส์หลัก 48MP F1.8 พร้อมกับล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) และน่าเสียดายว่าไม่มีเลนส์มุมกว้างใส่เข้ามาให้ครับในรุ่นนี้ แต่ทางด้านฟีเจอร์การถ่ายอะไรนั้นยังคงพัฒนากันอย่างต่อเนื่องเช่นในตัว ฟิลเตอร์กลางคืนยอดนิยมมากมายในตัว ด้วยเทคโนโลยีเอ็นจิ้นการสังเคราะห์หลายเฟรมจะถ่ายชุดภาพถ่ายที่มีการเปิดรับแสงที่แตกต่างกันพร้อมกันแล้วรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว นอกจากรักษาระดับแสงที่ดีด้วยจุดไฮไลต์แล้วยังสามารถเพิ่มแสงในที่มืดเพื่อให้ชัดเจนขึ้นพร้อมรายละเอียดมากขึ้น และ การถ่าย Portrait อะไรยังคงจัดเต็มมาให้รองรับการถ่ายได้ดี ทั้งกล้องหน้า และ กล้องหลัง รวมถึง การตกแต่ง AI Beauty ก็ยังทำได้ดีเช่นกัน

SELFIE

กล้องหน้า 16MP Ultra-clear รูรับแสง F2.0 พร้อมกับการรองรับ AI Beauty เอฟเฟกต์โบเก้ โดยเฉพาะอัลกอริธึมความงามใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นสำหรับทุกเพศสภาพผิวที่แตกต่างกันและรูปทรงใบหน้า ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ที่แสดงให้เห็นถึงผิวที่บอบบางและเป็นธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ารูรับแสงกำลังดีในการถ่ายรองรับทั้งกลางวันและกลางคืนอีกทั้งยังมาพร้อมกับการถ่าย Portrait ต่างๆ รวมถึงการถ่ายกลางคืน ในกล้องหน้าก็ใส่เข้ามาให้ด้วยนะ

REALME 8 

realme 8 ตัวนี้ถือว่าเน้นการถ่ายมากขึ้นรองรับการชาร์จไวแม้จะไม่ได้รองรับ 5G แต่ก็มีการใช้งานในด้านอื่นๆที่เน้นแตกต่างกันไปหลักๆเลยตัวนี้จะได้ใช้งานชาร์จไว Dart Charge 30W ชาร์จเต็ม 50% ภายในเวลา 26 นาทีพร้อมกับ หน้าจอ Super AMOLED 6.4 นิ้ว สว่างถึง 1,000 nits ที่รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเช่นกัน ใช้งานแบตใหญ่ 5000 mAh เท่ากับรุ่น 5G ครับ ส่วนทางด้านสเปคใช้งาน ชิปเซ็ต MediaTek Helio G95 Gaming Processor ดีไซน์บางเฉียบ บางเพียง 7.99mm หนักเพียง 177g และรองรับเสียง HI-RES AUDIO ด้วยนะ ส่วนกล้องหลังให้มา 4 ตัว 64MP รองรับการถ่ายครบๆ เลนส์หลัก 64MP (f/1.79) ขนาดพิกเซล 0.8μm, รองรับ UIS/UIS Max กล้อง ultra-wide กว้าง 119 องศา 8MP  (f/2.3) กล้อง B&W portrait 2MP กล้องมาโครขนาด4ซม. 2MP (f/2.4) มาพร้อมกับ Tilt-shift Mode , Starry Mode , Neon Portrait , Dynamic Bokeh&Dual-view Video กล้องหน้า 16MP  F2.45 ถือว่าจะเน้นเรื่องกล้องหน้าจอมากกว่าเล็กน้อยครับตัวนี้

PERFORMANCE

MediaTek Helio G95 ใช้งาน โปรเซสเซอร์ขนาด 12 นาโนเมตร Cortex-A76 ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ที่ความเร็วสูงสุด 2.05GHz และคอร์ Cortex-A55 ประสิทธิภาพสูง 6 คอร์ที่ความเร็วสูงสุด 2GHz พร้อมด้วย Mali-G76 GPU 900MHz แน่นอนว่ายังมีระบบระบายความร้อนอะไรใส่เข้ามา ความร้อนด้วยของเหลวทองแดงขั้นสูง รวมถึงใช้งาน RAM 8 GB STORAGE 128GB ทำให้คะแนนั้นทำไปได้ 301088 Antutu และ Geekbench 535 และ 1693 คะแนน ส่วนทางด้าน Androbench นั้นทำไปได้ 524 MB/S เขียนไปที่ 201 MB/S กลางๆครับส่วนทางด้านความปลอดภัยอะไรนั้น DRM สามารถเช็คได้ L1 รองรับการดูหนังอะไรได้คมชัดมาตรฐานสูงสุดไม่มีปัญหา

SCREEN AMOLED 

หน้าจอในรุ่นนี้ใช้งาน AMOLED ทำให้ใครที่ชอบจอแนวนี้อาจจะเน้นตัวนี้เพราะว่าในเรื่องของการแสดงผลต่างๆ ตัวนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ให้ความละเอียด Full HD และอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสสูงถึง 180Hz เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้นขณะเล่นเกม และ มีโหมดแสงแดดที่สูงถึง 1,000 nits สามารถมองเห็นหน้าจอได้แม้ในสภาพแสงแดดจัด จอแสดงผลยังรองรับฟังก์ชั่นลดแสงเหมือน DC และโหมดป้องกันดวงตาช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับการใช้งาน Always On Display ด้วยเช่นกัน ในแง่ของความสว่างในการใช้งานจริงต้องบอกว่าทำได้ดีจริงๆและความสีสด เข้มหลายๆคนน่าจะชอบหน้าจอแบบนี้ มุมมองอะไรนั้นไม่ได้หนีกันมากแล้ว แต่ความดำสนิทในการใช้งานจริงอะไรนั้นทาง AMOLED ก็ยังคงได้เปรียบกว่าเล็กน้อย

FINGERPRINT

หน้าจอ AMOLED นั้นทำให้สแกนนิ้วบนหน้าจอได้ และ การสแกนนิ้ว ถือว่าน่าสนใจเลย รุ่นนี้คือไวมากจริงๆ ใช้เซนเซอร์ รุ่นใหม่แน่นอนว่าเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนๆ บางขึ้นด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าตัวแสงไฟนั้นเป็นสีขาวส้มตรงกลาง เป็นแบบเดียวกับรุ่นใหม่ๆที่ออกมาปีนี้ มาแทนที่พวกแสงสีฟ้า เขียว และจากที่ลองนั้นแสงสีขาวทำได้ดีกว่าพอสมควรเลย และการออกแบบเซนเซอร์อะไรบางขึ้นทำให้ตัวเครื่องในภาพรวมนั้นบางและใช้งานได้ดีขึ้นด้วยนะ

DART CHARGE 30W

แบตให้มาเยอะแน่นอนว่าการชาร์จต้องไวขึ้นทำให้รุ่นนี้ realme 8 ได้อัปเกรด Dart Charge 30W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh สามารถชาร์จเป็น 100% ในเวลาเพียง 65 นาที และเพียง 26 นาทีก็สามารถชาร์จได้เกือบ 50% ประกอบด้วยการป้องกันความปลอดภัยห้าชั้นและให้การป้องกันความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์สำหรับกระบวนการชาร์จทั้งหมด และยังรองรับการชาร์จ 15W PD ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น มาตรฐานทั่วไปได้สบายๆครับ อีกทั้งที่ชาร์จยังคงแถมมาให้ในกล่องพร้อมกับสาย DART CHARGE  ไม่ต้องไปหาซื้อแต่อย่างใด

CAMERA 64MP 

กล้องหลังรุ่นนี้จัดเต็มมาให้พอสมควรครับใช้งาน 4 เลนส์ และเลนส์หลักให้มามากถึง 64 ล้านพิกเซลเลยทีเดียวกล้องหลัก 64MP มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่พิเศษ รูรับแสง f / 1.79 และพิกเซลสูงพิเศษ 64MP รองรับ Quad Bayer ขนาดพิกเซลสูงสุด1.4μm แม้ในที่แสงน้อยภาพของคุณก็จะออกมาสว่างมาก และตัวที่ 2 จะเป็นมุมกว้างใน องศา 119° ultra wide-angle : รูรับแสง F2.25 ความละเอียด 8MP มุมมองภาพ 119 ° ตัวที่ 3 จะเป็น Macro lens  เลนส์มาโครพิเศษด้วยระยะถ่ายภาพ 4 ซม. และเลนส์ ที่ 4 ขาวดำ B&W Portrait lens ฟิลเตอร์สีใหม่ช่วยให้เลนส์ถ่ายภาพบุคคลสามารถตรวจจับแสงได้กว้างขึ้น ช่วยให้เลนส์หลักจับแสงได้ดีขึ้น อีกทั้งยังใส่ Tilt-shift Mode : โหมดการถ่ายภาพแบบจำลอง เปลี่ยนโลกแห่งความจริงให้กลายเป็นโลกขนาดเล็ก โดยปกติแล้วเอฟเฟกต์การเบลอนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยเลนส์ปรับเอียงที่มีราคาแพง ซึ่งทำให้ส่วนของภาพถ่ายชัดเจนและบางส่วนเบลอ  และ ได้อัพเกรด Strarry mode ปรับกระบวนการถ่ายภาพให้เหมาะสม โดยแยกขั้นตอนการเพิ่มความสว่างของดวงดาวออกจากอัลกอริทึมและประมวลผลโดย ISP ใน SoC ช่วยเพิ่มความสว่างและการลดสัญญาณรบกวน ได้ด้วยเช่นกันครับ แน่นอนว่าการถ่าย Portrait ก็ยังคงโดดเด่นในการใช้งานตกแต่งทั้งหมดได้ดีเช่นเดิม

SELFIE

กล้องหน้าให้มาที่ 16MP ในรูรับแสงที่แคบกว่าตัว 5G  ที่ F2.45 นั้นเองครับทำให้อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยแต่ยังคงใส่ใช้งานฟีเจอร์ Selfie portrait มาพร้อมกับ AI Beauty , Portrait Mode และ Super Nightscape ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่เพอร์เฟคมากยิ่งขึ้น ทำให้คุณภาพหรือว่าในการถ่ายนั้นรองรับได้ไม่หนีกันและ โทนสีอะไรนั้นรองรับได้สบายเลยทีเดียวแหละ และยังคงเก็บการละลายหลังรวมถึงโทนสว่างใสเป็นหลักสวยงาม

Dual-view Video โหมดการถ่ายวิดีโอรูปแบบใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกจากกล้องหน้าและกล้องหลังได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้คุณลักษณะนี้คุณจะสามารถถ่ายวิดีโอสั้น ๆ ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจได้มากมาย และในการถ่ายธรรมดาก็ยังคง รองรับ UIS / UIS Max รวมถึง Cinema Mode ความละเอียด 4K/30fps ได้ด้วยถือว่าสบาย

REALME 8 5G REALME 8 

realme 8 5G ลุยตลาดในราคาที่ดีขึ้นแน่นอนว่าอาจจะมีหลายๆส่วนที่ปรับเปลี่ยนไป แต่การรองรับ 5G ยังคงทำได้โดดเด่นเช่นเดิมมาพร้อมกับดีไซน์งานออกแบบใหม่ รวมถึงการใช้งานหน้าจอ 90Hz ลื่นไหลสบายๆ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามีราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกันครับ และในการใช้งานจริง MTK DIMENSITY 700 ก็รองรับได้สบายๆในการประหยัดพลังงาน การจับสัญญาณต่างๆ อีกทั้งงานออกแบบ บางเบาทำได้ดีเช่นเดิมเลยครับ ส่วนทาง realme 8 นั้นต้องบอกว่ากล้องเน้นๆในการรองรับการถ่ายที่ดี คุณภาพ การมีเลนส์มุมกว้างต่างๆถือว่าตอบโจทย์สายถ่ายภาพ และแน่นอนว่าหน้าจอ AMOLED รองรับได้ดีเลยทีเดียวรวมถึงชาร์จไว 30W เหมาะสำหรับใครที่ไม่ได้เน้น 5G มากนักตัวนี้ถือว่าทำได้ดี ส่วนสเปค RAM 8 GB STORAGE 128 GB ใส่เข้ามาให้ทั้งคู่เหลือๆในการใช้งานจริง และได้ Android 11 + realme UI 2.0 รองรับการใช้งาน ปรับแต่งหน้าตาและมีความลื่นไหลมา่ก

สำหรับรีวิวนี้ผมก็ต้องขอตัวลาไปก่อนสำหรับรุ่นอื่นๆก็ติดตามกันได้เลย ถูกใจฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะครับ  มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  เพื่อนๆสนใจอยากให้พวกผมรีวิวรุ่นไหนสามารถ Inbox มาบอกเราได้เลยนะ
ฝากไลค์เพจ FACEBOOK เราด้วยนะครับ >>>>>>>>>  TECHHANGOUT

เข้าร่วมกลุ่ม TECHHANGOUT พูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อมูล คุยกันเองชิลๆได้เลยที่ — Facebook  Techhangout พูดคุย Smartphone gadget 

Review by Nineztr